“คุณพลอยคะ มีคนมาขอพบค่ะ แจ้งว่ามาจากโรงแรมศิรินทร์เลิศ” พนักงานในแผนกขายที่ทำหน้าที่ควบเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวของพีรมนเดินเข้ามาแจ้ง
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย โรงแรมที่เธอเคยไปจัดงานมีธุระอะไรกับเธอ หรือว่าเธอทำอะไรเสียหายเอาไว้
“เชิญเข้ามาเลยค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แล้วกระชับเสื้อสูทเพื่อเตรียมตัวต้อนรับผู้ที่มาเยือน
เมื่อประตูเปิดออกเธอก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะให้เกียรติผู้มาเยือน แต่พอเจอหน้าเขาดวงตาเธอก็สั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งยิ้มออกมาเหมือนว่าเธอไม่เคยเจอเขามาก่อน
“สวัสดีค่ะ เชิญนั่งค่ะ” เธอเชิญเขานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ชายอีกคนที่ตามมาไม่ได้นั่งด้วยแต่ยืนอยู่ข้างหลังเหมือนว่าจะแสดงว่าตนมีตำแหน่งที่ต่ำกว่า
เธอยิ้มแล้วมองเขาที่จ้องหน้าเธออยู่ เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร พลางนึกในใจว่าปกติแล้วเขาต้องแนะนำตัวเองไม่ใช่หรือ
“คุณคงเป็นตัวแทนจากโรงแรมศิรินทร์เลิศ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ”
ธนัทเลิกคิ้วสูงกับคำว่าตัวแทน นี่เธอไม่รู้เหรอว่าคืนนั้นนอนกับใคร
“ผมสนใจอยากจะร่วมทุนกับบริษัทของคุณ” ประโยคนั้นทำเอาเธอเลิกคิ้วมองเขาด้วยความงุนงง หากแต่ริมฝีปากก็ยังคลี่ยิ้มออกมา แล้วถามกลับด้วยความสงสัย
“ร่วมทุนกับบริษัทที่เพิ่งเปิดตัวได้สี่วันเหรอคะ เจ้านายของคุณคงไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะคะ” แววตาของเขาที่จ้องมองมาทำให้เธอรู้สึกถึงความจริงจังในสิ่งที่พูด
“ขออนุญาตนะครับ คุณธนัทเป็นประธานบริษัทในเครือศิรินทร์เลิศ ทั้งโรงแรมที่กรุงเทพฯ และที่ชลบุรี รวมถึงอาคารเลิศศิริแห่งนี้ที่ให้บริษัทคุณเช่าพื้นที่ทำออฟฟิศ” กพลที่ยืนอยู่ด้านหลังอธิบายถึงสถานะของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอ
เมื่อรู้ว่าชายแปลกหน้าคนนั้นเป็นถึงเจ้าของโรงแรมและเจ้าของอาคารที่ตนเช่าสำนักงานอยู่ก็ทำตัวไม่ถูก
“คุณธนัทต้องการอะไรคะ” เธอถามเขาตรง ๆ ประธานหนุ่มผู้ร่ำรวยหันกลับไปหาลูกน้องให้เขาออกไปจากห้องเพื่อที่จะพูดคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวถึงจุดประสงค์การมาของเขาในวันนี้
เมื่อกพลออกไปตามด้วยเสียงประตูที่ปิดลง เขาก็ลุกขึ้นยืดตัวขึ้น เดินไปยังหน้าต่างที่อยู่ด้านข้าง ไม่เคยชินกับการที่ต้องนั่งเก้าอี้ที่ตัวเล็กกว่าในฐานะแขกของใคร
พีรมนลุกขึ้นเดินไปยืนที่ด้านหลังของเขา รู้สึกถึงความกดดันที่พวยพุ่งออกมาจากตัวเขาทั้ง ๆ ที่ห้องนี้เป็นของเธอ
“คุณจะทำอะไรคะ”
“คุณจำได้ใช่ไหมว่าผมคือใคร” เขาถามกลับพร้อมหันหน้ากลับมามองเธอ สบสายตาที่คมกริบนั้นจ้องมองด้วยแววตาที่ทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะ” หญิงสาวยอมรับ ใครจะลืมผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองได้ลง
“ผมต้องการรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่จำเป็น คุณกลับไปเถอะค่ะ” เธอพูดเสียงเรียบ ไม่เข้าใจเจตนาของเขาที่วุ่นวายกับบริษัทของเธอ
“ผมรู้ว่าคุณมีปัญหากับหุ้นส่วนที่เป็น...อดีตเจ้าบ่าว และรู้สถานการณ์ของบริษัทคุณดี เลยอยากจะเสนอตัวมาร่วมทุนแทนเขา คุณจะได้ตัดขาดกับเขาอย่างเป็นทางการได้โดยไม่ต้องทนทำงานร่วมกัน” เขาอธิบายเสียงเรียบ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันค่ะ อีกอย่างเรื่องราวของฉันกับเขาก็จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว งานคืองาน เรื่องส่วนตัวฉันแยกแยะได้ ส่วนใครจะแยกแยะไม่ได้ก็เรื่องของเขา” เธอพูดเสียงแข็ง ไม่อยากรับความหวังดีที่ฟังดูไร้เหตุผลนั้น
