“พี่ก็แค่มาเดินเล่นฆ่าเวลา เพราะพี่นัดกับลูกค้าไว้ตอนบ่ายแก่ ๆ”
“อ๋อ คนรวยสินะ ทำอะไรก็ได้” เจ้าตัวพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะกอดกระเป๋าที่มีเอกสารอยู่ในมือ
“นี่เรากำลังกระแนะกระแหนพี่อยู่ใช่ไหม ว่าแต่เราเถอะ มาทำอะไรที่นี่ หรือว่ามาเดินเตะฝุ่นเล่น ๆ ตามประสาคนรวย” ว่าแล้วเขาก็ย้อนกลับมาถามเธอ
“พี่คิวล่ะก็” ขวัญจิราบิดตัวไปมาด้วยความเขิน ก่อนจะหันมาตอบเขาที่กำลังรอฟังคำตอบจากปากเธอ “ก็มาเดินเล่น และมาหางานทำค่ะ”
คิรากรเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ
“เราตกงานเหรอ”
“ปะ...เปล่าค่ะ” หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพราะไม่กล้าบอกในสิ่งที่เธอจะพูดต่อไปนี้ “คือ...คือว่า สามีของขวัญเขาไม่อยากให้ขวัญทำงานค่ะ แต่ขวัญอยากทำงาน อยู่บ้านมันน่าเบื่อ”
“แต่งงาน?” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อได้ยินคำว่าสามีออกจากปากหญิงสาวที่เธอแอบปลื้มเขา
“ชะ ใช่ค่ะ ขวัญแต่งงานมาหลายปีแล้วค่ะ แต่ยังไม่มีเจ้าตัวน้อย และขวัญก็ยังไม่พร้อมที่จะมีค่ะ” เธอตอบเขาในขณะที่ก้มหน้าลงพื้น พร้อมกับกำมือถือในมือไว้แน่น
“ละ แล้วสามีไม่ว่าเหรอ แต่งงานมาหลายปีแต่ไม่มีลูก ไม่กลัวว่าเขาจะไปมีใหม่หรือไง”
“ก็กลัวนะคะ แต่ถ้าเขาจะมีใหม่แล้วทำให้เขามีความสุข ขวัญก็จะยอมหย่าให้ค่ะ เพราะขวัญเองก็ไม่มีความสุขกับชีวิตคู่ ขวัญก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันค่ะ ว่าตัวเองพร้อมที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตไหม แต่ในเมื่อเขามาสู่ขอขวัญจากแม่ ขวัญก็ไม่กล้าปฏิเสธความหวังดีกับความรักของเขาที่มีต่อขวัญค่ะ”
“แล้วทำไมขวัญถึงไม่มีความสุข หรือว่าขวัญมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” เขาถามเธอด้วยความสงสัย
“ความรู้สึกของขวัญมีแค่คนคนเดียว ที่อยู่ในใจขวัญมาตลอด”
หญิงสาวเงยหน้ามองคนที่นั่งข้าง ๆ เธอ เพื่ออยากบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่า ในใจเธอมีแต่เขาแค่คนเดียว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้บอกอะไรเลย แล้วมานั่งเสียใจว่าทำไมตัวเอง ถึงไม่บอกเขาไปว่ารู้สึกอย่างไร
เหมือนคิรากรจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายกำลังสารภาพรักกับเขา เจ้าตัวจึงได้ชี้นิ้วมาที่ตนเอง พลางกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
“พะ พี่เหรอ ตลกน่า ขวัญกำลังอำพี่อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มมีสีหน้าเจื่อน ๆ ลงไปเล็กน้อย
“ขวัญไม่ได้ตลกค่ะพี่คิว ขวัญแอบชอบและแอบปลื้มมีพี่คิวมkตั้งนานแล้วค่ะ”
หญิงสาวสบตาเขาอย่างจริงจัง กับหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ในอก พร้อมที่จะออกมาเต้นให้เขาดูได้ทุกเมื่อ
“ไม่ตลกก็ไม่ตลกค่ะ” เขายกแขนขึ้นมาเกาศีรษะแก้เขิน ที่จู่ ๆ ก็มีรุ่นน้องที่แอบปลื้มเข้ามาสารภาพรักแบบนี้ เจ้าตัวก็ไปไม่ถูกเช่นกัน
“ช่างมันเถอะค่ะ ว่าแต่พี่คิวไม่ไปหาลูกค้าหรือคะ นี่มันก็บ่ายแล้วค่ะ” คนตัวเล็กเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือไปพลาง ๆ
“ฮืม...ครับ ว่าแต่พี่ขอเบอร์เราได้ไหม เผื่อว่าพี่มีงานให้เราทำจะได้โทรไปบอก” ว่าแล้วเขาก็หยิบมือถือขึ้นมา
“093-XXX-XXXX มันไม่น่าเกลียดไปใช่ไหมคะพี่คิว ที่ขวัญให้เบอร์พี่คิวไป แถมเมื่อกี้...ก็ดันเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปด้วย” เจ้าตัวนั่งก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าสบตาเขาอีกเลย
“มะ ไม่เป็นไร พี่เองก็ตกใจ เมื่อกี้เราก็ดันมาสารภาพรักกับพี่ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เคยโดนผู้หญิงสารภาพรักหรอกนะ แต่ด้วยที่ว่าพี่โสดมานานหลายปี แถมไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหนด้วย มันก็เลยตกใจนิดหน่อย”
“พี่คิวเป็นเกย์?”
“เปล่า ๆ พี่ไม่ได้เป็นเกย์ และพี่ยังชอบผู้หญิงเหมือนเดิม”
“เฮ้อ! ค่อยโล่งอกไปค่ะ คิดว่าพี่คิวเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชายแล้วซะอีก แต่ถ้าพี่คิวเปลี่ยนใจ ก็แอบเสียดายนะคะ ที่คนหล่อ ๆ เก่ง ๆ อย่าง พี่คิวจะไปชอบผู้ชาย”
ขวัญจิราถอนหายใจ เมื่อคนที่เธอแอบปลื้มไม่ได้ชอบผู้ชายจริง ๆ ส่วนเขาเองก็แอบอมยิ้มอยู่มิใช่น้อยที่ได้เห็นความน่ารักของเธอ ที่หาจากผู้หญิงคนไหนไม่ได้
“รู้อะไรไหม พี่เคยเปิดอ่านซองจดหมายสีชมพู ที่เสียบเอาไว้อยู่ ใต้รองเท้านักเรียนของพี่”
ขวัญจิราตาโตเกือบจะหลุดออกจากเบ้า เพราะไม่แน่ใจว่าซองจดหมายสีชมพูนั้นจะเป็นของเธอไหม เพราะสมัยมัธยมปีที่หนึ่ง เธอแอบเขียนจดหมายรักหาคิรากรจริง ๆ แต่เธอไม่รู้เลยว่าซองจดหมายดังกล่าวมันหายไปไหน เพราะถามใครก็ไม่มีใครรู้ แถมเธอเองก็โดนเพื่อนแกล้งอยู่บ่อย ๆ
“ซะ ซองจดหมาย? จะ จดหมายอะไรหรือคะ” เจ้าตัวทำหน้าเหมือนอยากรู้ว่าในเนื้อความในซองจดหมายนั้นมันใช่ของเธอไหม
“พี่จำไม่ได้ด้วยซิ” เขาทำหน้าเฉไฉไปทางอื่น เพื่อที่จะไม่บอกเนื้อหาที่อยู่ด้านในจดหมายฉบับนั้น
“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกค่ะ ขวัญเองก็ไม่อยากรู้แล้วเหมือนกัน” สิ้นเสียง เธอก็ลุกออกจากเก้าอี้ตัวนั้นแทบจะทันที จนทำให้เขาลุกตามหลังเธอ
“โกรธพี่เหรอ”