บทที่ 9 ตอนที่ 2

1302 คำ
อาการเมื่อยล้าเจ็บร้าวไปทั้งร่างกาย โจมตีหญิงสาวทันทีที่เธอรู้สึกตัวตื่นจากการหลับใหล ดวงตากลมโตกะพริบถี่ลมหายใจโรยแรง รับรู้ถึงความระบมทั่วสรรพางค์เมื่อเผลอขยับเพียงเล็กน้อย เธอครางฮือในลำคอและหลับตาลงอีกครั้งอย่างอดกลั้น ที่แย่ไปกว่านั้นเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นต้นเหตุก็ไหลเวียนเข้ามาตอกย้ำให้หัวใจบอบบางแปลบหวิวเข้าไปอีก เธอ...สูญเสียความสาวให้กับเขาด้วยความไม่ตั้งใจไปเสียแล้ว ไม่รู้จะโทษใครดี สถานการณ์หรือใจตัวเองที่ควรต้องรับผิดชอบต่อเรื่องอันไม่สมควรนี่ “ตื่นแล้วเหรอเอพริล...สายมากแล้วนะคุณเป็นยังไงบ้าง” “คุณนาซี...” เสียงแหบพร่าเรียกชื่อบุรุษผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีทางพฤตินัยไปแล้วซึ่งกำลังเดินกะเผลกเข้ามาหาเธอที่เตียงนอน ดีหน่อยที่เขาอยู่ในชุดคลุมขาวสะอาดไม่โป๊เปลือยอย่างภาพที่อยู่ในความทรงจำเมื่อคืน “เอ๊ะ...นี่คุณมีไข้นี่เอพริล...” ทอเลเมียสนั่งลงข้างๆ คนตัวเล็กที่นอนคลุมโปงภายใต้ผ้านวมผืนใหญ่ ใบหน้าของเธอซีดเซียวเมื่อเอามือไปลองแตะดูตรงหน้าผากก็พบว่าอุณหภูมิในร่างกายหญิงสาวไม่ได้ปกตินัก “น้ำค่ะ...เอพริลหิวน้ำ...” “รอเดี๋ยวนะผมจะให้พนักงานเอาน้ำอุ่นมาให้ ในห้องมีแต่น้ำเย็นคุณคงดื่มไม่ไหวหรอก เดี๋ยวเราจะไปหาหมอกันไม่ต้องกลัวนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสีหน้าเจือไปด้วยความห่วงใยอันลึกซึ้งชวนให้เคลิบเคลิ้มและสำหรับความไร้เดียงสาของอรุโณรีย์แล้วไม่มีทางจะทันเล่ห์เหลี่ยมของเขาได้หรอก                                “ค่ะ...” แม้อยากจะเอ่ยสิ่งใดมากกว่านั้นเธอก็ไม่สามารถทำได้เพราะสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยเลยจริงๆ เรี่ยวแรงหดหายไปเสียหมด เนื้อตัวก็ร้าวระบมแถมยังหนาวจนต้องขดตัวคู้งอทั้งๆ ที่อยู่ในผ้าผืนหนาพอสมควร มันกลับไม่ได้ช่วยสร้างความอบอุ่นให้เธอเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มรีบผละจากไปทำตามที่บอก ส่วนตัวเธอก็ได้แต่นอนหายใจรออย่างไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วพลันใจสาวก็เต้นระรัวพวงแก้มเนียนละออแดงก่ำด้วยความเขินอาย ที่ต้องอยู่กับเขาซึ่งได้เสพราคะร่วมกันอย่างถึงพริกถึงขิง เธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อนเลยนี่ เขาเป็นคนแรก คนเดียว...และหวังว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป กระนั้น ความกังวลเรื่องบุพการีจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นลูกสาวที่แสนดีคนเดิมอีกต่อไปก็ยังอัดอั้นอยู่ในหัวอก เมื่อคืนเธอนอนที่โรงแรมแห่งนี้กับเขาทั้งคืน พอล่วงเข้าวันใหม่ก็ยังกลับไม่ถึงบ้านเลย ไม่รู้ป่านนี้บิดาจะทราบเรื่องหรือยัง แล้วพวกคนรับใช้ที่บ้านจะพากันเป็นห่วงยุ่งเหยิงขนาดไหนกันนะ คิดแล้วก็พาลจะทำให้ยิ่งกลุ้มใจแล้วเธอจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดีล่ะ “ได้แล้วเอพริล...ค่อยๆ ดื่มนะ” เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวนิดนึงเพราะกำลังอยู่ในความกังวลส่วนตัว เธอแหงนหน้ามองเขาแล้วก็รีบหลบสายตาคมอย่างฉับพลัน ความอับอายที่มีอยู่มันทำให้เธอไม่กล้ามองหน้าเขายิ่งเกร็งประหม่าเมื่อชายหนุ่มนั่งลงและจับตัวเธอประคองให้ลุกโดยให้พิงอยู่กับอกเขา “ค่อยๆ นะ ตัวคุณร้อนมากเดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้ก่อนแล้วเราค่อยไปหาหมอกันดีไหม” “เอพริล...อยากกลับบ้านค่ะ” เธอยังก้มหน้างุดเมื่อดื่มน้ำอุ่นนั้นจนชุ่มคอแล้ว และบอกในสิ่งที่ต้องการกับเขา “คุณไม่สบายอยู่นะ แล้วเราก็ต้องขับรถไกลมากผมว่าเราพักที่นี่จนกว่าอาการคุณจะดีขึ้นกว่านี้อีกนิดนะเอพริลแล้วค่อยกลับกัน” “คุณพ่อล่ะคะ ถ้าท่านทราบท่านจะต้องเป็นห่วงแล้วก็ไม่พอใจมากแน่ๆ อีกอย่างเอพริลก็กลัวคนที่บ้านจะถูกลูกหลงไปด้วย” “เรื่องนั้นไว้ผมจะจัดการให้เอง คุณไม่ต้องกังวลนะทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีจะไม่มีใครต้องเดือดร้อนเด็ดขาดเพราะการกระทำของผม แม้แต่คุณ...เชื่อผมนะเอพริล...” “ฉัน...เอพริลไม่อยากไปหาหมอค่ะ” เสียงอ้อมแอ้มพร่าหวิวบอกกับเขา พยายามขยับตัวออกจากอ้อมอกที่พักพิงแต่กลับถูกกอดรั้งแน่นเข้าอีก ครั้นจะใช้กำลังขัดขืนมากก็ไม่ได้ เพราะยังเจ็บระบมไปหมด คงต้องจำยอมอิงซบตามใจเขาอยู่เช่นนั้น “กลัวผมทำไม...ผมเป็นสามีคุณแล้วนะรู้หรือเปล่า” ชายหนุ่มถามอย่างอารมณ์ดี เพิ่มความอับอายให้กับคนในอ้อมกอดยิ่งนักถึงมันจะเป็นจริงตามนั้นก็หาใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดล้อกันมิใช่หรือ “เอพริลบอกว่าไม่อยากไปหาหมอค่ะ...” “อ๋อ...ไม่สบายไม่ไปหาหมอแล้วจะหายได้ยังไงล่ะ ถ้าไม่หายก็ไม่ได้กลับบ้านนะ” “แต่...” ก่อนจะได้พูดอะไรออกไปมากกว่านั้นริมฝีปากบางเฉียบก็ถูกมือใหญ่แตะปิดเสียก่อนเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าไม่จำเป็นต้องพูดออกมาเขาก็เข้าใจ ดูจากสีหน้าท่าทางและอาการแล้วหญิงสาวคงอายถ้าต้องให้หมอตรวจรักษา เพราะนั่นเท่ากับคุณหมอท่านนั้นต้องรู้ที่มาของอาการเจ็บป่วยไปด้วยนั่นเอง “ผมเข้าใจแล้ว เอาอย่างนี้นะผมจะให้พนักงานหายามาให้คุณกินดูก่อนถ้ายังไม่ทุเลาสัญญากับผมได้ไหมว่าเราจะต้องไปพบหมอกัน ไปหาหมอผู้หญิงก็ได้” ทอเลเมียสเสนอ อดนึกขำกับการตอบรับแบบกล้าๆ กลัวๆ ตัวสั่นเทิ้มทั้งที่ถูกห่อไว้มิดชิดนั้นไม่ได้ “ทีนี้ต้องเช็ดตัวก่อน...” “เอพริลทำเองค่ะ...นะคะเอพริลทำได้อยากเข้าห้องน้ำอยู่พอดีด้วยค่ะ” “แน่ใจนะว่าจะไม่เป็นไร...เอาอย่างนี้นะผมจะอุ้มไปส่งในห้องน้ำแล้วพอคุณเสร็จธุระผมก็อุ้มกลับมานอนที่เตียงดีไหม มันจะได้ เอ่อ...ไม่ระบมมากนักไง” “ไม่เป็นไรค่ะ เอพริล...” “ถ้าอย่างนั้นผมจะจัดการทุกอย่างให้คุณเอง...ว่ายังไง” ยังจะมีทางให้เลือกอีกอย่างนั้นเหรอ “ค่ะ...”  สิ้นเสียงตอบรับอย่างจำยอมร่างของเธอก็ลอยลิ่วขึ้นจากเตียงอยู่ในอ้อมแขนเขา โชคดีที่ยังมีผ้านวมคลุมตัวอยู่ไม่อย่างนั้นเธอคงได้อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีกว่านี้แน่ๆ เพราะรู้ว่าตัวเองเปลือยเปล่าหาได้มีอาภรณ์ติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว ชายหนุ่มอุ้มคนตัวเล็กเดินไปยังห้องน้ำด้วยความยากลำบากเล็กน้อยเนื่องจากเขาเองก็มีบาดแผลอยู่ตรงฝ่าเท้าพอดิบพอดี แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่หลวงในที่สุดอรุโณรีย์ก็เข้ามายืนเหยียบอยู่บนพื้นห้องน้ำจนได้ หญิงสาวยังไม่กล้ากระดิกตัวได้แต่ก้มงุดรอให้คนที่ยืนยิ้มกระหยิ่มตัดสินใจเดินออกไปและปิดประตูให้นั่นแหละเธอถึงได้จัดการทำภารกิจส่วนตัว ทอเลเมียสเดินเขยกกลับมาหยิบมือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียงก่อนจะหลังกลับไปมองที่ประตูห้องน้ำซึ่งยังปิดสนิทเพื่อความแน่ใจก่อนจะกดหารายชื่อที่ต้องการติดต่อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม