Chapter 11 เจ้าบ่าวไปไหน

1853 คำ
แขกเริ่มทยอยเข้างานจนห้องจัดเลี้ยงกว้างขวางที่จุคนได้นับพันดูคับแคบไปถนัดตา เจ้าสาวยืนชะเง้อคอยาวกวาดสายตามองหาเจ้าบ่าวไปด้วย เธอสังเกตว่าเขาหายไปนานมากแล้ว แต่จะให้เดินออกไปตามก็คงจะน่าเกลียด เพราะหากหน้างานไม่มีทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนต้อนรับอยู่ แขกที่มาจะรู้สึกอย่างไรกัน พราวลดาในชุดสีเดียวกับเจ้าสาวเดินเข้ามาสมทบเพื่อนสาว หลังจากที่ทวัชเจอเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจด้วยกันขอแยกตัวออกไปนั่งคุยกันอีกทาง “ป่าน เจ้าบ่าวยังไม่กลับมาอีกเหรอ” “อืม... ฉันก็มองหาเขาอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เจอ นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว” เจ้าสาวบอกอย่างร้อนใจ ก่อนจะเอ่ยปากขอร้องให้เพื่อนสาวช่วย “พราว... เธอช่วยออกไปตามให้หน่อยได้มั้ย แขกผู้ใหญ่ยังทยอยมาอยู่เลย มันจะดูน่าเกลียดหากไม่มีทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมาต้อนรับ” ป่านฝันขอร้องเพื่อนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เจ้าบ่าวของเธอเงียบหายไปนาน นานเกินปกติที่คนจะคุยธุระทางโทรศัพท์ ทั้งที่เจ้าสาวของเขากำลังรออยู่ “ลองโทร. ไปดีมั้ย” พราวลดาจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าตัวเองออกมา “โทร. ไปแล้วแต่ก็ไม่มีสัญญาณ เหมือนปิดเครื่องอ่ะ” เจ้าสาวตอบกลับทันที “อืม... ถ้าอย่างนั้นฉันเดินไปตามเอง” พราวลดารับอาสาและเดินออกไปทันที ตอนนี้ถ้าจะมีใครสักคนสังเกต ก็จะเห็นว่าผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวก็ไม่มีอยู่ในงานแล้วเช่นกัน พวกเขาพากันเดินออกจากงานไปเงียบๆ โดยไม่ได้บอกกล่าว หลังจากพราวลดาเดินออกไปไม่นาน เธอก็เดินหน้าตื่นมากระซิบบอกป่านฝัน “ทำไมต้องทำหน้าตื่นแบบนั้นด้วยพราว” ป่านฝันถามเพื่อนทันทีที่เดินเข้ามา แต่ก็ไม่พ้นสายตาเรดาห์ดุจเหยี่ยวสาวของดารกาที่เพิ่งเดินเข้ามาในงาน และเป็นคนเดียวที่รู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างดี เธอเดาได้เลยว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเธอเห็นเจ้าบ่าวและผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวเดินออกไปจากงานแล้ว “เรื่องมันยาว เธอออกไปกับฉันก่อน เล่าตรงนี้ไม่เหมาะ” พราวลดาลากป่านฝันออกมาด้านนอกงาน ดารกาเดินตามออกมาด้วยความใคร่รู้ “เอะ! เจ้าสาวจะรีบไปไหนหรือจ๊ะ หรือว่ากำลังจะไปตามหาเจ้าบ่าว ฉันรู้สึกว่าชีวิตการแต่งงานของเธอจะมีลุ้นจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยนะเพื่อนรัก ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าอย่าทำอะไรเพียงเพราะต้องการเอาชนะฉัน” ดารกาเม้มริมฝีปากสีแดงฉ่ำเข้าหากันก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมาเยาะเจ้าสาว ฝ่ายเจ้าสาวก็ไม่ยอมน้อยหน้า เธอยิ้มเต็มวงปากกว้างตอบกลับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงสดใส “เห็นไม่ได้ไปร่วมงานหมั้นช่วงเช้า คิดว่าจะไม่มาเสียอีก” ดารกาเดินเข้ามาจับมือป่านฝันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยาะขึ้นจมูก ใบหน้าซ่อนยิ้มไว้ข้างใน “เพื่อนรักฉันจับผู้ชายแต่งงานได้ทั้งที ฉันก็ต้องมาแสดงความยินดีสิจ๊ะ” “จุ๊จุ๊... อย่าเอามาตรฐานของเธอมาใช้กับคนอื่นสิ ไหนล่ะ... ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ ทำไมไม่ควงมาอวดให้เห็นเป็นบุญตาบ้าง” เจ้าสาวแย้งกลับ “เธอหมายความว่ายังไง” “ก็ประกาศแต่งงานโดยที่ยังหาเจ้าบ่าวไม่ได้น่ะสิ ฉันรู้จักเธอดี... ยัยดาว ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า แปดสิบแปดวันที่เหลือ เธอจะไปหาเจ้าบ่าวที่ไหนมาทัน แค่คิดฉันก็แทบจะนับวันรอขำงานแต่งของเธอไม่ไหว” ดารกายิ้มบาง “เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เอ... ถ้าฉันดูไม่ผิด เมื่อสักครู่ฉันเพิ่งเห็นว่าที่เจ้าบ่าวของเธอขับรถออกไปนะ หรือฉันอาจจะตาฝาดไป” ดารกายกนิ้วมือแตะริมฝีปากตัวเองอย่างครุ่นคิด “มีที่ไหนกัน เจ้าบ่าวหนีงานแต่งงาน แต่ถ้าเกิดมีขึ้นมาจริงๆ ฉันคงจะสงสารเจ้าสาวคนนั้นแย่เลยอ่ะ” น้ำเสียงของคนพูดที่เปล่งออกมาบ่งบอกถึงชัยชนะที่ได้มา ดารการู้ดีว่าครั้งนี้เธอเล่นแรงเกินไป เธอส่งคลิปเต้นลักษณะยั่วยวนผู้ชายในผับของเพื่อนรักให้ว่าที่แม่สามีของป่านฝัน ป่านนี้คุณหญิงตราตั้งคงเต้นเป็นเจ้าเข้า และที่เจ้าบ่าวร้อนรนออกจากงานไปเมื่อครู่ มันก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างที่ใครเข้าใจแน่ พราวลดายืนนิ่งเพราะไม่มีจังหวะให้เธอได้แทรกการสนทนาระหว่างเพื่อนทั้งคู่ เธอรู้ดีว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนรักและไม้เบื่อไม้เมามาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้กระทั่งในห้องเรียนก็ยังแย่งความเป็นที่หนึ่งกันมาตลอด แต่ทั้งคู่ก็ยังคบกันมาได้จนถึงขณะนี้ โดยไม่มีเรื่องบาดหมางมากไปกว่าจิกกัดด้วยวาจา ป่านฝันหน้าเปลี่ยนทันที เมื่อได้ยินคำพูดถากถางจากปากของเพื่อน แค่วันเดียวเพื่อนรักของเธอก็ไม่ละเว้นที่จะหาเรื่องมาจิกกัด แต่เจ้าสาวก็ยังฝืนยิ้มออกมาได้ “บอกแล้วว่าอย่าเอาเรื่องของตัวเองมาใช้กับคนอื่น ที่ประกาศปาวๆ ว่าจะแต่งงานเรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ จะมีผู้ชายสักคนที่ทนเธอได้ จากสถิติผู้ชายที่เธอแย่งฉันไปแต่ละคน พวกเขาก็ทนคบเธอไม่ถึงสองเดือนสักคนเลยนี่!” คนเป็นเจ้าสาวสวนกลับด้วยวาจาเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน “สบายใจได้ ฉันคงจะไม่เอางานของเธอไปเป็นแบบแน่นอน งานฉาวเจ้าสาวเอาปี๊บคุมหัวเดิน ใครจะทำตามล่ะ” “เธอหมายความว่ายังไง” “เอาล่ะๆ ฉันเลิกล้อเล่นแล้ว วันนี้เป็นวันดีของเธอ ฉันขออวยพรให้เธอล่วงหน้าก่อนใคร ขอให้เธอมีความสุขกับวันแต่งงาน และเป็นกำลังใจให้ตามหาเจ้าบ่าวให้เจอ ทันเวลาฤกษ์นะจ๊ะ” ดารกาบอกทิ้งท้ายก่อนจะก้าวเข้าไปในงาน คล้อยหลังดารกา ป่านฝันหันมองพราวลดาทันทีเหมือนต้องการ คำตอบ กับเรื่องที่ดารกาพูดไปเมื่อสักครู่ “เธอลากฉันมามีเรื่องอะไรพราว เธออย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับเรื่องที่ยัยดาวพูดเมื่อกี้” เจ้าสาวป้ายแดงถามเพื่อนสนิทอีกคน พราวลดาพยักหน้าหงึกๆ แล้วยื่นจดหมายในมือให้ป่านฝัน เจ้าสาวรีบคลี่จดหมายออกอ่านอย่างร้อนรน [ป่าน... ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ผมมีเรื่องใหญ่ที่ต้องไปจัดการก่อน ผมต้องขอโทษป่านจริงๆ ที่อยู่แต่งงานกับป่านไม่ได้] ป่านฝันไล่สายตาอ่านข้อความสั้นๆ ในจดหมาย ซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบรอบ เธอพยายามคิดถึงเหตุผลต่างๆ นานาของเขาที่บอกว่ามีเรื่องใหญ่ไปจัดการ วันนี้ยังจะมีเรื่องใหญ่อะไรที่สำคัญมากกว่างานแต่งงานอีก มือเล็กของเธอกำแผ่นกระดาษแน่น หัวใจของเธอบีบอัดไปด้วยความรู้สึกโกรธและเสียหน้า ยิ่งนึกถึงใบหน้าของดารกาเมื่อครู่ เธอก็ยิ่งเจ็บแค้นเขามากขึ้น พิธีตอนเช้าเขาก็ไม่ให้เกียรติมารดาของเธอ แต่สิ่งที่เขาทำตอนนี้ยิ่งมากกว่านั้น เขาเหยียบซ้ำย่ำยีหัวใจของเธอจนเจ็บร้าวและห้อเลือด “วันนี้ยังมีเรื่องใหญ่สำหรับคุณมากกว่าการแต่งงานอีกเหรอ” ป่านฝันรำพึงออกมา น้ำใสเริ่มคลอหน่วยตา คิดหาทางออกสำหรับตัวเองไม่เจอ ตอนนี้เธอไม่ต้องการแสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่อง ไม่ต้องการแสงไฟจากโคมไฟระย้าสวยหรูราคาเรือนแสน แต่เธอต้องการเพียงแสงเทียนดวงเล็กๆ ที่ส่องสว่างนำทางชีวิตที่มืดมนของเธอตอนนี้ ขอให้เธอได้เจอกับทางออกสักทาง เธอไม่ได้ต้องการถนนชุปเปอร์ไฮเวย์ ไม่ต้องการทางด่วนโทเวล ไม่ต้องการถนนสี่เลน แต่เธอเพียงต้องการตรอกเล็กๆ ที่มีทางออกและสามารถทะลุผ่านปัญหานี้ไปได้ คนที่สวมชุดเจ้าสาวเดินตามแรงฉุดของเพื่อนมาจนถึงห้องแต่งตัวเจ้าสาว เธอไม่สนใจชายกระโปรงยาวระย้าที่ลากถูไปกับพื้น ภายในห้องแต่งตัวเจ้าสาว ป่านฝันทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรง ในห้องที่อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เธอจะใช้เป็นห้องหอ ในยามนี้มันต้องอบอวลไปด้วยความสุขสิ แต่มันกลับเป็นที่รองรับน้ำตาของเจ้าสาวอย่างเธอ พราวลดาบีบไหล่เพื่อนสาวอย่างปลอบโยน พร้อมส่งน้ำดื่มให้ป่านฝัน “ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนนะป่าน ตั้งสติ” “พราว... ป่านต้องทำยังไง สมองตื้อไปหมดแล้วนะ” “ทางออกที่ดีที่สุดคือต้องติดต่อเขาให้ได้อ่ะ ถามเหตุผลและหาทางออกร่วมกัน และถึงที่สุดก็ต้องยอมรับความจริง” พราวลดาแนะทางออกอย่างเป็นลำดับขั้น สมแล้วที่เธอทำอาชีพเลขานุการ “ฉันกดโทรศัพท์หาเขานับสิบรอบแล้วนะพราว คำตอบมีแต่เพียงความเงียบ” “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องบอกความจริง ยกเลิก หรือไม่ก็เลื่อนงานแต่งงานไปก่อน บอกว่าเจ้าบ่าวท้องเสีย หรือไม่สบายอะไรก็ได้” เจ้าสาวส่ายหน้าเนือยๆ “แขกเหรื่อมากมายเป็นแขกผู้ใหญ่ทั้งนั้น แม่ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนละพราว หือ... ช่วยฉันคิดหน่อยเถอะ” “แต่มันก็เป็นทางออกเดียวที่เธอมีนะป่าน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนนะ” พราวลดาบีบหัวไหล่เจ้าสาวให้กำลังใจ ป่านฝันถอนใจเฮือกใหญ่ นึกถึงคำพูดของดารกากับสายตาเย้ยหยัน เจ้าสาวกุมขมับ ดวงตารื้นแดงเพราะเพิ่งผ่านการร้องให้อย่างหนัก ช่างไม่เหมือนป่านฝันที่แสนจะเย่อหยิ่งสักนิด พราวลดาย่อตัวลงนั่งข้างๆ เจ้าสาว ยกสองมือประคองดวงหน้าของป่านฝันให้หันมาสบตา พูดให้กำลังใจอย่างปลอบโยน “อย่าทำหน้าอมทุกข์เหมือนเธอไม่ใช่ป่านฝันที่ฉันเคยรู้จัก เธอเป็นคนเก่งนะป่าน เธอเฉียบขาดกับการตัดสินใจเสมอ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย ฉันอยู่ข้างเธอเสมอนะ มีสติ และคิดหาทางแก้ปัญหา” พราวลดาบีบมือเพื่อนปลอบประโลม ป่านฝันโผเข้ากอดเพื่อนรัก “ขอบใจเธอมากนะพราว ขอบใจจริงๆ” “เธอพร้อมหรือยังล่ะ ลงไปข้างล่างกันเถอะ” พราวลดาถามเจ้าสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นคนในชุดเจ้าสาวพยักหน้าเป็นการตอบรับเธอจึงจูงมือให้ลุกขึ้นจากเตียง และพาเดินลงไปยังห้องจัดเลี้ยง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม