บทที่ 5 ตอนที่ 3

1620 คำ
หญิงสาวในชุดเดรสผ้าลูกไม้สีครีม ความยาวเหนือเข่านิดหน่อยอวดเรียวขาขาวเนียนแต่ทว่ายังดูเรียบหรู รักษาความหวานแหววเฉพาะตัวเอาไว้ เธอนั่งอยู่ในห้องทำงานของพิศณุซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาของประธานบริษัท ที.พี.เอ็ม พร็อพเพอร์ตี้แห่งนี้ ซึ่งบิดาของเธอได้พาเธอมาฝากฝังไว้กับทรงภูมิ ประธานบริษัทด้วยตัวเอง และเมื่อพูดจาปราศรัยกันเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ต้องกลับไปทำงานต่อพร้อมกับทรงภูมิที่ต้องทำหน้าที่ของเหมือนกัน พิศณุจึงเป็นคนที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลเธอ และตอนนี้เขาก็ไปทำธุระสำคัญบางอย่าง เธอจึงต้องนั่งรอให้เขาเข้ามาแนะนำเรื่องต่างๆ ให้                มันน่าอายอย่างยิ่งถ้าหากใครได้มารับรู้ว่า เธอตื่นเต้นมากมายแค่ไหน เมื่อได้รู้ว่าวันนี้ต้องเหยียบย่างเข้ามาในบริษัทที่มีชายหนุ่มซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอ แม้จะยังไม่ได้พบหน้ากัน และไม่รู้ด้วยว่าจะมีโอกาสได้เจอหรือไม่ บางทีแผนกที่เธอต้องเข้าไปเรียนรู้อาจไม่มีความเกี่ยวข้องที่เขาจะต้องเข้ามาดูแล บริษัทนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาลนัก มีหลายตึก หลายชั้น หลายโซน คงไม่มีเหตุบังเอิญขนาดทำให้เธออยู่ในสายตาเขาได้หรอก                                                                                                          “คิดอะไรอยู่เนี่ย...เอพริล บ้าแล้ว นี่เธอมาทำงานนะ...” คนใจลอยครวญกับตัวเองเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าคิดเลยเถิดไปเสียไกล และคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เสียด้วย เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างเจ้าของห้องที่เปิดประตูแล้วเดินยิ้มเข้ามา                “รอนานไหมครับคุณอรุโณรีย์...”                “...ไม่เลยค่ะ เรียกฉันว่าเอพริลก็ได้” เธอยิ้มและตอบกลับเขาอย่างสุภาพ                “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับคุณเอพริล ไปกันเถอะครับจะได้ไม่เสียเวลา”                “ไป...ดูงานน่ะเหรอคะ”                “เอ่อครับ...เดี๋ยวผมจะพาไปพบคนที่จะสอนงานให้คุณด้วย”                “อ้าว...ฉันนึกว่าคุณพิศณุจะเป็นคนสอนให้ฉันซะอีกนะคะ”                “เปล่าครับ...คือมีคนที่น่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าผม” อันที่จริงก็อยากทำนะ...แต่กลัวโดนราหูจะอม                “อ่อ...ค่ะ”                “ครับ...ไปกันดีกว่า เชิญครับคุณเอพริล...” หญิงสาวพยักหน้ารับคำเชิญให้กับชายหนุ่มที่โค้งตัวและแบมือเป็นสัญญาณให้เธออย่างสุภาพ ทั้งคู่ออกจากห้องนั้นไปโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า...แม่กวางน้อยตัวหนึ่งกำลังหลงเข้าไปในกรงเสือที่พร้อมจะขย้ำเธอให้แหลกเป็นผงธุลีได้ทุกเวลา                 ทอเลเมียสที่หันหลังให้ ไม่ได้สนใจหันกลับไปมองเมื่อเสียงประตูห้องทำงานเปิดออก สายตาของเขาทอดยาวผ่านกระจกบานใสที่สะท้อนภาพพิศณุกับหญิงสาวคนนั้น เหยื่อของเขากำลังเข้ามาอยู่ในกำมือทุกขณะแล้ว                “คุณทอเลเมียสครับ...คุณหนูอรุโณรีย์มาแล้วครับ...”                “...” เมื่อได้ยินชื่อที่พิศณุเรียกหญิงสาวถึงกับใจหวิวไปนิดๆ และมองคนพูดอย่างงงๆ พิศณุพาเธอมาพบกับชายหนุ่มผู้นี้ทำไมกัน แล้วเหตุใดแค่ได้ยินชื่อใจเธอมันต้องสั่นแบบนี้ด้วยล่ะ เก้าอี้ทำงานสีดำตัวใหญ่ค่อยๆ หมุนกลับมาเผชิญกับผู้มาเยือนทั้งสอง อรุโณรีย์รีบก้มปรับสีหน้า ไม่อยากให้เห็นว่าเธอมีปฏิกิริยายังไง เพราะคิดว่าหน้าของตัวเองคงแดงระเรื่ออย่างน่าอายที่สุดไปแล้วแน่ๆ สัมผัสได้จากอุณหภูมิร้อนผ่าวที่เธอรับรู้ได้ชัดเจน “สวัสดีครับ...คุณอรุโณรีย์...”                “...สวัสดีค่ะคุณ...ทอเลเมียส” เสียงอ้อมแอ้มดังไม่เต็มคำนัก มารยาทลูกสาวผู้ดีมีชาติตระกูลเธอลืมหมดสิ้นแทบทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้                “เชิญนั่งก่อนสิครับ...ขอบคุณมากคุณพิศณุ”                “ครับ...ผมขอตัวก่อนครับ” เสร็จนาก็เก็บโค...พิศณุก้มหน้าที่กำลังแสดงออกถึงความรู้สึกเพื่อไม่ให้ใครเห็น อันที่จริงเขาก็สงสัยตัวเองอยู่นะ ว่าตกลงทำหน้าที่เป็นเลขาท่านประธานหรือเลขารองประธานกันแน่                “ตามสบายครับคุณอรุโณรีย์...”                “เอ่อ...เรียกฉันว่าเอพริลก็ได้ค่ะคุณทอเลเมียส”                “ครับคุณเอพริล...ว่าแต่ผมจำได้นะว่าเคยบอกคุณแล้วว่าให้เรียกชื่อเล่นของผมเช่นกัน”                “อ่อ...ค่ะ”                “คุณเรียนจบอะไรมาเหรอครับ แล้ว...อยากทำงานด้านไหนเป็นพิเศษไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม เขาวางตัวสบายๆ นั่งพิงเก้าอี้ทำงานและประสานมือไว้บนตักสายตามองมายังสตรีที่อยู่ตรงหน้าไม่วางตา                “ฉัน...จบศิลปศาสตร์มาค่ะ เอกภาษาอังกฤษ ส่วนเรื่องงานก็แล้วแต่คุณจะเห็นว่าเหมาะสมค่ะ” อรุโณรีย์กล่าวเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่งยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด                “คุณได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วยนี่ถ้าผมจำไม่ผิด ใช่ไหมครับ...แล้วอย่างนี้ผมจะมีเงินพอจ่ายจ้างคุณไหมเนี่ย” “เอ่อ...ถึงขาดนั้นเลยเหรอคะ คือจริงๆ แล้วฉันก็ไม่อยากมารบกวนทางบริษัทของคุณหรอกค่ะ แต่คุณพ่อท่านแนะนำให้เพราะไว้ใจคุณอาทรงภูมิ ก็...รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกันที่แค่มาฝึกหาประสบการณ์เหมือนมารบกวนยังไงก็ไม่ทราบ ถ้ามีงานที่ฉันทำได้ฉันไม่รับเงินเดือนหรอก กลัวแต่จะทำให้ยิ่งขาดทุนหรือเปล่านี่สิคะ” เธอตอบกลับแหยๆ ด้วยรู้ว่าวิธีการที่ตัวเองได้มานั่งอยู่ตรงนี้นั้น เป็นเพราะเส้นสายไม่ได้มาจากความสามารถอย่างคนอื่นๆ เขาเลย แถมยังเป็นการมาทำงานแบบทีเล่นทีจริง ราวกับว่าว่าง ไม่มีอะไรทำเอาเสียเหลือเกิน                “ผมล้อเล่น ใครจะไปใจร้ายกับคุณได้ลงคอล่ะ เอาอย่างนี้นะ ช่วงแรกๆ เนี่ยคุณก็อยู่ใกล้ๆ ผมไปก่อนก็แล้วกัน...”                “คะ...” อรุโณรีย์ ทวนข้อเสนอเขาโดยอัตโนมัติ ดวงหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในบัดดล เธอลอบเลียริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเหมือนพวงแก้มแล้วแสร้งยิ้มหลบตาเขาทำเป็นมองไปทางอื่น รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลยตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องแห่งนี้                “ผมหมายถึงให้คุณอยู่ช่วยงานผมน่ะครับ คุณจะได้รู้งานด้านการบริหารไปด้วยเพราะอีกหน่อยคุณก็ต้องดูแลกิจการต่อจากคุณพ่ออยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”                “อ๋อค่ะ...คือจริงๆ แล้วเรื่องนั้นฉันไม่เคยรู้เลย เพราะคุณพ่อไม่ค่อยชอบให้เข้าไปวุ่นวายเท่าไหร่ ขนาดจะเข้าไปที่บริษัทท่านก็ไม่ค่อยให้ไป...” หญิงสาวหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่งตอนที่ให้คำตอบกับเขา ทอเลเมียสกะพริบตาและยิ้มเยาะมุมปากก่อนจะปรับสีหน้าเย้ยหยันให้เป็นปกติโดยที่อรุโณรีย์ไม่ทันได้สังเกต                “ท่านคงเห็นว่าคุณเป็นผู้หญิงมั้งครับ...ก็เลยอยากให้เป็นแม่บ้านแม่เรือน อย่างคนสมัยก่อนก็ไม่ชอบให้ลูกที่เป็นผู้หญิงทำงานนอกบ้าน เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว...จริงไหมครับ”                “ก็คงอย่างนั้นล่ะค่ะ...”                “สรุปว่าเอาตามนี้นะครับ คุณก็อยู่เรียนรู้งานกับผมไปก่อนแล้วถ้ารู้สึกว่าชอบด้านไหนเป็นพิเศษค่อยบอกผมแล้วผมจะย้ายให้...ตกลงไหมครับ”                “ก็...กลัวจะเป็นการรบกวนคุณน่ะสิคะ เพราะคุณก็เป็นถึงรองประธานต้องทำงานหนักอยู่แล้วยังจะต้องมาสอนงานฉันอีก คือ...ให้ฉันไปอยู่แผนกอะไรก็ได้นะคะ ฉันรับรองว่าจะพยายามทำงานให้เต็มความสามารถ ไม่ให้ใครมาว่าได้เลยว่าเป็นเด็กเส้นแล้วไม่เป็นโล้เป็นพาย” หญิงสาวบอกอ้อมแอ้มอย่างเกรงใจ รู้สึกตัวเองถูกบิดาผลักให้มาเป็นภาระของคนอื่น แถมยังเลือกบริษัทแห่งนี้เสียด้วย ไม่รู้ว่าบิดาของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งๆ ตัวเขาเองก็รู้จักมักคุ้นผู้คนตั้งมากมาย                “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ...อยู่กับผมคุณก็ต้องทำงานเหมือนกัน ได้ทำหลายอย่างเรียนครอบคลุมไปทั้งบริษัทเลย ไม่ดีเหรอ” ทอเลเมียสบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงหน้ากลมมนเหมือนซาลาเปาทว่าแลดูสวยหมดจดด้วยเครื่องหน้าที่รับกันอย่างลงตัวแดงระเรื่อ และยังไม่กล้าสบตาเขาแบบตรงๆ เสียที                “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากค่ะ ฉัน...ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณด้วย...”                “ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับคุณเอพริล...ว่าแต่คุณจะเริ่มงานวันนี้เลยไหมครับ หรือค่อยว่ากันอีกทีวันอื่น”                “วันนี้เลยค่ะ เอ่อ...ฉันเตรียมตัวมาพร้อมแล้วอีกอย่างถึงกลับบ้านไปฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี”                “อ๋อ...ถ้าอย่างนั้น...เราก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าเดี๋ยวคุณช่วยผมจัดเอกสารในตู้ตรงนั้นให้หน่อยนะครับ เรียงแฟ้มทั้งหมดตามหมวดหมู่ที่เขียนแปะไว้ตรงช่องนะครับ” ชายหนุ่มชี้ไปยังตู้เอกสารที่มีแฟ้มมากมายวางระเกะระกะ แล้วยิ้มพร้อมพยักหน้าบอกให้เธอเริ่มทำหน้าที่ ๆ เขามอบหมายให้ได้แล้ว หญิงสาวยิ้มตอบและรีบลุกเดินตามนิ้วมือไปอย่างว่องไว                                                                                                       อรุโณรีย์รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้พาตัวเองออกมาจากรัศมีสายตาสีน้ำทะเลอันคมกล้านั้น เธอหายใจอย่างโล่งอก สาบานได้...ไม่เคยรู้สึกประหม่าอย่างนี้มาก่อนเลยจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม