พระตำหนักลู่เหวิน
แค่ก! แค่ก! แค่ก!!!! เสียงไอโครกครากดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย จนทั่วทั้งพระตำหนักลู่เหวินเกิดความวุ่นวายกันไปทั่วเลยทีเดียว
เมื่อเย่วฮองเฮาประชวรด้วยไข้ลมหนาวและอาการไม่ดีขึ้นเอาเสียเลย เกิดอาการไออย่างรุนแรงจนหายใจหอบโยน บรรดาหมอหลวงถูกระดมมาเฝ้าดูแลพระอาการอย่างใกล้ชิด การรักษาแตกต่างจากผู้ป่วยด้วยไข้ลมหนาวทั่วไป
ด้วยเพราะพระนางทรงกำลังตั้งพระครรภ์แก่เหลืออีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นก็จะทรงมีพระประสูติกาลแล้ว
ในขณะที่ฮ่องเต้เฟิงอวิ๋นได้แต่คอยรับสั่งถามพระอาการด้วยเป็นห่วงฮองเฮาของพระองค์เป็นยิ่งนักจากองครักษ์คนสนิท ซึ่งจะคอยถวายรายงานพระอาการประชวรของเย่วฮองเฮาอยู่เป็นประจำทุกวัน และนั่นจึงทำให้ล่วงรู้ว่าไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้เพราะก็ทรงประชวรด้วยไข้ลมหนาวเช่นกัน
และถึงว่าแม้จะอยากเสด็จมาที่พระตำหนักลู่เหวิน แทบขาดใจเพียงใด แต่ก็จำต้องฝืนทนเอาไว้ ด้วยทรงเกรงว่าเย่วฮองเฮา จะมีพระอาการประชวรทรุดหนักลงไปมากกว่าเดิม เป็นอันตรายทั้งแม่และพระโอรสหรือพระธิดาที่อยู่ภายในพระครรภ์ตามคำกราบทูลของหมอหลวง
ในขณะที่เย่วฮองเฮามีอาการไอติดต่อกันอย่างรุนแรง จนพระนางรู้สึกเจ็บพระครรภ์เป็นยิ่งนัก อาการเจ็บเกิดขึ้นตั้งแต่กลางดึกเมื่อวานและเริ่มเจ็บบ่อยครั้งขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ทรงคิดว่าเป็นเพราะมีอาการไอจึงทำให้มีอาการเช่นนี้ขึ้นมา พระวรกายบอบบางเริ่มมีอาการหอบโยนและบางคราคล้ายจะมีอาการหายใจไม่ออก
“เจ้าพี่เป็นอย่างไรบ้างเพคะ” องค์หญิงเย่วเพ่ยเพ่ย ส่งเสียงรับสั่งถามพร้อมร่างอ้วนกลมสมบูรณ์ ก้าวเข้ามาภายในห้องพระบรรมของเย่วฮองเฮาภายหลังจากเสด็จกลับมาจากตำหนักลืมเลือน
“เจ้าอย่าเข้ามาใกล้เพ่ยเอ๋อร์เดี๋ยวจะพาลติดไข้จากข้า รีบออกไปจากบริเวณนี้เสียเถอะ แค่ก..แค่ก...แค่ก!!!”รับสั่งห้ามปรามก่อนจะส่งเสียงไอโครกครากติดต่อกันจนล้มฟุบลงไปยังฟูกนอน
“เจ้าพี่!!!”องค์หญิงน้อยรีบโผเข้าไปหาเย่วฮองเฮาด้วยความตกใจ
มืออ้วนกลมรีบเข้าไปประคองให้เย่วฮองเฮามาอยู่ในท่านอนหงาย ในขณะที่ภายในห้องพระบรรทมปราศจากบรรดาข้าราชบริพารที่จะต้องคอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลารวมไปถึงหมอหลวง
สาเหตุเพราะอยู่ในระหว่างการผลัดเปลี่ยนเวรของบรรดานางกำนัลและหมอหลวงชุดใหม่ที่ถูกส่งมาจากตำหนักของฮ่องเต้เฟิงอวิ๋น
มือน้อยล้วงเข้าไปภายในชายแขนเสื้อกว้างดึงขวดยาที่ได้รับจากอุปราชปีศาจออกมา ด้วยจดจำรับสั่งที่กำชับก่อนจะออกจากตำหนักลืมเลือนได้เป็นอย่างดี
“ท่านปู่บอกว่าต้องรีบให้กินยาในขวดนี้ทันทีที่ข้ามาถึงตำหนัก หาไม่แล้วตัวยาจะเสื่อมสภาพและจะไม่สามารถช่วยเจ้าพี่และหลานของข้าได้”องค์หญิงน้อยรับสั่งพึมพำ
พระเนตรกลมโตแสนสวยสอดส่ายสายตาสำรวจไปทั่วบริเวณเพื่อให้แน่พระทัยว่านางกำนัลและหมอหลวงผลัดใหม่ยังไม่มาเปลี่ยนเวร ด้วยเพราะการให้ยารักษาแก่เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงระดับสำคัญๆ นั้น ล้วนต้องได้รับการตรวจตราอย่างเข้มงวด สุ่มสี่สุ่มห้าเอายารักษาไม่รู้จักแหล่งที่มาให้เสวยไม่ได้เป็นอันขาด พระหัตถอ้วนกลมตรงเข้าไปช้อนพระเศียรของเย่วฮองเฮาให้ยกขึ้นสูงพร้อมจรดขวดยาชิดริมพระโอษฐ์
“เจ้าพี่เพ่ยเอ๋อร์นำยาวิเศษของท่านปู่มารักษาอาการประชวร รีบเสวยเข้าไปนะเพคะจะได้หายเร็วๆ”องค์หญิงน้อยรับสั่งกระซิบในขณะที่เย่วฮองเฮาได้แต่พยักพระพักตร์ขึ้นลงโดยที่พระเนตรยังคงปิดสนิทอยู่เช่นนั้น
ครั้นได้รับคำตอบกลับมาเช่นนั้นขวดยาถูกกระดกขึ้นพร้อมเทใส่เข้าไปในพระโอษฐ์อย่างรวดเร็ว โดยเย่วฮองเฮาค่อยๆ เสวยลงไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางความพึงพอพระทัยขององค์หญิงน้อย ก่อนจะรีบเก็บขวดยาที่เหลืออีกครึ่งขวดดังกล่าวสอดเข้าไปในใต้ชายแขนเสื้ออย่างรวดเร็วด้วยเพราะเสียงฝีเท้านับสิบชีวิตกำลังก้าวเข้ามาภายในพระตำหนัก
เพียงครู่บรรดานางกำนัลผลัดใหม่ต่างทยอยเดินเข้ามาภายในห้องพระบรรทม และติดตามด้วยเหล่าหมอหลวงจากพระตำหนักของฮ่องเต้เฟิงอวิ๋นชุดใหม่ผลัดเปลี่ยนเวรเพื่อเข้ามาเพื่อรักษาพระอาการของเย่วฮองเฮา กำลังทยอยเข้ามาทำหน้าที่ของแต่ละคน
“อ้าว! องค์หญิงเสด็จมาตั้งแต่เมื่อไรเพคะ”เสียงของนางกำนัลผลัดใหม่เอ่ยถามขึ้นทันใดเมื่อเห็นองค์หญิงน้อยประทับนั่งอยู่บนแท่นพระบรรทม
“ข้าเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เอง”รับสั่งตอบกลับไป
บรรดานางกำนัลต่างส่งยิ้มแย้มเยือนพร้อมเอ่ยขึ้น
“หิวไหมเพคะองค์หญิง หม่อมฉันจะไปสั่งห้องเครื่องให้จัดเตรียมพระกระยาหารมาให้ จะทรงรับเครื่องเสวยกี่อย่างและต้องการเสวยอะไรบ้างเพคะ”
องค์หญิงน้อยส่ายพระพักตร์ไปมาติดต่อกันเป็นการปฏิเสธพร้อมมีรับสั่งตอบกลับไป
“ไหมละ! ข้าอิ่มมาแล้วกินจนท้องจะแตกอยู่แล้วเนี่ย ห้องเครื่องของวังหลวงทำอาหารไม่ถูกปากข้าเลย สู้ห้องเครื่องของตำหนักละ...”องค์หญิงน้อยรับสั่งเพียงเท่านั้นก็หยุดชะงักทันใด
ด้วยเผลอพลั้งเกือบมีรับสั่งถึงตำหนักลืมเลือนออกมา ท่ามกลางความแปลกใจของบรรดานางกำนัลต่างกำลังยืนฟังอยู่ในเวลานั้น
“อะ..เออ..ข้าหมายถึงห้องเครื่องของตำหนักลู่เหวินทำอาหารถูกปากข้ามากเลยทีเดียว พอข้าหิวก็เลยไปที่ห้องเครื่องด้วยตัวเองได้กินอะไรทันใจดี นั่งรออยู่ในตำหนักชักช้าไม่ทันใจข้า พวกเจ้ามาแล้วก็ดีข้าจะไปล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่เสียหน่อย”องค์หญิงน้อยรับสั่งตัดบทเสียดื้อๆ พร้อมรีบก้าวออกจากห้องพระบรรทมของเย่วฮองเฮาไปอย่างเร่งด่วน
ท่ามกลางสายตาของบรรดานางกำนัลต่างหันกลับมามองหน้ากัน เมื่อได้ยินองค์หญิงน้อยมีรับสั่งตอบกลับมาเช่นนั้น
“เออ..องค์หญิงทรงเข้าพระทัยอะไรผิดไปหรือเปล่า ห้องเครื่องของพระตำหนักลู่เหวินก็คือห้องเครื่องหลวงที่ได้ย้ายมารวมอยู่กับห้องเครื่องของตำหนักจินหลง และที่กำลังเปิดใช้งานอยู่ในเวลานี้มีไว้สำหรับปรุงพระกระยาหารให้แก่ฝ่าบาทและฮองเฮารวมไปถึงใช้ปรุงโอสถถวาย”หนึ่งในนางกำนัลเอ่ยขึ้นท่ามกลางเพื่อนร่วมงาน
“ดูท่าคงจะเข้าพระทัยผิดไปนั้นแหละ อย่าไปใส่ใจเลยองค์หญิงเพิ่งจะสิบพระชันษาเท่านั้นก็ใช่ว่าจะล่วงรู้อะไรไปเสียทั้งหมด ยังต้องได้รับการอบรมจากพระอาจารย์อีกมากมาย ไปทำหน้าที่ของพวกเราต่อกันเถอะ”เหล่านางกำนัลต่างพากันหยุดการสนทนาเอาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะแยกย้ายไปคนละทิศละทางเพื่อเข้าทำหน้าที่ของแต่ละคน
ท่ามกลางความโล่งพระทัยขององค์หญิงน้อย ที่กำลังยืนฟังอยู่ด้านนอกพระตำหนักในมุมที่ลับตาผู้คน ไม่มีผู้ใดเดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้น ด้วยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าองค์หญิงน้อยนำยาจากที่อื่นเข้ามารักษาเย่วฮองเฮา โดยไม่ผ่านการตรวจจากหมอหลวงก่อนจะนำไปถวายให้แก่ฮองเฮา
“โชคดีที่ข้าไม่ถูกจับได้ว่าแอบเอายาของท่านปู่ให้เจ้าพี่เสวย หวังว่ายาวิเศษของท่านปู่จะช่วยทำให้เจ้าพี่และหลานของข้าหายจากอาการป่วยเป็นปลิดทิ้งเสียที”รับสั่งบ่นพึมพำ
ทันใดนั้นเอง
“พวกเจ้าสองคนใครก็ได้เข้าไปสังเกตการณ์ภายในห้องบรรทมของเย่วฮองเฮาว่าตอนนี้ อาการของนางเป็นอย่างไรบ้างจะได้จัดฉากให้สมจริงสมจังหน่อย”สุระเสียงของจีฟูเหรินกล่าวออกมาเบาๆ
“เพคะ”หนึ่งในนางกำนัลคนสนิทขานรับทันใดพร้อมรีบก้าวเดินเข้าไปยังบริเวณโถงด้านหน้าของตำหนักลู่เหวิน ก่อนจะถึงห้องพระบรรทม
ท่ามกลางความแปลกพระทัยขององค์หญิงน้อยที่ยืนอยู่ในมุมลับไม่มีผู้ใดมองเห็น ด้วยเพราะยังเยาว์จึงทำให้มุมเสาบดบังพระวรกายอ้วนกลมเอาไว้จนหมด
“เหตุใดฟูเหรินผู้นี้จึงกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมานะ นางกำลังจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอจึงต้องจัดฉากให้แลดูสมจริงสมจังด้วย”องค์หญิงน้อยครุ่นคิดอยู่ภายในพระทัย ดวงเนตรกลมโตเฝ้าจับจ้องจีฟูเหรินและนางกำนัลเขม็ง
เพียงครู่นางกำนัลคนสนิที่ถูกสั่งให้ไปคอยดูลาดเลารีบเดินกลับออกมาจากบริเวณโถงด้านหน้า ของห้องพระบรรทมเย่วฮองเฮา และทันทีที่มาถึงรีบทูลรายงานในสิ่งที่นางล่วงรู้มาอย่างรวดเร็ว
“ทูลฟูเหรินในเวลานี้ฮองเฮาทรงบรรทมอยู่เพคะ เหล่าหมอหลวงกำลังปรุงโอสถตัวใหม่เพื่อรักษาพระอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไรนัก และอีกจิบชาหนึ่งถ้วยองค์ชายเก้าจะเสด็จมาเยี่ยมฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันได้บอกนางกำนัลประจำตำหนักลู่เหวินแล้วว่าฟูเหรินมาเข้าเฝ้าเพื่อเยี่ยมพระอาการ”นางกำนัลคนสนิททูลรายงานอย่างละเอียด
