กิ๊บตัวที่เขามอบให้เธอในคืนงานวันเกิด บ่อยครั้งที่เจอกันมันมักเป็นเครื่องประดับชิ้นเอกบนพวงผมยาวสยายของเธอ และนั่นทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“โห...คุณทอเลเมียสขอบคุณมากค่ะ ทำไมไม่บอกเราก่อนหน้านี้ล่ะคะ ตอนนี้ก็ได้งานทำกันหมดแล้วด้วย ถ้ารู้อย่างนี้เราไปสมัครที่บริษัทคุณทอเลเมียสเสียตั้งนานแล้วนะคะ จริงไหมเฟื่อง” อัฉจิมารับนามบัตรเอามาแจกให้กับเพื่อนสาวทั้งสอง พลางคุยกับพรมกนก ส่วนอรุโณรีย์นั้นต่างก็รู้กันอยู่แล้วว่าคงต้องอยู่เป็นคุณหนูในถังข้าวสารไปอีกนาน
“นโยบายนี้เพิ่งจะออกมาน่ะครับ...” เขาตอบสั้นๆ พลางตวัดสายตาไปยังหญิงสาวที่ดูจะสงบกว่าใครๆ เขามองเห็นสายตาที่ส่อแววประกายความหวังบางอย่าง แต่เพียงวูบเดียวที่เธอเองก็เผลอแสดงออกความรู้สึกนั้นออกมา และปรับตัวให้ก้มหน้างุดเช่นเดิมอีกครั้ง
“ตอนนี้พวกเราได้งานทำกันหมดแล้วล่ะค่ะ ที่เหลือก็มีแต่...เอพริล...”
“เรารีบกลับกันดีกว่า เฟื่อง เอมี่ เดี๋ยวคุณพ่อจะเป็นห่วงนี่ก็เย็นมากแล้ว” อรุโณรีย์รีบขัดเสียงเจื้อยแจ้วของอัฉจิมาเสียก่อนที่เพื่อนจะได้ปริปากเอ่ยสิ่งใด
“อ๋อ...เอ่อ นั่นสิกลับกันดีกว่า ขอบคุณสำหรับนามบัตรขอตัวก่อนนะคะคุณทอเลเมียส”
“ขอโทษด้วยนะคะที่พวกเรามารบกวน เอาไว้เจอกันวันหลังนะคะ ลาก่อนค่ะ” พรมกนกบอกลาอีกคนตามมารยาทเหลือแต่อรุโณรีย์เท่านั้นที่คงเหลือบตามองสองหนุ่มแล้วพยักหน้ายิ้มๆ แทนคำพูด
“ครับ...แล้วค่อยเจอกันครับ...” สิ้นเสียงทุ้มลึกของทอเลเมียสสามสาวก็ก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนั้น ส่วนตัวเขาและพิศณุรวมถึงโยธินก็นั่งรับประทานอาหารและสนทนากันต่อ พิศณุที่ค่อนข้างสนิทกับรองผู้อำนวยการหนุ่มพอสมควรอดที่จะสงสัยในการกระทำของเขาเสียไม่ได้ เริ่มตั้งแต่หลังกล่าวลากับลูกค้าที่โรงแรมซึ่งนัดหมายเจรจาเกี่ยวกับธุรกิจแล้ว ทอเลเมียสกลับตั้งใจชวนเขามานั่งรับประทานอาหารเสียที่นี่ ทั้งๆ ที่โรงแรมแห่งนั้นก็มีอาหารสารพัดให้พวกเขาเลือกรับประทาน ที่สำคัญ ดูเหมือนทอเลเมียสจะรีบร้อนกับความจงใจนั่นเป็นอย่างมากอีกด้วย
“คุณชอบเธอเหรอ...”
“ใคร...คุณหมายถึงอะไร...” ทอเลเมียสถามกลับ ละสายตาจากอาหารที่กำลังง่วนตักเข้ามามองคู่สนทนา
“ลูกสาวคุณวงศ์ศาสตร์ ดูเธอจะมีปฏิกิริยากับคุณมากกว่าใครด้วย...” คนช่างสังเกตตอบยิ้มๆ มีเลศนัย พิศณุจ้องดูสีหน้าผู้มีตำแหน่งเหนือกว่าก็รู้แล้วว่าเขาทำตัวไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่ นั่นไม่ใช่ปัญหาความสนิทสนมที่มีต่อกันอยู่ในระดับที่สามารถพูดคุยเรื่องส่วนตัวได้อยู่บ้าง ส่วนโยธินนั้นนั่งรับประทานอาหารต่อในท่าทีสบายๆ ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องที่ทั้งคู่กำลังสนทนา
“รู้ดี...”
“รู้ทันต่างหาก ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเปลี่ยนรสนิยมจากสาวเซ็กซี่ร้อนแรงมาเป็นคุณหนูในกรงทอง แต่...มันก็น่าตื่นเต้นดีพิลึก” พิศณุหัวเราะในคำคอก่อนจะหยุดออกความคิดเห็นและตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารจนเสร็จ ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปยังบริษัทเพื่อทำงานกันตามปกติ ไม่มีใครล่วงรู้หรอกว่า ใจของทอเลเมียสมันมีอะไรที่อยู่เหนือเกินกว่าแรงดึงดูดที่ชายหญิงพึงมีต่อกัน สำหรับเขาคงเป็นแรงพยาบาทอาฆาตแค้นเท่านั้นที่จะชักนำไปสู่หนทางให้ศัตรูย่อยยับดับสูญไปต่อหน้า แล้ววันที่รอคอยนั้นมันก็เข้ามาใกล้ทุกที...ทุกทีแล้ว