ครั้นให้ถุงหอมโจวหยางอิงกับเอาของกินไปฝากคนอื่น ๆ ในหน่วยราชองครักษ์เรียบร้อยแล้ว กู้หลินเดินตรงดิ่งไปหาตงฟางฮุ่ยหลิงที่เรือนพักส่วนตัวหัวหน้าหน่วยทันที
“ฮุ่ยหลิง เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่” เขาตะโกนถามแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาจึงเดินย่องเข้าไปใกล้ขึ้น
ตงฟางฮุ่ยหลิงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะไม้ด้านใน พอเห็นเงาของใครบางคนจึงหลับตาลงครู่หนึ่ง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แล้ว แต่... ช่างเถอะ คิดได้เช่นนั้นแล้วก็ปล่อยวาง กว่าครึ่งปีมานี้ถอนหายใจไปตั้งกี่รอบ เผชิญหน้าไม่รู้กี่หน อีกฝ่ายไม่เคยละความพยายามลงบ้างเลย
ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองแขกผู้มาเยือนด้วยสีหน้าเรียบเฉยดั่งเคย
“ข้าให้เจ้า ฮุ่ยหลิง” เขายื่นถุงหอมสีเดียวกันกับสีดวงตาของตงฟางฮุ่ยหลิง “กลิ่นมะลิที่เจ้าชอบ”
คิ้วข้างหนึ่งของตงฟางฮุ่ยหลิงเลิกขึ้นด้วยความสงสัย รู้ได้อย่างไรกัน ข้าไม่เคยบอกใคร กระนั้นกลับไม่ถามออกไปตรง ๆ เก็บสีหน้าของตัวเอง “เก็บเอาไว้เถอะ”
“ข้าให้เจ้าไปแล้ว ถ้าเจ้าไม่อยากได้ก็ทิ้งไป” เขาพูดเพียงเท่านั้นแล้วเดินหนีออกมา คิดในใจว่าตงฟางฮุ่ยหลิงคงจะทิ้งของที่เขาให้โดยไม่แยแสเหมือนเช่นสิ่งของอื่น ๆ ที่เคยให้ก่อนหน้านี้
ทำดีแล้วล่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด วันนี้ไม่มีใจให้ข้า วันหน้ายังมีโอกาส อดทนไว้นะกู้หลิน เขาคิดปลอบใจตัวเองทุกครั้งยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความผิดหวัง
สามวันต่อมา
เฉินป๋อได้รับคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยให้พาลูกน้องไปฝึกในป่าทางด้านหลังโดยจำลองเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา
กู้หลินรับหน้าที่เป็นฮ่องเต้ตัวปลอมเพื่อล่อให้กลุ่มชายชุดดำตกหลุมพราง ส่วนโจวหยางอิงและคนอื่น ๆ รับหน้าที่ปกป้องฮ่องเต้ตัวปลอมนั่นเอง
“อย่าลืมเด็ดขาด ถ้ากู้หลินถูกลอบโจมตีล่ะก็ พวกเจ้าต้องถูกลงโทษ” เฉินป๋อยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ฮุ่ยหลิงไม่มาด้วยหรือ” กู้หลินถามเพราะรู้ว่าช่วงนี้เป็นวันหยุดของเขา ปกติจะต้องมาดูการฝึกด้วยตนเองแต่ครั้งนี้กลับหายไป
“หัวหน้าจะไปไหนได้เล่า ถามข้าเพราะไม่รู้จริงหรือ” เฉินป๋อลูบคางแล้วชี้ไปทางตำหนักหลวงอันเป็นที่ประทับของฮ่องเต้
โจวหยางอิงเห็นกู้หลินทำหน้าสลดจึงรีบคว้าคอเขาไปเตรียมตัวอีกทางหนึ่ง พูดตามประสาว่า “วันนี้กระหม่อมจะปกป้องฝ่าบาทเอง อย่าได้ทรงกังวลพระทัยเลย ฝ่าบาทของกระหม่อม”
“หยางอิง... คำพูดของเจ้าช่างน่าขนลุก เฮ้อ! เอาเถอะ วันนี้ข้ารับบทสบายขนาดนี้ ฝากเจ้าไว้ด้วยนะ องครักษ์มือหนึ่งของข้า” ใบหน้าที่เศร้าหมองเมื่อครู่เปลี่ยนมาอารมณ์ดีเพราะอย่างน้อยตรงนี้ยังมีคนคอยอยู่ข้าง ๆ
โจวหยางอิงไม่เคยปล่อยให้กู้หลินได้เศร้านานสักครั้ง ในใจของเขาจึงรู้สึกขอบคุณอย่างมากที่ทำให้ยิ้มได้ในวันที่เศร้า
จู่ ๆ มีคนในหน่วยรุ่นเดียวกันกับพวกเขาถามเฉินป๋อขึ้นมาว่า “พนันกันดีหรือไม่ ถ้าพวกท่านแพ้ ต้องเลี้ยงเหล้า”
เฉินป๋อได้ยินดังนั้นเลือดสูบฉีดหันไปมองหน้าชุนหมิงกับอาโป ทั้งสามคนพยักหน้าให้กันเหมือนรู้ใจ “แน่นอน หากเอาชนะพวกข้าได้ อยากได้อะไรจัดให้เลย แต่อย่าลืมว่าพวกข้าไม่ออมมือให้หรอก”
“ได้อยู่แล้ว” เสียงโห่ร้อง ฮึกเหิมขององครักษ์ฝึกหัดดังขึ้น พลางร้องเพลงปลุกใจ ต่างฝ่ายต่างแยกกันไปเตรียมตัว วางแผนแล้วพบกันในอีกหนึ่งชั่วยามข้างหน้า
เมื่อถึงเวลานัดหมาย คณะฮ่องเต้ตัวปลอมอย่างกู้หลินก็เดินลัดเลาะไปตามแนวป่าที่เคยฝึกฝน เขาซ่อนตัวอยู่ในวงล้อมของสหายร่วมรุ่น
ทุกคนใจจดใจจ่อเพราะยังไม่ได้รับข้อมูลจากหน่วยสอดแนมที่ถูกส่งออกไปก่อนหน้านี้ ตำแหน่งของเฉินป๋อและพรรคพวกจึงยังไม่เปิดเผยออกมา
แม้จะมีการฝึกฝนมาเกือบครึ่งปี แต่ฝีมือของพวกเขายังคงห่างชั้นกันอยู่บ้าง ด้วยความที่ไม่อยากเสียเงินเลี้ยงมือใหม่ที่กินจุเหมือนคนอดอยาก คณะของเฉินป๋อจึงหมายมั่นว่าจะชนะเท่านั้น
ธนูดอกแรกพุ่งออกมาโดยไม่รู้ทิศทางปักเข้าที่เกราะของคนคุ้มกันกู้หลินร่วงไปหนึ่งในพริบตาเดียว
โจวหยางอิงกวาดสายตามองเพียงแวบเดียวราวกับจะอ่านแผนของอีกฝ่ายได้บางส่วนจึงกระจายคนในกลุ่มของตนเองออกไป เวลานี้ตัวปลอมแยกออกเป็นสาม แล้วทำตามแผนที่วางเอาไว้
“ไอ้เจ้าพวกนี้มันเล่นแบบนี้กันอีกแล้ว” เฉินป๋อฮึดฮัดตกหลุมพราง
“ดูก็รู้ว่านี่แผนใคร” อาโปส่ายหน้า “เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าห้ามซ้อนแผนตัวปลอม”
“เฮอะ รู้จักข้าน้อยไปแล้ว” เฉินป๋อส่งสัญญาณให้เตรียมพร้อม “เจ้าโจวหยางอิงอยู่ที่ไหน กู้หลินก็อยู่ที่นั่น”
ทันทีที่ฝ่ายตัวปลอมขยับ ชายชุดดำของเฉินป๋อก็ต้องเริ่มเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน โจวหยางอิงยิ้มมุมปาก เขารู้ว่าทุกคนต้องหาตัวเขาจึงให้เพื่อนสองคนปลอมตัวเป็นเขาด้วยเช่นกัน
“เสี่ยวหลิน ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยปากบอกคนข้าง ๆ แล้วให้อีกฝ่ายวิ่งนำไปก่อน
ถึงจะวางแผนมาดีแค่ไหนแต่ประสบการณ์ที่โชกโชนของราชองครักษ์อย่างเฉินป๋อก็ดีกว่าหนึ่งขั้น ถึงจะมีโจวหยางอิงสักสิบคน เขาก็หาเจออยู่ดีว่าใครคือตัวจริง จึงแกล้งยิงธนูสกัดกู้หลินให้ตกใจเล่นนิดหน่อย
ชิ้ง!
โจวหยางอิงตวัดดาบปัดลูกธนูนั้นออกไปทันควัน พลางส่งสายตาให้คนในกลุ่มยิงธนูกลับไปต้นทาง
ชึบ!
