ตอนที่ 4 หน้าที่ที่ต้องเต็มใจ (1)

1014 คำ
อากาศเย็นในยามเช้าที่สัมผัสผิวกาย มีผลต่อคนที่นอนซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนตลอดทั้งคืน เมื่อตอนนี้ไม่มีอ้อมแขนของเขารัดรึงไว้อย่างในคืนที่ผ่านมาอีกแล้ว มีเพียงแขนเรียวเล็กที่กอดตัวเองไว้และนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ธมนค่อยๆ ลืมตางัวเงีย ก่อนจะเบิกตาโพลงผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่าน่าจะเช้าแล้ว และนั่นก็ทำให้เธอไม่ทันระวังว่าร่างกายค่อนข้างระบมเพราะผ่านเรื่องเหนื่อยล้ามาเมื่อคืน จนต้องสูดปากออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกเจ็บนิดๆ ในบางจุดของร่างกายอ้อนแอ้น หันไปมองข้างๆ ไม่มีร่างของคนที่เธอซุกอกเขาตลอดทั้งคืนแล้ว รอยยุบของที่นอนยังอยู่ คาดว่าเขาคงตื่นก่อนไม่นานเท่าไร และไม่ถึงนาทีคนที่เธอสงสัยว่าเขาหายไปไหนก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา ก่อนจะยิ้มให้เธอน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ธมนอบอุ่นใจอย่างประหลาด “หนูนอนต่อได้เลยครับ วันนี้พี่มีประชุมเลยตื่นเช้ากว่าทุกวัน” เขาว่าแค่นั้นก็เดินไปที่โซนแต่งตัวที่มีฉากกั้นเป็นสัดส่วน ธมนยังรู้สึกมึนๆ งงๆ พร่าๆ เบลอๆ และยังจับต้นชนปลายวางตัวไม่ถูก กอปรกับเพิ่งตื่น เลยทำให้เธอเอ๋อๆ มากกว่าปกติ ทั้งที่ปกติก็เอ๋อๆ เฉิ่มๆ ซื่อๆ อยู่แล้ว ด้วยความรู้สึกที่ตื่นมาเหมือนร่างกายไม่ค่อยร่าเริงนัก จึงตัดสินใจเอนกายลงไปนอนอีกรอบ ความรู้สึกตอนนอนต่อไม่ได้หลับสนิทอะไร แต่ก็ดีกว่าต้องบังคับให้ตัวเองตื่นทั้งที่อยากนอนหลับอีกสักหน่อย เวลาผ่านไปราวๆ สิบห้านาทีได้ ธมนก็พลิกกายไปมาเตรียมพร้อมจะตื่นเต็มตา ก่อนตื่นก็ต้องบิดแขนไปมาไล่ความเมื่อยขบสักเล็กน้อย แล้วก็ต้องสะดุ้งกระเด้งตัวแทบไม่ทัน เมื่อหลังมือสัมผัสกับแผ่นหลังของคนที่มานั่งห้อยขาที่ขอบเตียงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “เอ่อ พี่ริว จะไปทำงานแล้วหรือคะ” เอ่ยถามเขาเสียงเบา “ครับ ตื่นยัง” “ตื่นแล้วค่ะ” อ้อมแอ้มบอกเขาอย่างเขินๆ เมื่อเห็นเขายิ้มไม่ว่าอะไรก็เลยพูดต่อ “มนขอโทษที่ตื่นสายนะคะ” “ไม่เป็นไร วันนี้พี่ต้องเข้าบริษัทเช้า เลยตื่นเร็วกว่าทุกวัน มนไปอาบน้ำก่อนเถอะ จะได้ลงไปข้างล่างพร้อมกัน เดี๋ยวพี่รอ” “เอ่อ พี่ริวจะไปถึงบริษัทสายเพราะมนหรือเปล่าคะ” ว่าอย่างเกรงใจ ที่เขาจะต้องนั่งรอเธอที่ตื่นสาย แถมเขาก็แต่งตัวเรียบร้อยในชุดสูทสีเข้มพร้อมออกจากบ้านแล้วด้วย “ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา มาพี่ช่วย” “อุ๊ย” อุทานได้แค่นั้น ก็ต้องถลามาอยู่บนตักเขา