ตอนที่ 4 ชื่อตอน ช่วยเจ้าหนังเสือ

1486 คำ
เจี้ยนหวาเร่งรื้อค้นเสื้อผ้าของเหล่าพรรคมารแดง ได้ดวงตราจองพรรคมารแดงและสัญลักษณ์ของมารแดงมาบางส่วน จึงนำกลับไปเพื่อที่จะมอบให้อาจารย์ของนาง ยามที่นางกลับเข้าไปที่โรงทาน ศิษย์น้องก็หันหานางกันเป็นการใหญ่ เมื่อพบแล้ว พวกนางจึงจะจัดแจงนำทางศิษย์ใหม่เดินขึ้นเขา ทิ้งศิษย์น้องให้นำทางผู้คนไปค้นหาเสบียงและสิ่งของเพื่อทำที่พักอาศัย ก่อนจะไปนั้น นางก็ได้ถามไถ่เด็กน้อยทั้งสองเมื่อนึกขึ้นมาได้ "นี่เจ้านะ พ่อแม่เจ้าอยู่ที่ใดเล่า” เด็กน้อยสะดุ้งขึ้นมาและทำตาแดงๆขึ้นมาใส่นาง เสื้อผ้ามอมแมมนั้นมีตราดอกมู่ตานขมุกขมอมอยู่ เจี้ยนหวานั่งลงข้างๆเด็กน้อยช้าๆและดึงอกเสื้อออกมาดู ที่คอเสื้อของเด็กน้อยมีดวงตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์ชั้นสูง เจี้ยนหวาเร่งเก็บสร้อยของเจ้าเด็กนั้นลงไปอกเสื้อและเขย่าแรงๆขึ้นมา "เจ้ามีผู้ใดมาด้วยอีกหรือไม่ ตอบข้ามาเร็วๆ ข้าจะไปช่วยมันผู้นั้นให้ " เด็กน้อยพยักหน้าไวๆและชี้ไปที่ทางออกทางประตูเมือง เด็กน้อยทำท่าประกอบคำพูดขึ้นมาด้วย "ตัวใหญ่มีผ้าคลุมหนังเสือ มีหนวดสีขาวถือดาบวงพระจันทร์ โปรดช่วยคนผู้นั้นด้วย พี่สาว" เจี้ยนหวาพยักหน้าขึ้นมาและหันไปสั่งศิษย์ชายทั้งสามในทันที "อุ้มเด็กทั้งสองนี้ขึ้นไปหาอาจารย์และคุ้มกันให้แน่นหนา เร่งขึ้นเขาไปเร็วอย่าได้ชักช้า เด็กนี่กำลังมีภัยอย่างใหญ่หลวงแล้วเร็วๆเข้า" "ขอรับศิษย์พี่ “ ศิษย์น้องพยักหน้า และเร่งอุ้มเด็กน้อยทั้งสองแบ่งกันไปคนล่ะคน และพาวิ่งขึ้นไปทางบันไดขึ้นสำนัก มิคาดว่ายามถึงบันไดหน้าสำนัก เด็กน้อยนั้นขอลงและใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นไปเองเสียแล้ว ศิษย์พี่รองหัวเราะขึ้นมาและทะยานตามกันไปบ้าง ทิ้งให้พวกชั้นปลายแถวทั้งหลายตะกายขึ้นบันไดพันขั้นกันไปเอง และร้องโอดโอยเหนื่อยหอบไปตลอดทาง จวบจนถึงชั้นบนสุด พวกคนเหล่านั้นก็พากันนอนแผ่หราในพื้นสำนักไปในทันที โดยมีศิษย์พี่รองแจกน้ำในกระบอกไม้ไผ่ ยืนรอคอยพวกมันอยู่ ก็ยังนับว่าฟ้านั้นปราณีผู้คนอยู่จริงๆ "วันนี้อาจารย์ใหญ่ให้พวกเจ้าไปพักกันได้ ผู้ใดอยากช่วยคนก็ให้ไปจับปลาในน้ำตกมาร้อยไว้เช่นเมื่อคืนนี้ ฝึกแทงปลาในสายน้ำให้ได้มากๆเป็นการฝึกยุทธในขั้นต้น เพราะยามนี้พี่ใหญ่ของพวกเจ้านั้นออกไปช่วยคนของราชสำนัก ที่คุ้มกันองค์รัชทายาทหลบหนีมาที่นี่ เช่นนี้พวกเรานั้นย่อมต้องทำหน้าที่เหล่านั้นไปแทนนาง เมื่อจับปลาได้แล้วจงเดินลึกเข้าไปในประตูสีขาวนั้นและเคาะไปสามครา บอกศิษย์พี่ในนั้นว่า ในยามนี้สำนักกำลังมีภัย ขอย้ายเข้าไปนอนที่ข้างใน และให้พวกมันนั้นออกมาคุ้มกันสำนักกันเสียด้วย เป็นคำสั่งของข้า ศิษย์พี่รองฝ่ายขวา" ศิษย์ใหม่ต่างหนังตากระตุกขึ้นมา มองเข้าไปที่หลังเรือนนอนที่มีกำแพงสีขาวสูงใหญ่อยู่ เมื่อวานนั้นมันมองมิเห็นสิ่งใดๆ แต่ในยามนี้ฟ้าสว่างขึ้นมาแล้วมองเห็นยอดเขาสูงขึ้นไปอีก มันเรียงแถวกันไปเคาะประตูเสียสามครา ด้านในก็ตะโกนลั่นขึ้นมา "จะเคาะหามารดาของมึงเหรอวะ!!! " ประตูเปิดผัวะออกมา มีสตรีในชุดขาวใบหน้างดงามเอ่ยคำหยาบสบถคำลั่นออกมาและใบหน้าบูดบึ้ง พวกมันเร่งแจ้งออกไปสั้นๆอย่างเกรงกลัวความตาย สตรีผู้เปิดประตูร้องตะโกนเข้าไปในสำนักดังๆในทันที "คุ้มกันสำนัก คุ้มกันสำนัก เว๊ย" มีเสียงตอบรับด้วยการวิ่งซอยเท้าออกมา ผู้คนถือทวนมานับร้อยเรียงแถวกันออกมาที่หน้าประตูจนเต็มลาน พวกมันถอยหลบกันไปจนตัวลีบแบน สตรีและบุรุษสง่างามออกมายืนเรียงกันเป็นแถว ด้านในยังมีสตรีหลายนางถือกระบี่ออกมา เดินเยื้องกรายอย่างอ้อยอิ่งและบ่นขึ้นมาเบาๆ "ผู้ใดมาถล่มง้อไบ๊ หรือใครมันรนหาที่ตายกัน จงบอกข้า " ศิษย์พี่รองหัวเราะและส่ายหัวเบาๆ "ยัง แต่ในยามนี้เรามีองค์รัชทายาทและองค์หญิงน้อยในสำนัก เช่นนี้จงลงไปประจำที่ค่ายกลและปิดทางขึ้นลงเขาง้อไบ๊เสีย ส่วนหนึ่งจงลงเขาไปช่วยองครักษ์ที่มากับพระองค์น้อยๆเสีย พี่ใหญ่นั้นลงไปแล้วผู้หนึ่ง จงลงไปช่วยเหลือผู้คนด้านล่าง เมื่อราษฎรมีภัย พวกเจ้านั้นก็จงอย่าหยุดนิ่ง " "อือ เช่นนั้นเราผู้คุ้มกฎทั้งสิบลงเขาไปเอง ท่านทั้งสองและศิษย์น้องกับอาจารย์คงแก้ไขได้ หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นมา ผู้อื่นให้ช่วยอพยพผู้คนจากภายนอกเข้ามาในกำแพงเมืองเถิด แม้เรามิยุ่งทางโลกดั่งน้ำบ่อมิลงไปในคลอง แต่ในยามที่บ้านเมืองนั้นมีภัย ข้าผู้เป็นบุตรของขุนนางคงต้องลงเขาไปเสียแล้ว ข้าขอลาทุกท่าน " ร่างหล่อเหลาเอ่ยออกมาอย่างไว้ตัวและทะยานลงเขาไป บุรุษผู้นี้มีนามว่าหยางเจี๋ย ผู้มีฉายาว่ากระบี่ไร้ใจ เจี้ยนหวาใช้วิชาตัวเบาวิ่งไปบนยอดไม้ ทะยานไปเรื่อยๆอย่างหยุดพัก จวบจนไปถึงที่เนินเขาแห่งหนึ่งที่มีการสู้รบ บุรุษสวมหนังเสือที่มีเคราสีขาวก็หัวเราะร่า ถือทวนต่อสู้เหวี่ยงผู้คนลงพื้นดินไปอย่างสนุกสนาน บนร่างนั้นมีแต่ธนูปัก จนเลือดอาบ มันคล้ายจะบ้าคลั่งก่อนตายไปเสียแล้ว ด้านหลังของมันและบุรุษในชุดองครักษ์ที่ใกล้จะหมดลม มีร่างนางกำนัลกอดกันจนตัวสั่นและมีบาดแผลอยู่ทั่วกาย เลือดไหลโทรม บางนางนั้นก็แน่นิ่งไปแล้ว พวกมันห้อมล้อมสตรีเอาไว้ที่ภายในและยืดหยัดต่อสู้กันอย่างทรนง เจี้ยนหวาเหน็บกระบี่ที่ข้างเอวและดึงคันธนูที่ด้านหลัง นางค้างธนูคราล่ะหกดอกและยิงออกในแนวขวาง ธนูปักเข้าที่ผู้นำบนหลังม้าจนตกม้าตายไปในทันใด นางขึ้นสายธนูยิงไปเรื่อยๆ จนบุรุษสวมหนังเสือยกยิ้มยินดีขึ้นมา ออกวิ่งตะลุมบอนไปอย่างบ้าคลั่ง นางจึงออกจากที่ซ่อนและ ใช้เพลงกระบี่ร่ายระบำปาดคอคนบนหลังม้าจนตกลงมาตาย บางส่วนทะยานจากไปจากหลังม้ามาประมือกับนาง "หึ ง้อไบ๊เข้าข้างองค์รัชทายาทหรอกหรือ ไหนว่าน้ำบ่อมิใกล้น้ำคลองอย่างไรเล่า" "หุบปากเสีย!!! " เจี้ยนหวาวาดกระบี่ออกไปปะทะดาบอย่างรุนแรง ประมือกันมินาน ผู้คุมกฎทั้งสิบก็พลันปรากฏกายขึ้นมา หยางเจี๋ยแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ในยามที่ถลามารับดาบนั้นแทนเจี้ยนหวา "ดาบนี้ขอข้ารับแทนศิษย์พี่คนงาม ดีหรือไม่" เจี้ยนหวาขยับกายหลบไปที่ด้านหลังและมิตอบคำอันใด นางทะยานลงไปจับชีพจรสตรีที่แน่นิ่ง กดจุดชีพจรและสกัดกั้นเลือด อุ้มนางขึ้นไปบนบ่า นางตะโกนบอกคนสวมหนังเสือขึ้นมา "เจ้าเสือเคราขาว เด็กน้อยสองคนนั่นร้องไห้หาเจ้าอยู่บนง้อไบ๊ จงเร่งไปซะ หยางเจี๋ยจะทำหน้าที่แทนเจ้าเอง มันเป็นทายาทแห่งสกุลหยางเจ้าคงเข้าใจ พาพวกนางฝ่าออกไปเร็ว!!! " บุรุษตัวใหญ่ที่ใกล้สิ้นสติ ตื่นตะลึงขึ้นมา ในยามที่นึกถึงองค์รัชทายาทน้อย มิคิดว่าจะสะเทือนใจจนถึงขั้นร้องไห้หามันได้ จะต้องมีสิ่งใดแน่ มันที่ใกล้ตายจึงเร่งอุ้มสตรีสองคนขึ้นม้าตัวใหญ่ตัวหนึ่งควบฝ่าวงล้อมออกไป ผู้อื่นก็ทำเช่นนั้น เจี้ยนหวาจึงอุ้มสตรีอาการสาหัส ทะยานขึ้นไปสู่ยอดไม้ด้วยวิชาตัวเบาไปจนถึงกำแพงเมือง นางส่งต่อสตรีแก่ทหารยามเฝ้าประตู และบอกกล่าวให้นำทางเจ้าหนังเสือเคราขาวและพวกนำทางไปที่โรงหมอเสีย ทหารผู้นั้นพยักหน้าเข้าใจนาง และตกตะลึงอยู่ไม่น้อย ยามเห็นสตรีในวังหลวงบาดเจ็บจนเลือดท่วมกายเช่นนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม