ตอนที่ 1 ชู้รัก
ความร้อนรุ่มที่เกิดจากฤทธิ์ยาปลุกสวาท ทำให้ธนัทรู้ว่าเขาถูกมาริสาวางยาเข้าให้แล้ว
“คุณธนัทจะไปไหนคะ” เธอรีบมาขวางเขาเอาไว้ไม่ยอมให้ออกไปง่าย ๆ
“หลีกไป” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโมโห มือสลัดมือเล็กที่พยายามรั้งจนร่างของเธอถูกเหวี่ยงลงไปนอนกับพื้น
เขามองด้วยแววตาที่แข็งกร้าว จากนั้นก็รีบออกจากห้องพักของเธอก่อนที่ฤทธิ์ยาจะทำให้พลาดท่ากับหญิงสาวคนนี้
ในระหว่างนั้นก็เดินไปยังลิฟต์ที่อยู่ตรงหน้า กดปุ่มย้ำ ๆ ในขณะที่ด้านหลังก็มีมาริสาที่กำลังตามมา
“คุณท่าทางดูไม่สบาย เข้าไปพักที่ห้องของสาก่อนสิคะ” เธอพยายามหว่านล้อม แต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเขาก็ผลักเธอออกแล้วรีบเข้าไปในลิฟต์
มือใหญ่หนาล้วงเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา กดโทรหาผู้ช่วยมือขวา ขบกรามแน่นด้วยความอดกลั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ลอดผ่านไรฟัน
“เตรียมผู้หญิงไว้ให้ฉัน แล้วส่งคนมารับที่หน้าคอนโดของมาริสา” พูดแล้วก็ยืนหลับตาข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน นึกโมโหที่ไม่น่าหลงกลมาริสาแล้วมาหาเธอตัวคนเดียวแบบนี้
ในขณะเดียวกันที่โรงแรมศิรินทร์เลิศ พิธีฉลองสมรสระหว่างคู่บ่าวสาวเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชื่นมื่นและมีแขกเหรื่อที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
เจ้าสาวในชุดเดรสสั้นสีขาวใส่มาร่วมงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้กำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อน ๆ ในขณะที่เจ้าบ่าวเองก็กำลังนั่งพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนของตน
ทั้งสองหันมาสบตากันอยู่เป็นระยะจนถูกเพื่อนหยอกเย้าเรื่องที่ห่างกันแทบไม่ได้
“ก็ฉันรักของฉันนี่หว่า” อติรุจพูดแล้วยิ้มแก้มปริ ก่อนที่จะลดยิ้มลงเมื่อเห็นแววตาของเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งดูสลดลง
ญาดาลุกขึ้นเดินออกไปจากงานด้วยใบหน้าเศร้า สักพักเจ้าบ่าวที่นั่งชนแก้วกับเพื่อนอยู่จึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินตามเธอไปท่ามกลางสายตาของพีรมนผู้เป็นเจ้าสาว
“ยินดีกับแกด้วยนะพลอย” เพื่อนคนหนึ่งหันมาชนแก้วทำให้เธอละสายตาจากแผ่นหลังของเจ้าบ่าวแล้วหันมาชนแก้วกับเพื่อน แต่เมื่อรู้สึกว่าอติรุจเดินออกไปนานแล้วเธอก็รู้สึกเป็นกังวลจึงขอตัวเพื่อที่จะเดินตามออกไป
เจ้าสาวเดินตามหาเจ้าบ่าวของตนไปทั่วแต่ก็ไม่พบ เมื่อกำลังจะถอดใจเดินกลับเข้าไปในงาน ที่ห้องแต่งตัวด้านหลังเวลาก็มีเสียงครางกระเส่าเล็ดลอดออกมา
หญิงสาวค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ขอให้อย่าเป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้เลย ข่าวเรื่องที่อติรุจและญาดาลักลอบคบหากันมีคนมาพูดเข้าหูอยู่บ่อยครั้ง และเขาก็ปฏิเสธมาโดยตลอด ขอให้ไม่ใช่เรื่องจริง ขอให้เสียงที่หยาบโลนเหล่านี้ไม่ใช่เสียงของพวกเขา
“อาร์ตคะ คุณบอกจะหนีงานแต่งงาน อ้าส์ คุณหลอกญา” เธอตัดพ้อไปครางไป
พีรมนยืนตัวสั่น ค่อย ๆ ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดบันทึกทุกอย่างเอาไว้ ไม่มีหลักฐานมีหรือว่าทั้งคู่จะยอมรับ
“ผมไม่หนีให้พ่อแม่โทษว่าเป็นความมผิดของผมหรอกนะญา หากงานแต่งจะล่มคนที่รับผิดก็ต้องเป็นพลอยสิ” เขากัดฟันพูดไป ยืนประกบญาดาจากด้านหลังแล้วเคลื่อนไหวสะโพกสอบดันแก่นกายเข้าหาอย่างดุดัน
ญาดาที่ถูกถลกกระโปรงมาไว้เหนือเอว เอามือค้ำผนังแล้วสูดปากรับแรงกระแทกนั้นอย่างเผ็ดร้อน
“คุณจะทำยังไงคะ”
“ผมเตรียมแผนการเอาไว้แล้ว” เขาพูดเสียงพร่า โถมกระแทกคนรักอย่างเมามันแล้วคำรามในลำคอด้วยความพึงพอใจ
พีรมนลดโทรศัพท์ลง เดินกลับไปที่ห้องจัดงาน อยากจะเปิดโปงทั้งคู่ แต่ว่าตอนนี้หัวใจเธอเจ็บปวดจนสมองตันไปหมดแล้ว รักก็รัก เจ็บก็เจ็บ แล้วทุกอย่างก็มาเกิดขึ้นในวันแต่งงานของเธอ
“พลอย แล้วอาร์ตล่ะลูก” พ่อแม่สามีเดินเข้ามาถามเธอ แล้วมองหาลูกชาย
“กำลังอยู่กับญาดาที่หลังห้องแต่งตัว คุณแม่ไปดูตอนนี้สิคะ น่าจะยังทันดูหนังสดอยู่” เธอพูดแล้วมองพ่อแม่สามีที่เพิ่งแต่งงานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อได้ยินอย่างนั้นทั้งคู่จึงรีบเดินไปดูลูกชายตัวดีด้วยความร้อนใจ
พีรมนเดินไปนั่งที่โต๊ะ ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด ท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนเจ้าสาวที่นั่งร่วมโต๊ะ
สักพักใหญ่พ่อแม่สามีก็เดินออกมา พร้อมทั้งอติรุจและญาดาที่เดินตามมาด้วยใบหน้าที่เจื่อนและซีดเผือด เขาเงยหน้ามองเจ้าสาวของตน จริง ๆ อยากจะล่มงานวิวาห์แต่ว่าอยากโยนทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ ไม่คิดว่าจะถูกพ่อแม่จับได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“พลอย” เขาเรียกชื่อเธอ
หญิงสาวดื่มเครื่องดื่มอีกแก้ว จากนั้นก็เดินขึ้นไปยังบนเวที หยิบไมค์ขึ้นมาแล้วประกาศออกเสียงชัดเจน
“ขอให้ทุกคนเป็นพยาน ฉัน พีรมน ศุภเสถียรมนตรี ขอยกเลิกการแต่งงานนี้ให้เป็นโมฆะ จะไม่มีการจดทะเบียนสมรสในวันพรุ่งนี้ และยุติสถานะเจ้าบ่าวเจ้าสาวลงในวันนี้” พูดจบก็พยายามจะถอดแหวนแต่งงานออกแต่ถอดออกไม่ได้
“พลอย ลูก ใจเย็น เกิดอะไรขึ้น” ผกาซึ่งเป็นแม่เจ้าสาววิ่งไปพาตัวลูกสาวบนเวทีกลับมา
เธอแกะมือของมารดาออกจากแขน เดินเซเล็กน้อยไปยังด้านหลังเวที ต่อโทรศัพท์ต่อขึ้นจอมอนิเตอร์ เปิดคลิปที่เห็นเจ้าบ่าวและคนที่เขาบอกว่าเป็นแค่เพื่อนขึ้นมาให้แขกในงานได้เป็นพยาน
ภาพแม้จะอยู่ในความมืดแต่เสียงพูดคุยที่ครางกระเส่าด้วยกันและเงาราง ๆ นั้นก็แจ่มชัด ก่อนที่เธอจะดึงโทรศัพท์ออกแล้วเดินกลับมาหน้าเวที
“เลว” เธอด่าเขาแล้วเดินลงจากเวที พ่อแม่พยายามจะรั้งลูกสาวเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน มองไปยังครอบครัวเจ้าบ่าวด้วยสายตาที่ผิดหวัง
พีรมนเดินกึ่งวิ่งออกไปจากห้องโถงงานแต่งงานด้วยความเสียใจ ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักที่เธอเช่าไว้ใช้พักแต่งหน้าเมื่อเช้า เสียใจแต่ก็ไม่อยากเป็นคนโง่ให้สามีสวมเขา
ไม่อยากแต่งงานทำไมไม่บอกตรง ๆ ไม่อยากแต่งงานทำไมต้องรอให้มีงานแต่งแล้วจะหาเรื่องให้งานแต่งล่ม แล้วที่ผ่านมาแสร้งทำว่ารักและเต็มใจจะแต่งงานกับเธอ ที่แท้ก็เพราะครอบครัวของเขาต้องการให้แต่งงานกับเธอเท่านั้นหรือ
เสียแรงที่เธอไว้ใจเขา จากที่เธอเองก็ไม่ได้รัก แต่เขาก็ทำดีกับเธอ ครอบครัวเขาเองก็อ้าแขนรับเธออย่างเต็มใจ สุดท้ายเขาก็มีคนที่รักอยู่แล้ว และตั้งใจจะหลอกลวงเธอ
หญิงสาวร้องไห้ในลิฟต์ เมื่อประตูเปิดอกเธอก็เดินไปยืนที่หน้าห้องแล้วทรุดตัวลงนั่งเมื่อตนเองลืมนำคีย์การ์ดติดตัวมาด้วย
ในระหว่างนั้นประตูห้องตรงข้ามก็เปิดออก ผู้ชายตรงหน้ามองเธอด้วยสายตาที่ฉ่ำวาวพร้อมกับเดินเข้ามาจับต้นแขนเธอให้ลุกขึ้น
“เข้าห้องกันเถอะ” เขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วดึงเธอเข้าไปในห้อง ริมฝีปากกดจูบอย่างดูดดื่มขณะที่ยืนพิงประตูเอาไว้
ร่างเล็กในชุดเดรสสีขาวดิ้นรนเล็กน้อย ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าเพราะความอ่อนแอในใจหรือว่าเพราะรสจูบที่ดูดดื่มนั้น เธอหยุดการดิ้นรนแล้วคล้องคอเขาเอาไว้ รับจูบนั้นอย่างเต็มใจราวกับกำลังประชดชีวิตของตนเอง
************************