ท่ามกลางความพึงพอพระทัยของจีฟูเหรินครั้นได้ยินนางกำนัลคนสนิทรายงานกลับมาเช่นนั้น รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนพระพักตร์งาม
“ในที่สุดองค์ชายเก้าก็มาเยี่ยมเยือนฮองเฮาตามแผนการของข้าที่ได้วางเอาไว้ นอกจากจะกำจัดเย่วฮองเฮาและทารกในครรภ์แล้ว แผนนี้ยังสามารถกำจัดองค์ชายเก้าได้อีกด้วย เพราะถือได้ว่าเป็นพระโอรสที่ประสูติมาจากอดีตฮองเฮาที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วจะต้องได้รับการสถาปนาให้เป็นองค์รัชทายาทเข้ามาแทนที่เมื่อมีอายุครบกำหนด”จีฟูเหรินรำพึงอยู่ภายในใจ
ทว่าเสียงรำพึงที่อยู่ภายในใจของจีฟูเหรินนั้นองค์หญิงน้อยกลับได้ยินอย่างชัดเจน สาเหตุเป็นเพราะได้เสวยโลหิตอมตะของอุปราชปีศาจเข้าไปนั่นเอง
“ฟูเหรินผู้นี้วางแผนลอบปลงพระชนม์เจ้าพี่และหลานของข้าหรือนี่ มิหนำซ้ำยังคิดกำจัดองค์ชายเก้าอีกด้วยเหรอ ช่างเป็นสตรีที่เต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายจริงๆ ว่าแต่นางไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยนะ หรือเสียงที่ข้าได้ยินเมื่อครู่ก็คือความคิดของนาง ทำไมข้าจึงล่วงรู้ความคิดของนางได้ละ”องค์หญิงน้อยรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันใดเมื่อคิดได้เช่นนั้น
หากแต่ไม่มีเวลาครุ่นคิดหาสาเหตุที่มาที่ไปดังกล่าวได้ เพราะในยามนี้จีฟูเหรินได้ส่งสัญญาณให้นางกำนัลทั้งสองเตรียมของฝากที่นำมาเยี่ยมอาการป่วยของเย่วฮองเฮาพร้อมมีรับสั่ง
“นำของเยี่ยมไข้ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้รอมอบให้กับองค์ชายเก้าทันทีที่เสด็จมาถึง เพราะแน่นอนว่าเมื่อเย่วฮองเฮาสิ้นพระชนม์ลงจะต้องมีการตรวจหาสาเหตุและจะพบหลักฐานอยู่ในของฝากที่องค์ชายเก้านำมามอบให้ เพียงเท่านี้ข้าก็สามารถกำจัดศัตรูที่ขวางทางการก้าวขึ้นสู่อำนาจของข้าไปได้จนหมดสิ้นเสียที”รับสั่งของจีฟูเหรินเล่นเอานางกำนัลคนสนิทต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอไปตามๆ กัน ด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่งยวด
“แต่พวกหม่อมฉันกลัวเพคะ หากถูกจับได้ขึ้นมาจะต้องถูกประหารไม่รู้กี่ชั่วโคตรก็ไม่รู้”นางกำนัลคนสนิทต่างมีสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าอยากให้อี๋เอ๋อร์ของข้าเป็นเพียงองค์ชายธรรมดาอย่างนั้นเหรอ พวกเจ้าสองคนติดตามข้ามาตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะเข้ามาถวายการรับใช้ฝ่าบาท เติบโตด้วยกันมานานกว่ายี่สิบปี เหตุใดจึงอยากเห็นข้าจมปลักอยู่แต่ที่เดิมแทนที่จะก้าวเข้าสู่จุดสูงสุด ข้าและอี๋เอ๋อร์จะไม่สามารถขึ้นมาอยู่เหนือผู้ใดได้ หากไม่กำจัดพวกคนเหล่านั้นออกไปให้พ้นทาง! เจ้าต้องการอย่างนั้นเหรอ!”จีฟูเหรินส่งเสียงตะคอกคนสนิทกลับไป
ทั้งสองพากันส่ายหน้าไปมาติดต่อกันอย่างรวดเร็วเมื่อถูกตั้งคำถามเช่นนั้น
“พวกหม่อมฉันทั้งสองอยากให้องค์ชายได้ขึ้นครองแคว้นเพคะ ดังนั้นเพื่อฟูเหรินแล้วและองค์ชายพวกหม่อมฉันจะช่วยทุกวิถีทางเพคะ”นางกำนัลคนสนิททั้งสองยืนยันกลับไปท่ามกลางความพึงพอใจของจีฟูเหริน
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันได้แล้ว ใกล้จะถึงเวลาที่องค์ชายเก้าจะเสด็จมาถึงแล้ว”รับสั่งพลางก้าวเดินนำหน้าออกไปก่อนโดยมีนางกำนัลทั้งสองถือของฝากเอาไว้เต็มสองมือด้วยกันทั้งคู่
โดยมีสายพระเนตรขององค์หญิงน้อยมองตามหลังไปนายบ่าวทั้งสามตาไม่กะพริบ
“ช่างเป็นคนที่ชั่วช้ายิ่งนัก ใส่ความให้องค์ชายเก้าเป็นผู้ลงมือสังหารเจ้าพี่ของข้า ทำอย่างไรข้าจึงจะฉีกหน้ากากของนางออกมาให้ผู้คนทั่วทั้งถังเฉี่ยนล่วงรู้ถึงความชั่วร้ายของนางได้นะ คิดสิคิดต้องคิดให้รอบคอบ คิดไตร่ตรองให้ดีๆ มันจะต้องมีหนทางแก้ไขสิ”องค์หญิงน้อยบ่นพึมพำพลางขบคิดหาวิธีกระชากหน้ากากจีฟูเหรินออกมาให้ได้
ฉับพลันองค์หญิงน้อยหวนคิดถึงรับสั่งของอุปราชปีศาจได้ขึ้นมาทันใด เมื่อตอนที่ล่วงรู้ว่ายาที่ได้เสวยเข้าไปนั้น จะสามารถปกป้ององค์หญิงน้อยไม่เกิดอาการเจ็บป่วยแต่อย่างใด และสามารถต้านพิษร้ายได้ทุกชีวิตตราบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตมาเยือนเลยทีเดียว
“ใช่แล้ว!...ยาวิเศษของท่านปู่!ที่ข้าดื่มลงไปเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมาสามารถต้านพิษร้ายได้ทุกชีวิต ถ้าเช่นนั้นหากเอาตัวของข้ารับยาพิษไว้แทน...”
องค์หญิงน้อยรับสั่งเพียงเท่านั้นก็เงียบงันลง ด้วยกำลังชั่งใจว่าสิ่งที่กำลังครุ่นคิดอยู่ในเวลานี้ หากยาดังกล่าวไม่ใช่ยาวิเศษที่มีคุณสมบัติอย่างที่คิดก็เท่ากับว่าต้องเสียสละชีวิตตัวเองไปโดยเปล่าประโยชน์ ทว่าความคิดอีกอย่างกลับแทรกสวนขึ้นมา
“ข้าเชื่อในสิ่งที่ท่านปู่กล่าวออกมาทั้งหมด ยาของท่านปู่เป็นความลับสุดยอดเช่นเดียวกับตำหนักลืมเลือนที่เต็มไปด้วยความลับมากมายและเรื่องราวที่เต็มไปด้วยปริศนาลี้ลับ ยาพิษไม่สามารถทำลายชีวิตของข้าได้อย่างแน่นอน”
เสียงฝ่ายดีดังกึกก้องในความคิดขององค์หญิงน้อย และนั่นทำให้ตัดสินพระทัยออกมาได้อย่างฉับพลัน
“ข้าคือศิษย์ของท่านปู่ ไม่เชื่อใจอาจารย์ของตัวเองได้อย่างไรเพ่ยเพ่ย!”รับสั่งบ่นให้กับตัวเอง
ครั้นตัดสินพระทัยได้อย่างเด็ดเดี่ยว องค์หญิงน้อยรีบเดินออกจากที่ซ่อนกลับไปยังห้องที่ประทับส่วนพระองค์เพื่อใช้เส้นทางที่เชื่อมต่อติดกันกับห้องบรรทมของเย่วฮองเฮาเพื่อไปปรากฏพระวรกายขัดขวางแผนการของจีฟูเหริน