แต่คิรากรกลับมอบของขวัญให้กับเธอ โดยการหอมแก้มเป็นของรางวัล ก่อนที่เขาจะเดินจากไปพร้อม ๆ กับเหล่าแฟนคลับ
เสียงกรี๊ดกร๊าดยังคงดังสนั่นหวั่นไหว เพราะยังมีผู้หญิงอีก หลาย ๆ คน อยากโดนคนที่เธอแอบปลื้มหอมแก้มบ้าง
แต่ทว่าหญิงสาวที่โดนชายหนุ่มหอมแก้มกลับยืนแข็งทื่อแบบนั้นอยู่หลายนาที จนทำให้เพื่อน ๆ ต่างก็อิจฉาเธอจนออกนอกหน้า ด่าว่าเธอหน้าไม่อายบ้างล่ะ ไปให้ท่ารุ่นพี่บ้างล่ะ แต่คนพูดด่าทอเหล่านั้นไม่สามารถทำให้ขวัญจิราย้ายโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย เธอรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าไม่มีใครหวังดีกับเธอนอกจากตัวเธอเอง เพื่อน ๆ ที่เข้าหาขวัญจิรา ก็ได้แต่หวังผลประโยชน์จากเธอกันทั้งนั้น
ก็ขวัญจิราเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนเก่งอยู่ก่อนแล้ว เธอไม่อยาก ข้องเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเอง และช่วยบิดามารดาแบ่งเบาภาระภายในบ้าน ไม่อยากให้ท่านต้องมาลำบากใจเกี่ยวกับการเรียนของเธอ
แต่พอเมื่อเวลาผ่านไปจนเธอเริ่มเข้ามหา’ลัย ก็ทำให้ได้เจอกับเพื่อน ๆ ในหอพักระรื่น
ไม่ว่าจะเป็น คนแรกเลย คือ ผักกาด หรือ อนัญญา เป็นสาวร่างอวบ อารมณ์ดี มาจากภาคเหนือ คนที่สอง ชิลลี่ หรือ รมย์ชลี เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย (รึเปล่า) แต่เธอชอบแต่งตัววาบหวิว คนที่สาม กระต่าย หรือ ตมิสา เป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย คนที่สี่ พีช หรือ พีชญา เป็นคนใจดี ชอบมองคนในแง่บวกอยู่เสมอ และคนสุดท้าย อาย หรือ อารียา เป็นสาวแกร่ง สตรองในทุกปัญหา
พวกเธอทั้งหมดเป็นเพื่อนของขวัญจิรา ในสมัยที่ขวัญจิราเรียนมหา’ลัย เธอเลยได้เพื่อนใหม่จากหอพัก นอกจากเพื่อนในคณะเดียวกัน
ในขณะที่ขวัญจิรากำลังนอนระลึกถึงความหลัง เปลือกตาของเธอเริ่มหนักอึ้ง เจ้าตัวเริ่มข่มใจไม่ไหวก่อนจะค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงแล้วผล็อยหลับไปในที่สุด
... วันรุ่งขึ้น ...
ภูมิรพีออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เหลือเพียงแค่ขวัญจิราและ ขวัญนิภาที่อยู่บ้านเท่านั้น ตั้งแต่เธอเรียนจบมา ก็ไม่เคยได้ออกไปทำงานข้างนอกเหมือนคนอื่นเขา จนเธอเริ่มรู้สึกเบื่อตัวเอง ทำไม? เหมือนเธอกำลังเกาะสามีกิน
“แม่คะ ขวัญอยากทำงาน” จู่ ๆ ขวัญจิราก็เปิดปากพูดกับขวัญนิภา ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้า
“แม่ก็อยากให้เราทำงานเหมือนกันนะ เราจะได้รู้จักแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเอง” ขวัญนิภาเองก็เห็นด้วย เพราะหล่อนไม่อยากให้บุตรสาวของตนต้องมางอมืองอเท้า รอเงินจากสามี
“ตั้งแต่ขวัญเรียนจบ แต่งงานกับพี่ภูมิ ขวัญไม่ได้ออกไปเจอโลกภายนอกเลย ขวัญอยากมีชีวิตของตัวเอง วันไหนที่ขวัญไม่มีแม่ ไม่มีพี่ภูมิ ขวัญต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ แม่ว่ายังไงบ้างคะ”
“ได้ซิ แต่เราเคยพูดเรื่องนี้กับพี่เขาไปแล้วนี่ แถมพี่เขาก็ห่วงนักห่วงหนาว่าเราจะเป็นอะไรไป” ขวัญนิภาเอื้อมแขนมาลูบศีรษะของบุตรสาวของตน ที่กำลังนั่งเขี่ยข้าวต้มอยู่ในถ้วย
“ไม่รู้ล่ะค่ะ ถ้าพี่ภูมิไม่ให้ขวัญทำงาน ขวัญจะออกไปหางานเอง” เจ้าตัวพูดเด็ดขาด และมีความมั่นใจสูงว่าเธอต้องออกไปหางานทำให้ได้
“ก็ได้ ๆ ไว้แม่จะช่วยพูดให้ ว่าแต่วันนี้เราจะไปเดินห้างฯ กับแม่ไหม เดี๋ยวสาย ๆ แม่อรของตาภูมิจะมารับที่บ้าน”
“ไป ๆ ค่ะ ขวัญจะไปเดินดูด้วยค่ะ ว่ามีที่ไหนเปิดรับสมัครพนักงานบ้าง” หญิงสาวมีท่าทีดีอกดีใจจนออกนอกหน้า
“เรานี่นะ” ขวัญนิภาส่ายศีรษะไปมาด้วยความอ่อนใจ “แม่ไม่เข้าใจเลยว่าลูกสาวของแม่ไปทำยาเสน่ห์อะไรตาภูมิถึงหลงรักกันนะ ทำตัวอย่างกับเด็กน้อยไปได้”
“แม่คะ ขวัญไม่เด็กแล้วนะคะ จะสามสิบแล้วค่ะ” เจ้าตัวกลับทำหน้ามุ่ยใส่ผู้เป็นมารดา
“งั้นก็รีบมีหลานให้แม่ไว ๆ ซิ แม่อยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้วนะ”
“ไม่คุยกับแม่แล้ว”
เจ้าตัวตัดบท ก่อนจะรีบตักข้าวต้มเข้าปากจนหมดถ้วย แล้วนำไปล้างเก็บไว้ให้เรียบร้อย ทำเอามารดาของตนงงเป็นไก่ตาแตก พอพูดถึงหลานทีไร ขวัญจิราชอบบ่ายเบี่ยง เฉไฉไปเรื่องอื่นแทน
‘หรือว่าสองคนนี้จะมีปัญหาอะไรกัน ถึงไม่ยอมมีลูกเสียที’ ขวัญนิภาได้แต่ขบคิดในใจ
.. ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ..
“คุณแม่คะ ขวัญขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวถ้าคุณแม่จะกลับเมื่อไหร่ โทรหาขวัญได้เลยนะคะ ขวัญจะขอตัวไปเดินเล่นหน่อยน่ะค่ะ” เมื่อมาถึง ห้างฯ เจ้าตัวก็ขอกชอร ปลีกตัวออกมาจากผู้ใหญ่ทั้งสอง โดยที่ขวัญนิภายังไม่ทันได้เอ่ยปากห้าม เจ้าตัวก็เดินหนีหายไปแล้ว
“ไอ้ลูกคนนี้ ไวซะเหลือเกิน” ขวัญนิภาเองอดที่จะสบถคำออกมาไม่ได้เลย
“ไม่เป็นหรอกยัยภา ปล่อยให้หนูขวัญไปเดินเล่นเถอะ นาน ๆ จะได้ออกนอกบ้านเสียที” กชอรเองก็อดสงสารลูกสะใภ้ของตนไม่ได้ ที่แทบจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลย
ระหว่างที่ขวัญจิรากำลังเดินไปรอบ ๆ ห้างฯ ที่มีถึงห้าชั้น เจ้าตัวมีท่าทีเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งได้เห็นโลกใบนี้เป็นครั้งแรก เธอถ่ายรูปเก็บเอาไว้ พร้อมกับรูปเซลฟี่ตนเองอย่างสนุก แต่ก็ไม่ลืมที่จะดูป้ายประกาศตามร้าน