เมื่ออีกฝ่ายยกอุ้มเธอที่ตัวเปลือยเปล่ามานั่งทับตัก ผ้าห่มที่เธออาศัยคลุมตัวก็ร่นลงไปที่เอว เปิดเปลือยร่างกายเล็กแต่เต็มตึงให้เขาเห็นอย่างปิดบังไม่ได้อีกคราแล้ว “ยังเจ็บอยู่ไหม หืม” เขาถามน้ำเสียงละมุน สายตาก็สอดส่องร่างขาวนวลที่ยกแขนกอดอกไว้แน่นราวกับหวงแหน “มะ ไม่เจ็บแล้วค่ะ” บอกเขาเสียงสั่นๆ พลางก้มหน้างุด ทุกอย่างมันเพิ่งจะผ่านพ้นมาเองนะ ธมนไม่ใช่คนที่ปรับตัวได้ไวอะไรขนาดนั้น “ไหน พี่ดูซิ ทำไมแดงแบบนี้ล่ะ” เขาพึมพำ เหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าจะเอาคำตอบจากเธอ ก่อนที่มือหนาจะยื่นไปไล้รอยแดงๆ ที่อยู่บนเนินอกอย่างแผ่วเบา แทนคำขอโทษที่เขาอาจจะเมามันมากไปเมื่อคืนนี้ “มน...อยากอาบน้ำแล้วค่ะ” บอกเขาเสียงสั่นแกมกังวล เพราะถ้ายิ่งชักช้าเขาก็ยิ่งจะต้องรอนานนะ “ไปครับ พี่อุ้มดีกว่า” ว่าแค่นั้นสหัสวัตก็จัดการอุ้มเธอไปส่งถึงในห้องน้ำ ปิดประตูให้เสร็จสรรพก็เดินกลับมานั่งรอบนเตียงเช่นเดิม ธมนเองก็ใช้เวลาอาบน้ำแปรงฟันไม่ถึงสิบนาที ตอนที่นุ่งผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำก็อดประหม่าไม่ได้ แต่พอเห็นว่าเขานั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์ไม่ได้มองมาที่เธอ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก็รีบวิ่งปรู๊ดไปแต่งตัวทันที จึงไม่ได้เห็นว่าผู้เป็นสามีแอบเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะอมยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นปฏิกิริยานั้นของเธอ... ชีวิตแต่งงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้นี่จะเป็นแค่วันที่สองของการใช้ชีวิตคู่ แต่สำหรับธมนไม่ได้รู้สึกอึดอัดคับข้องใจอย่างที่กังวลแต่แรกแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกอบอุ่นทั้งกับการต้อนรับของพ่อแม่สามี และตัวของสามีเองที่ปฏิบัติต่อเธออย่างที่สามีที่ดีพึงกระทำต่อภรรยา มันอาจจะเร็วไปสักนิดที่เรียนจบปริญญาตรีไม่นานก็ต้องแต่งงานในทันทีทันใด แต่ตอนนี้ธมนไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายหรือเศร้าหมองแล้ว การที่ได้เห็นพ่อกับแม่มีรอยยิ้มโล่งใจที่เธอมีคนดีๆ ไปดูแล ธมนก็อิ่มใจแล้ว แค่ได้เห็นคนที่เรารักและรักเรามีความสุข! นั่นล่ะคือสิ่งที่ธมนยึดถือตลอดมา หลังจากพี่ริวออกไปทำงานเมื่อเช้า ธมนก็เก็บข้าวของในห้องให้เรียบร้อย ทั้งเตียงนอนที่ยับยู่ยี่นิดหน่อย และเสื้อผ้าส่วนตัวที่ไม่ควรนำส่งแม่บ้านซัก ทั้งของเธอและของพี่ริว เธอก็เก็บซักเรียบร้อยแล้ว จัดเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อยอีกนิดหน่อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม