จากนั้นก็นำไปใส่ไม้แขวนเดิมของมัน จนเรียบร้อยและแขวนไว้ใกล้ๆ กับที่ใส่ตะกร้าผ้าใช้แล้ว เพื่อว่าพรุ่งนี้แม่บ้านจะได้มาเก็บเอาไปส่งคืนร้านให้ได้อย่างสะดวก
สหัสวัตที่นั่งเช็ดผมอยู่บนเตียงไม่ว่าอะไร เขาเพียงลอบสังเกตเธอเงียบๆ พร้อมกับเช็ดผมที่ยังหมาดๆ ไปด้วย จากที่ได้เห็นเธอหอบเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำแบบนั้นก็ทำให้อดขำไม่ได้
“อาบน้ำเสร็จแล้วออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างนอกก็ได้นะครับ เปลี่ยนในห้องน้ำอาจจะไม่ถนัดหรือเปล่า”
“เอ่อ ค่ะ” หญิงสาวรับคำเขาเบาหวิว
ไม่เห็นต้องกลัวเขาขนาดนั้นเลยนี่นา หรือว่าเขาดุไป สหัสวัตคิดอย่างขำๆ
เมื่อเห็นเธอยืนมองเขาแบบเก้ๆ กังๆ ก็เลยอดพูดขึ้นมาไม่ได้
“เช็ดผมให้พี่ไหมครับ”
สาวน้อยยืนอึ้งไป ก่อนจะค่อยๆ ขยับเข้ามาหาเขาช้าๆ แล้วเอ่ยตะกุกตะกัก
“ดะ ได้ เหรอคะ”
“ทำได้ หนูอยากทำอะไรให้พี่ก็ทำได้เลยครับ พี่ไม่มีปัญหา”
ว่าจบสหัสวัตก็ยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กในมือให้
หญิงสาวเอ่ยขออนุญาตเบาๆ พร้อมกับที่มือน้อยยื่นออกไปรับผ้า จากนั้นก็พยายามเช็ดผมให้เขาอย่างเบามือ เขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูงมากจริงๆ ขนาดเขานั่งอยู่ที่ขอบเตียง ในขณะที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าเช็ดผมให้เขา ใบหน้าเขายังอยู่ระดับอกเธอเลย ธมนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กมากขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ
“มนมือหนักไปหรือเปล่าคะ” ถามเขาอย่างเกรงใจ
“ไม่ครับ กำลังดี”
เขาว่าแค่นั้น ก่อนจะยกแขนขึ้นรวบกอดเอวคอดไว้ แล้วซบหน้าลงมาบนอกนุ่มนิ่มที่อยู่ตรงหน้า รับรู้ได้ว่าคนในอ้อมแขนสะดุ้ง แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ดิ้นรนหนีหรือขืนตัวออกห่างแต่อย่างใด
ก็อยู่ด้วยกันแล้วนี่เนอะ ยังไงก็ต้องสร้างความคุ้นเคยกัน ไม่งั้นก็จะเหมือนคนแปลกหน้า เขาไม่อยากให้เธอที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาต้องอึดอัดใจในยามที่อยู่ด้วยกัน คุ้นเคยทางกายกันไว ก็คุ้นใจกันเร็วเท่านั้น เขาคิดว่านะ
“ได้ไหมคะ น่าจะแห้งแล้ว” บอกเขาพลางหยุดมือ ก่อนจะแตะที่หัวไหล่เขาเบาๆ เป็นเชิงเตือนกลายๆ เมื่อเห็นว่าเขายังซบหน้านิ่งอยู่ที่อกแบบนั้น
“ขอบคุณครับ”
สหัสวัตเงยหน้าขึ้นมาเอ่ย ก่อนจะยิ้มขอบคุณจากใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอยิ้มหวานให้เขา อย่างคนที่คลายความเกร็งลงมาบ้างแล้ว เลยดูเป็นธรรมชาติน่ามองกว่าเดิมมาก
“แล้วผมหนูแห้งยัง”
ที่จริงก็ยังไม่แห้งดีสักเท่าไหร่หรอก แต่ผมเธอไม่หนามากนัก อีกประเดี๋ยวตากแอร์สักครู่ก็คงจะแห้งสนิทได้ไม่ยาก เทียบกันแล้วผมเขาดูหนากว่าผมเธอเสียอีก แต่กระนั้นก็เลือกที่จะบอกเขาออกไปว่า
“แห้งแล้วค่ะ มนเช็ดแล้ว ตอนอยู่ในห้องน้ำ”
ว่าจบธมนก็เดินเอาผ้าขนหนูเช็ดผมของเขาไปตากที่ราวตากผ้าที่อยู่หลังห้อง และพอไม่มีอะไรให้ทำ เธอก็เก้ๆ กังๆ อีกแล้ว
ต้องขอบคุณผู้เป็นสามีของเธอ ที่เขาเหมือนจะดูออก เลยเอ่ยถามเธอขึ้นมาก่อน
“ง่วงยังครับ นอนเลยไหม หรือมนอยากทำอะไรต่อหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ มนก็ง่วงแล้ว”
“งั้นเรานอนกันดีกว่าเนอะ นี่ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว”
ธมนรีบพยักหน้า ก่อนจะเดินไปที่เตียงและขยับขึ้นไปนั่งพับเพียบบนนั้น โดยที่เขายังนั่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะถามเธออีก
“มนอยากนอนฝั่งไหนครับ”
“มนนอนได้หมดค่ะ”
“งั้นพี่นอนฝั่งนี้ มนก็นอนด้านนี้เลย ถ้าพี่นอนดิ้นไม่ต้องเกรงใจนะครับ ปลุกได้”
เขาว่าพลางส่งยิ้มอบอุ่นให้ ก่อนจะขยับขึ้นไปบนเตียงนอนเต็มตัว แล้วก็เอนกายลงนอนทันที
“อ้าว ลืมปิดไฟ” เขาว่า
“เดี๋ยวมนปิดให้ค่ะ”
ธมนรีบก้าวลงจากเตียงและเดินไปปิดไฟในห้องทันที ความมืดที่เกิดขึ้นทำให้เธอหยุดนิ่งเพื่อให้สายตาชิน แต่ครู่เดียวไฟสีเหลืองนวลละมุนตาก็สว่างขึ้น สหัสวัตเปิดโคมไฟที่หัวเตียงนั่นเอง
“มองเห็นหรือเปล่า”
“เห็นค่ะ”
ว่าแล้วก็รีบคลานขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง กราบพระท่องนะโมสามจบ ตามด้วยอะระหังสัมมาหนึ่งรอบ แล้วก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้เขาทันที
ครั้งแรกที่นอนเตียงเดียวกับผู้ชาย มันก็จะเกร็งๆ นิดๆ ท่านอนก็จะคุดคู้หน่อย...
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่ธมนก็ยังคงดิ้นไปดิ้นมา ทั้งที่เหนื่อยจนแทบอยากสลบ แต่ร่างกายเจ้ากรรมกลับไม่ยอมหลับยอมนอนเสียที กระนั้นก็พยายามขยับตัวให้เบาที่สุด ด้วยกลัวจะรบกวนคนที่นอนหงายหายใจสม่ำเสมอที่อยู่ข้างๆ
คนอะไรก็ไม่รู้ ขนาดหลับยังหล่อเลย ธมนแอบลองมองเสี้ยวหน้าหล่อคมและชื่นชมเขาอยู่ในใจ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ และหันหลังให้เขาอีกครั้งพร้อมกับหลับตาลง ตั้งใจจะบังคับให้ตัวเองนอนหลับให้ได้
“นอนไม่หลับเหรอมน” คำถามมาพร้อมกับอ้อมแขนที่วางพาดบนเอวคอดทำเอาเธอสะดุ้งเฮือกอีกครา
“สงสัยจะแปลกที่น่ะค่ะ”
สหัสวัตวางมือบนเอวบาง แล้วว่าต่อ
“ขยับมาอีกสิครับ นอนห่างแบบนั้นเดี๋ยวตกเตียงกันพอดี” ไม่พูดเปล่าเขายังลากเธอให้ชิดเข้ามานอนใกล้ๆ อีกด้วย