พลบค่ำพอดีสองหนุ่มสาวจึงได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งแลดูสะอาดสวยงามพอสมควร พวกเขาก็มีเวลาจำกัดเกินกว่าจะตระเวนขับรถหาที่อื่น เมื่อมาถึงก็เปิดห้องให้คนเจ็บพัก โดยมีพนักงานผู้ชายช่วยประคองทอเลเมียสขึ้นไปในห้อง ให้เขานั่งบนเตียงนอนเสียเลย เพื่อไม่ให้ต้องลำบากในการเดินเหิน
“เป็นยังไงบ้างค่ะ เอพริลล้างแผลใหม่ให้คุณนะคะ” อรุโณรีย์รีบนั่งคุกเข่าบนพื้นแล้วยกเท้าข้างที่เป็นแผลของเขาซึ่งนั่งอยู่บนปลายเตียงนอนขึ้นมาดู มีเลือดซึมเปื้อนผ้ากอซสีขาวพอสมควร
“เลือดออกด้วยค่ะ เดี๋ยวเอพริลทำแผลให้ใหม่” เมื่อเขาไม่ตอบอรุโณรีย์ก็จัดการนั่งพับเพียบลงบนพื้นนั่นโดยไม่สนใจอะไรนอกจากพะวงเรื่องรื้อค้นอุปกรณ์และยาที่ซุกไว้ในกระเป๋าแล้วเอาลงจากรถมาด้วย
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกเอพริล...แค่แผลนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย” ชายหนุ่มกล่าวปลอบเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ยามแกะผ้าพันแผลให้เขาและทำการปฐมพยาบาลให้เขา
“เย็บตั้งสามเข็มแถมเลือดยังออกอีก ไม่เป็นไรได้ยังไงคะ...”
“ไกลหัวใจตั้งเยอะ” คนป่วยยังยิ้มเย้าแหย่เธอทั้งๆ ที่เขาก็เจ็บจริงๆ นั่นแหละ แต่แผลแค่นี้มีหรือจะระคายทอเลเมียสได้ คนอย่างเขาเจอศึกหนักหนาสาหัสมาทุกรูปแบบตั้งแต่ตอนที่อยู่คาสิโนแล้ว กะอีแค่แผลเล็กๆ ที่ตั้งใจมันไม่สะทกสะท้านอะไรเขาสักนิด
“เสร็จแล้วค่ะ อยากดื่มอะไรร้อนๆ ไหมคะ...”
“ไม่...ผมอยากนอนสักงีบ” ชายหนุ่มกระเถิบถอยหลังไปจนถึงหัวเตียงแล้วพิงกายใหญ่ลงบนหมอนใบนุ่ม พร้อมทั้งใช้มือตบเบาๆ ที่หมอนอีกใบ
“มาสิคุณก็ต้องพักผ่อนนะ ไม่ได้พักมาทั้งวันแล้ว”
“เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะเชิญคุณเถอะ เอพริลขอนั่งดูทีวีตรงนี้ดีกว่า รับรองจะไม่เปิดเสียงดังรบกวนคุณ” หญิงสาวเก็บของที่ไม่ใช้ไส่ถังขยะและเอายาในถุงใส่ในกระเป๋าเรียบร้อย ก็หันมายิ้มให้คนชวนด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ แล้วรีบหันหลบไปนั่งตรงโซฟามุมห้อง
“ตามใจ...” ทอเลเมียสก็ไม่คัดค้าน รีบเอนกายลงบนที่นอนแล้วตะแคงเอามือกอดอกหลับตาเพื่อพักผ่อนเอาแรงทันที ไม่เห็นมีอะไรต้องรีบ โบราณว่า...ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
และยังไงคืนนี้เขาจะได้รู้เสียที ว่าพร้าเล่มนี้...งามจริงสมกับที่รอคอยหรือเปล่า