“แต่ผมอยากรับผิดชอบ เรื่องของคืนนั้น อย่างน้อยก็ให้ผมช่วยทำอะไรสักอย่างให้คุณสบายใจ” เขาแสดงเจตนาอย่างชัดเจน
“สิ่งที่จะทำให้ฉันสบายใจคือการที่ไม่ต้องเจอหน้าคุณอีก ฉันไม่ต้องการความรับผิดชอบใด ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นฉันเองก็มีส่วนผิดที่..คล้อยตามคุณไป แต่ฉันไม่ใส่ใจ แล้วคุณจะใส่ใจทำไมคะ” พีรมนอดร้อนผ่าวที่แก้มไม่ได้ รู้สึกกระดากปากเมื่อพูดถึงเรื่องน่าอายนั้น
“แต่ว่าผมรู้สึกผิดจริง ๆ ผมไม่ชอบเอาเปรียบใคร โดยเฉพาะคุณที่กำลังตกอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอแบบนั้น” เขาพูดเสียงอ่อนลงแล้วจ้องมองแววตาที่สั่นไหวของเธอ
“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนั้นจริง ๆ ค่ะ จริง ๆ ฉันเกือบลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำถ้าคุณไม่มาในวันนี้ ดังนั้นคุณไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะฉันไม่ได้แคร์อะไรทั้งนั้น กลับไปเถอะค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและชัดเจน
ธนัทมองเธอด้วยสายตาที่จับจ้องราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่างจากแววตาที่ดูจริงจังคู่นั้น ผู้หญิงทั้งประเทศอยากจะให้เขาข้องแวะด้วยทั้งสิ้น แต่เธอเอาแต่ไล่เขา
‘น่าสนใจ’
“แต่ผมเป็นคนแรกของคุณ” ประโยคนั้นทำให้เธอหน้าแดงซ่าน ทั้งโกรธทั้งอายที่เขารื้อฟื้นมันอยู่ได้
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่สนใจ และฉันไม่ถือ คุณไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ฉันไม่อยากฟัง ขอบคุณที่อุตส่าห์ตามหาฉันเพื่อรับผิดชอบ ฉันซาบซึ้งมากเลยคะ” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความประชดประชัน ก่อนที่เขาจะอ้าปากพูดอะไรอีกเธอก็รีบพูดแทรก
“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว เชิญค่ะ” หญิงสาวยิ้มแล้วผายมือเชิญเขาออกจากห้องอย่างสุภาพ เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาจึงต้องยอมถอยกลับไป
“ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าเรื่องไหนติดต่อหาผมได้ตลอด” เขายื่นนามบัตรให้เธอ
หญิงสาวรับเอาไว้แล้วผายมือเชิญเขากึ่งไล่อีกรอบ ประธานหนุ่มจึงจำใจต้องเดินออกจากห้องของเธอไป
พีรมนมองตามแผ่นหลังนั้นออกจากประตูห้องทำงานของเธอแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก คนบ้าอะไรจู่ ๆ ก็จะเขามาขอร่วมทุนเพราะอยากให้เธอตัดขาดกับอดีตเจ้าบ่าว แล้วยังรู้เรื่องส่วนตัวของเธออย่างละเอียด เขามันโรคจิตชัด ๆ
กพลที่รออยู่ด้านนอกเมื่อเห็นเจ้านายของตนเดินออกมาก็รีบเดินเข้าไปหา
“กลับ” เขาพูดเสียงเรียบ ทำให้กพลต้องรีบเดินไปกดลิฟต์รอ
เมื่อถึงรถแล้วเขาก็เข้าไปนั่งบนรถแล้ววางมือตรงที่เท้าแขนพร้อมกับเคาะนิ้วด้วยท่าประจำเวลาที่มีเรื่องให้คิด
ดูจากตอนนี้เดาอารมณ์ของเขาไม่ถูก กพลที่นั่งอยู่ด้านหน้าประจำตำแหน่งคนขับจึงไม่กล้าพูดอะไรไม่เข้าหูเจ้านายในตอนนี้
“ผู้หญิงเป็นร้อยต้องการฉันทั้งนั้น แต่เธอกลับปฏิเสธข้อเสนอทุกอย่าง แล้วยังไล่ฉันออกมาอีก”
“เอ่อ ผมว่าเธอเพิ่งผ่านเรื่องสะเทือนใจกับคนรักมา การที่คุณธนัทไปแตะปมนั้นเข้าอาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่วางใจเท่าที่ควร ผมว่าการร่วมทุนไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดี” กพลกล่าวเสียงเบาอย่างระมัดระวัง
“งั้นฉันต้องทำยังไง”
“เธอไม่อยากให้คุณธนัทรับผิดชอบ ก็ทำตามที่เธอต้องการ ผมว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่ายุ่งกับเธอจะดีกว่าครับ” กพลออกความเห็นอย่างตรงไปตรงมา แต่ยิ่งห้ามก็ยิ่งเหมือนว่าเขาอยากเอาชนะเธอ
************************