ธนูดอกนั้นสวนกลับไปปักอยู่บนต้นไม้เฉียดหัวชุนหมิงไปนิดหนึ่ง
“ฮ่าฮ่า ไม่เสียแรงที่ข้าเป็นคนฝึกให้” เฉินป๋ออารมณ์ดี ดูท่าว่ามือใหม่ยังพอฝากผีฝากไข้ได้บ้าง
ครั้นรู้แล้วว่ากู้หลินอยู่ที่ไหน ทั้งเฉินป๋อ ชุนหมิงและอาโปก็ได้กลับมารวมตัวกันเพื่อโค่นฝ่ายตรงข้ามก่อนถึงที่หมาย
เพียงเท่านี้พวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายชนะ
ธนูอีกหลายดอกสาดเข้าหากู้หลินอย่างไม่ขาดสาย ดาบของคนรอบตัวตวัดสะบัดกันเขาเอาไว้ ไหนจะหน่วยที่สวมชุดดำถือดาบคนอื่น ๆ ที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้
ดูเหมือนว่าคณะของกู้หลินกำลังเจอศึกหนักรอบด้าน พวกเขาเหลือแค่เพียงข้ามธารน้ำตกไปอีกฝั่งก็จบการเดิมพันได้แล้ว
แน่นอนว่าชายชุดดำไม่ปล่อยให้หลุดมือ แม้พวกเขาจะถูกรุ่นน้องต้านเอาไว้ แต่ยังหาช่องว่างโจมตีกู้หลินได้อยู่
“เสี่ยวหลิน ข้าให้สัญญาณแล้วรีบวิ่งไปอีกฝั่ง” โจวหยางอิงบอกคนตรงหน้า สองมือกวัดไกวรับมือกับเฉินป๋อ
“ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก” เฉินป๋อยิ้มมุมปาก คิดจะหยิบมีดสั้นขึ้นมาปาเข้าเป้าหมาย ทว่า โจวหยางอิงเอี้ยวตัวหลบแล้วใช้หมัดหนัก ๆ ต่อยเข้าที่จุดอ่อนไหวก่อน “อ๊าก! เจ้า... เจ้า...”
โจวหยางอิงยิ้มเยาะอีกฝ่าย “แตะต้องเสี่ยวหลินดูสิ ข้าจะเล่นเจ้าให้หมอบเลย” จากนั้นจึงพยักหน้าให้กู้หลิน ทั้งคู่ปลีกตัวหนีออกจากกลุ่ม
หากแต่ว่ามือธนูของฝั่งตรงข้ามยังเหลือแรงอยู่จึงเริ่มยิงเข้ามาที่กู้หลินและโจวหยางอิงอีกครั้ง ไล่ต้อนพวกเขาไม่ให้หนีไปที่ใด
ทันใดนั้น
“หยางอิง!” เสียงร้องของกู้หลินทำให้เขาหันขวับ มือข้างซ้ายยื่นออกไปเพื่อจะจับอีกฝ่ายเอาไว้แต่คว้าได้เพียงอากาศ
ร่างบางของกู้หลินร่วงจากหน้าผาน้ำตก แต่สีหน้ายังคงสบาย ๆ เพราะเคยมากระโดดน้ำตรงนี้หลายครั้งแล้ว
กระนั้น สิ่งที่ทำให้เขาหุบยิ้มไปก็คือสีหน้าของโจวหยางอิงที่พะวงเป็นห่วงและเศร้าสร้อย อีกฝ่ายกระโดดลงมาจากตรงนั้นในทันที
ตู้ม!
ทั้งคู่ตกแอ่งน้ำข้างล่างอย่างพร้อมเพรียงกัน กู้หลินเหมือนกับเห็นภาพซ้อนขึ้นมา ภาพที่แทบจะลืมไปแล้วว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อน ร่างของเขาลอยนิ่งอยู่ใต้น้ำ ขณะที่คนตรงหน้าพยายามเอื้อมมือข้างหนึ่งมาคว้าตัวเขาเอาไว้
โจวหยางอิงดึงร่างของกู้หลินเข้ามาใกล้ ใบหน้าขยับชิดห่างเพียงคืบ
เจ้าบ้า จะทำอะไรของเจ้า กู้หลินปิดปากโจวหยางอิงเอาไว้ แล้วชี้มือขึ้นด้านบน
ยอมให้ข้าบ้างไม่ได้เลย โจวหยางอิงยิ้มบางแล้วพยักหน้า ก่อนจะดึงตัวกู้หลินขึ้นฝั่งพร้อมกัน