บทที่ 6 ตอนที่ 5

1268 คำ
“...ผมขอโทษ...” ทอเลเมียสรีบกล่าวบอก ทั้งที่ใจนั้นแสนเสียดายและยังติดใจในความหวานหอมที่ได้ดื่มด่ำ แล้วร่างท้วมของแม่บ้านก็วิ่งกึ่งเดินเข้ามา            “คุณหนูกลับมานานแล้วเหรอคะป้าอยู่หลังบ้านไม่เห็นใครไปบอกเลย” ป้าจวงเหลือบมองชายหนุ่มแปลกหน้าก่อนจะหันมาถามหญิงสาวด้วยสีหน้าแปลกใจ                                                      “สักพักแล้วค่ะป้า ปลูกต้นไม้ใหม่กันเหรอคะ” อรุโณรีย์ตอบกลับโดยไม่กล้าสบตากับแม่บ้านใหญ่ ด้วยยังใจสั่นและรู้สึกผิดเล็กๆ กับเรื่องที่ทำเมื่อสักครู่ แม้จะไม่ได้เต็มใจก็เถอะแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเลย                                               “เปล่าค่ะ ป้าให้คนช่วยกันตัดตกแต่งใหม่น่ะค่ะ มันโตเร็วกิ่งก้านออกมายาวเฟื้อยผิดรูปผิดร่างไปเสียหมด แล้วพาใครมาด้วยคะเนี่ย...คุณท่านก็มาแล้วนะคะกำลังลงจากรถค่ะ” “เหรอคะคุณพ่อมาแล้วเหรอคะ หนูลืมแนะนำป้าไปเลยนี่คุณทอเลเมียสค่ะเป็นเจ้านายหนูเอง เขามารอพบคุณพ่อ นี่...แม่บ้านแล้วก็เป็นคนที่เลี้ยงฉันมาด้วย”            “สวัสดีครับคุณป้า...” ฟังจากสรรพนามที่ใช้แทนตัวและใช้เรียกทอเลเมียสก็พอจะเดาออกว่าแม่บ้านคนดังกล่าวเป็นที่เคารพนับถือของหญิงสาวมากกว่าจะเป็นคนใช้ธรรมดาในบ้านอย่างแน่นอน เขาจึงเป็นฝ่ายยกมือไหว้แสดงความเคารพ            “สวัสดีค่ะคุณ...เชิญตามสบายค่ะคุณ คุณหนูมีอะไรก็เรียกป้านะเดี๋ยวป้าจะไปบอกคุณท่านให้เองว่ามีแขกรออยู่”            “หนูเอาของว่างมาเองแล้วล่ะ เดี๋ยวป้าจวงใช้ใครจัดให้คุณพ่ออีกซักชุดก็ได้ค่ะ” น้ำเสียงที่บอกกล่าวยังอ้อมแอ้ม แม่บ้านร่างท้วมพยักหน้ายิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะพาตัวออกไปทำงานอื่นต่อ สองหนุ่มสาวจึงตกอยู่ในสถานการณ์สองต่อสองอีกครั้ง            “เอ่อเรื่องเมื่อครู่...ผมขอโทษนะผมลืมตัวไปหน่อย...”            “ค่ะ...ฉัน”            “คุณน่ารัก...ผมอดใจไม่ไหวจริงๆ”            “คุณนาซี...” ถูกคนขโมยจูบหน้าแดงแล้วแดงอีก นั่งไม่ติดแต่ก็ไม่รู้จะลุกไปไหน เริ่มรู้สึกเจ็บแปลบที่ริมฝีปากเมื่อเม้มเข้าหากันและเลียดูดเบาๆ ก็พบว่ามันบวมเจ่อไปไม่ใช่น้อย แต่ทำไมตอนที่อยู่ในเหตุการณ์เธอถึงไม่รู้สึกเลยนะนอกจากความนุ่มละมุนและหวานล้ำ                                                                            “เดี๋ยวคุณก็จะชินเอง...เราเป็นแฟนกันแล้วมันเป็นเรื่องปกตินะ” ยิ่งเห็นหญิงสาวอายม้วนทอเลเมียสยิ่งนึกสนุก สีหน้าของเธอเหลอหลามือสองข้างกำชายกระโปรงตัวสวยจนยับยู่ยี่ ดูเหมือนเธอจะหายใจติดขัดเสียด้วยซ้ำหวังว่าคงไม่ช็อกตายกับเรื่องแค่นี้ไปเสียก่อนนะ เพราะเขามีอะไรอีกเยอะจะเซอร์ไพรส์            “คุณหนู คุณทอเลเมียส...คุณท่านมาแล้วค่ะ...” เสียงแม่บ้านคนเดิมดึงความสนใจของทั้งคู่ให้หันไปมองบุรุษวัยกลางคนในชุดสูทสีดำซึ่งกำลังเดินเข้ามา            “คุณพ่อสวัสดีค่ะ/สวัสดีครับคุณวงศ์ศาสตร์...” สองหนุ่มสาวยกมือไหว้และกล่าวทำความเคารพพร้อมๆ กัน อรุโณรีย์ส่งยิ้มให้บิดาและรีบปรับสีหน้าท่าทางของตัวเองให้เป็นปกติที่สุด            “จ้ายัยหนู สวัสดีเช่นกันครับคุณทอเลเมียส นึกยังไงมาถึงบ้านผมได้ครับวันนี้”            ฮึ...บ้านผม            “ผมมาส่งเอพริลครับก็เลยอยู่รอทักทายคุณด้วยเลย นี่ครับของฝากผมเห็นแล้วคิดว่าเหมาะกับคุณหวังว่าคุณคงชอบนะครับ” แม้ในใจจะชิงชังเกลียดแค้นมากแค่ไหนแต่ทอเลเมียสก็เลือกที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ลึกสุดใจ ทุกอย่างมันจะส่งผลต่อตัวเขาเองนั่นแหละ            “ขอบคุณครับ...เชิญตามสบายเลยครับคุณทอเลเมียส สงสัยลูกสาวของผมคงทำให้คุณเดือดร้อนมากพอดูถึงได้บุกมาถึงบ้านกันเลยอย่างนี้” วงศ์ศาสตร์กล่าวอย่างอารมณ์ดี แบมือเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มวัยละอ่อนกว่า นั่งลงเช่นเดียวกับตัวเองที่เลือกโซฟาข้างๆ บุตรสาวเป็นที่พำนักเพื่อสนทนากันต่อ            “เปล่าครับ...เอพริลเก่งมากขยันแล้วก็ฉลาดด้วยเรียนรู้เร็ว...”            “ลูกพ่อเก่งขนาดนั้นเชียว...นี่ติดสินบนอะไรคุณทอเลเมียสเขารึเปล่า”            “คุณพ่อคะ...หนูเปล่านะ...”                                                     “พ่อล้อเล่น...พ่อรู้ว่าหนูต้องทำได้อยู่แล้ว” นักธุรกิจเฒ่ากล่าวพร้อมกับเอามือลูบศีรษะบุตรสาวคนเดียวอย่างรักใคร่ ภาพนั้นยิ่งทำให้ทอเลเมียสที่มองต้องกัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ...ที่เขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับบิดาและมารดาอีกแล้วไปชั่วชีวิตก็เพราะไอ้คนชั่วตรงหน้านี่แหละ                                                           “ว่าแต่คุณมีธุระอะไรอื่นกับผมหรือเปล่าครับว่ามาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ หรือถ้ายัยหนูไปทำความยุ่งยากให้บริษัท คุณก็บอกผมได้ ผมยินดีรับฟังนะ” วงศ์ศาสตร์ละมือลงมาวางในท่าสบายก่อนจะหันมาถามชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะเขากับทอเลเมียสนั้นไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันเลย เรียกได้ว่าคุยกันแทบจะนับคำได้แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับมานั่งอยู่ในห้องรับแขกบ้านของเขาแถมยังมีของติดไม้ติดมือมาให้อีกคิดว่าคงไม่ใช่แค่มาส่งอรุโณรีย์อย่างเดียวแล้วกระมัง “อ๋อครับ...” ทอเลเมียสยิ้มให้แต่สายตากลับเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ จิ้งจอกเฒ่า เธอเองก็คงกำลังลุ้นในสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อเช่นกัน “คือตั้งแต่เอพริลเข้าไปทำงานที่บริษัทก็ช่วยงานผมหามรุ่งหามค่ำมาตลอดแถมยังไม่เคยมีอะไรขาดตกบกพร่องอีกด้วย ผมเห็นว่าเธอเพิ่งจะเริ่มฝึกงานแต่กลับต้องมารับบทบาทหนักเอาการก็อยากให้เธอได้พักสมองบ้าง” “ยังไงกันครับ”                                                                         “อาทิตย์หน้าจะมีวันหยุดยาว ผมเลยอยากมาขออนุญาตคุณพาเอพริลไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาครับ” ชายหนุ่มบอกไปตรงๆ สายตาจ้องคู่สนทนาไม่กะพริบล่อกแล่ก ทางด้านอรุโณรีย์นั้นก็หันมองสองหนุ่มต่างวัยสลับกัน รอคอยคำตอบไปด้วย “ไปเที่ยวเหรอ...ไปกับใครบ้างครับ” “เราจะไปกันสองคนครับคุณวงศ์ศาสตร์” ทอเลเมียสตอบตามความเป็นจริงอย่างไม่มีหวั่นไหว ในดวงตานั้นมั่นใจในทีว่าเขาต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน “คือเรื่องนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วยหรอกนะ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจคุณแต่เอพริลน่ะเป็นผู้หญิงถ้าไปไหนมาไหนกับคุณสองต่อสองเดี๋ยวใครเขาจะเอาไปนินทากันได้ อีกอย่างอาทิตย์หน้าผมก็ไม่อยู่ทั้งอาทิตย์เสียด้วยผมอยากให้เอพริลอยู่ดูแลที่บ้าน” วงศ์ศาสตร์ปฏิเสธแบบสุภาพที่สุด เหลือบมองชายหนุ่มอย่างไม่ใคร่พอใจนัก อรุโณรีย์ไม่เคยไปไหนกับผู้ชายสองต่อสอง แม้แต่ตอนไปทำงานก็ยังให้บอดี้การ์ดแอบตามไปดูแลบ้างเป็นบางครั้งบางคราว และพอจะรู้ความเคลื่อนไหวของสองหนุ่มสาวนี่มาบ้างว่าพฤติกรรมไม่เหมือนเจ้านายลูกน้องธรรมดานัก แต่ไม่นึกว่าวันนี้ทอเลเมียสจะกล้าเข้ามาขอพาออกไปเดทกันแบบซึ่งๆ หน้า มันเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่เคยกล้าทำมาก่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม