นอกห้องพระบรรทม
พระวรกายสูงโปร่งขององค์ชายเก้าพระนามว่าเฟิงฉี เสด็จก้าวเข้ามาหยุดยืนภายในห้องโถงบริเวณด้านหน้าห้องพระบรรทมของเย่วฮองเฮา โดยมีองครักษ์คนสนิทคอยติดตามอารักขาอยู่ตลอดเวลา หากแต่ยังไม่ทันก้าวเข้าไปภายในห้องดังกล่าวเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาทันใด
“องค์ชายเก้า”เสียงของจีฟูเหรินรับสั่งรั้งไว้ให้รอนาง
พระพักตร์คมคายขององค์ชายหนุ่มในพระชันษาปีที่ 16 ค่อยๆ หันกลับไปทอดพระเนตรเสียงเรียกที่รั้งพระองค์เอาไว้โดยพลัน ก่อนจะมีรับสั่งออกมาเมื่อทอดพระเนตรพบว่าแท้จริงแล้วเป็นผู้ใด
“อ้าว!...จีฟูเหรินนั้นเอง”รับสั่งพลางหันพระวรกายกลับมาทอดพระเนตร
ข้างฝ่ายฟูเหรินจอมเจ้าเล่ห์ฉีกยิ้มกว้างส่งให้ก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงพระพักตร์องค์ชายหนุ่ม พร้อมเอ่ยขึ้น
“องค์ชายมาเยี่ยมฮองเฮาเหมือนกันเหรอเพคะ ได้ยินมาว่าทรงคร่ำเคร่งในการเรียนและฝึกวรยุทธ์อยู่ทุกวี่วันไม่คาดคิดว่าจะทรงมีเวลาว่างด้วย แต่แหมพอดีเชียวข้าก็กำลังจะเข้าไปเยี่ยมฮองเฮาเช่นเดียวกัน”จีฟูเหรินจีบปากจีบคอพูดออกมาเป็นการใหญ่
ครั้นองค์ชายเก้าได้ยินเช่นนั้นรอยยกยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก พลางย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่พระองค์บังเอิญไปได้ยินเหล่าขันทีซึ่งทำหน้าคอยรับใช้ประจำอยู่ภายในห้องทรงพระอักษรของเหล่าองค์ชายกับพระอาจารย์ กล่าวขานถึงพระอาการประชวรของเย่วฮองเฮา และได้ยินถ้อยคำบางอย่างของเหล่าขันที ภาพเหตุการณ์เมื่อวานพลันปรากฏขึ้นในความทรงจำขึ้นมาทันใดครั้นทรงย้อนคิดคำนึง
“นี่ๆ ได้ยินข่าวพระอาการประชวรของฮองเฮา ทรงมีพระอาการไม่สู้ดีเอาเสียเลยหากยังทรุดหนักลงเรื่อยๆ เช่นนี้ ดูท่าจฮองเฮาจะไม่รอดรวมไปถึงพระโอรสหรือพระธิดาในพระครรภ์ด้วยนะ”
“เป็นความจริงหรือข่าวลือ กรองมาดีแล้วเหรอ”ขันทีอีกผู้หนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกระซิบถามออกมาเบาๆ
“ข่าวกรองแล้วแน่นอน ได้ยินมาว่าหากฮองเฮาสิ้นพระชนม์พร้อมพระโอรสหรือพระธิดาในพระครรภ์ ก็เท่ากับว่าว่าที่รัชทายาทก็ไม่มีโอกาสได้ประสูติกาลออกมา จะต้องเลือกเฟ้นหาองค์รัชทายาทกันใหม่และถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริง ผู้ที่เหมาะสมทีสุดก็ไม่ใช้ใครอื่น แต่เป็นองค์ชายใหญ่ซึ่งประสูติจากอดีตฮองเฮาที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่น่าเสียดายจริงๆ”ขันทีคนดังกล่าวพูดเพียงเท่านั้นก็เงียบเสียงลงไปเสียดื้อๆ
“น่าเสียดายอะไร มัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นั่นแหละ ล่วงรู้อะไรก็พูดออกมาเสียทีเถอะ”เพื่อนขันทีซึ่งกำลังตั้งใจฟังพูดออกมาด้วยความรำคาญและหงุดหงิดเหลือประมาณ
และคำพูดรบเร้าดังกล่าวทำให้ขันทีผู้ซึ่งได้รับสินบนจากจีฟูเหรินให้มาทำหน้าที่กระจายข่าวบางอย่างเพื่อให้แผนการของนางบรรลุล่วงแสยะยิ้มในหน้าก่อนจะทีมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ภายในบริเวณนั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“สาเหตุที่ข้าบอกว่าน่าเสียดายก็เพราะ บังเอิญแอบไปได้ยินฮองเฮามีรับสั่งกับนางกำนัลคนสนิทว่าไม่มีองค์ชายของอดีตฮองเฮาพระองค์ใดเสด็จมาเยี่ยมเลยด้วยเพราะเกรงจะติดไข้ลมหนาวจากฝ่าบาทและพระนาง”
คำกล่าวของเพื่อนขันทีตัวดีที่ทำหน้าที่กระจายข่าวเป็นเหตุให้เพื่อนขันทีด้วยกัน ขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันทันใด
“ข้าฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจ อธิบายให้รู้เรื่องกว่านี้หน่อยจะได้ไหม”เพื่อนขันทีบอกกลับไปอย่างรำคาญ
“แหม...เหตุใดเข้าใจยากเสียจริง ก็หมายความว่าหากมีองค์ชายพระองค์ใดเสด็จมาเยี่ยมนั่นหมายความว่าทั้งฝ่าบาทและฮองเฮาสามารถฝากความหวังของแผ่นดินเป่ยถังเอาไว้ให้ได้ ไม่เกรงกลัวว่าจะต้องประชวรเพราะเสด็จมาเยี่ยมทั้งสองพระองค์ จะทำให้ฝ่าบาททรงเห็นถึงคุณสมบัติของการเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นสืบต่อไปคู่ควรแล้วที่จะได้ครองราชบัลลังก์อย่างไงเล่าเจ้าเพื่อนโง่”
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้เพื่อนขันทีด้วยกันเข้าใจได้โดยง่ายขึ้นมาทันที
“เหตุใดฮองเฮาจึงทรงมีรับสั่งเช่นนั้นหรือคิดว่าจะมีพระชนม์ชีพไม่ยืนยาวอย่างนั้นเหรอ”เพื่อนขันทีถามกลับไปด้วยความสงสัยไม่รู้วาย
“ดูท่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะในเวลานี้หมอหลวงต่างพากันหนักใจกับพระอาการของฮองเฮา จนพระนางเองก็เหมือนจะล่วงรู้แล้วว่าคงจะไม่รอดเป็นแน่แท้ เสียดายก็ตรงที่ต้องจากไปทั้งที่ยังทรงพระครรภ์อยู่เช่นนี้นะสิ ไม่น่าเลย..เฮ้อ!!!”
พูดพลางถอดถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดเมื่อสามารถกระจายข่าวตามที่จีฟูเหรินทรงต้องการได้เป็นผลสำเร็จ
ด้วยเพราะขันทีคนดังกล่าวล่วงรู้ว่าภายในห้องทรงพระอักษรยังมีองค์ชายเก้านั่งอ่านตำราเรียนอยู่ในเวลานั้น จึงตั้งใจที่กระจายข่าวเช่นนั้นออกมา
และนั่นเป็นเหตุทำให้องค์ชายเก้าทรงคิดได้ว่าตั้งแต่ฮ่องเต้เฟิงอวิ๋นและเย่วฮองเฮาทรงเกิดพระประชวรพร้อมกัน ไม่มีองค์ชายพระองค์ใดไปเข้าเฝ้าจริงๆ จะมาอ้างว่าเป็นเพราะพระบิดาทรงมีพระบัญชาไม่ให้เข้าเฝ้าด้วยเกรงว่าจะพลอยติดไข้ลมหนาวไปด้วย แต่ควรแล้วหรือที่บรรดาพระโอรสจะละเลยเช่นนี้
องค์ชายเก้าไม่ได้คาดหวังในเรื่องของราชบัลลังก์แต่ที่เสด็จมาเยี่ยมก็เพื่อทำหน้าที่ลูกซึ่งควรเข้ามาดูแลพ่อและแม่ยามป่วยไข้ และเพราะทรงมีจิตใจที่ดีจึงเป็นไปตามแผนของจีฟูเหริน ซึ่งต้องการกำจัดทุกคนที่ขวางทางนางและลูกในการก้าวขึ้นครอบครองแผ่นดินเป่ยถังนี้
ภาพเหตุการณ์ที่ได้ยินเมื่อวานพลันดับวูบลงไปเมื่อได้ยินจีฟูเหรินกล่าวทักทาย ก่อนจะมีรับสั่งตอบกลับไป
“ตั้งใจจะมาเยี่ยมเสด็จแม่นานแล้ว วันนี้ว่างจากการเรียนจึงได้มาขอเข้าเฝ้าและนี่จีฟูเหรินก็มาเยี่ยมเสด็จแม่เช่นกันด้วยอย่างนั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายเก้ารับสั่งถาม
จีฟูเหรินพยักหน้าขึ้นลงเป็นการยอมรับก่อนจะทำทีสอดสายส่ายตาไปทั่วพระวรกายขององค์ชายเก้า และเหลือบสายตามองไปยังองค์รักษ์ผู้ติดตามพลางเอ่ยขึ้น
“เสด็จมาเยี่ยมฮองเฮาไม่ได้นำของฝากติดไม้ติดมือมาด้วยอย่างนั้นเหรอองค์ชายเก้า”จีฟูเหรินแสร้งถามกลับไป
องค์ชายหนุ่มยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเหลือบสายตามองไปที่องครักษ์คนสนิทครั้นได้ยินเช่นนั้น
“เออ..ข้าหลงลืมข้อนี้ไปเสียสนิทมาเยี่ยมเสด็จแม่ต้องมีของฝากด้วยอย่างนั้นเหรอจีฟูเหริน ข้าไม่ได้คิดถึงข้อนี้จึงไม่ได้ตระเตรียมอะไรมาเลย”องค์ชายเก้ารับสั่งยอมรับออกมาตรงๆ
และนั่นทำให้จีฟูเหรินยกยิ้มที่มุมปากเมื่อทุกอย่างล้วนเข้าแผนของนางไปหมดเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
“ไม่เป็นไรองค์ชายเก้า เอาเป็นว่าข้าแบ่งของฝากที่จัดเตรียมมาเยี่ยมอาการประชวรฮองเฮาให้กับองค์ชายเพื่อนำไปถวาย ไม่ต้องบอกว่าเป็นของผู้ใดมาก่อน ถือเสียว่าเป็นของฝากที่องค์ชายจัดหามาเองก็แล้วกัน”กล่าวพร้อมหันกลับมามองนางกำนัลคนสนิทพร้อมเอ่ยสั่งการ
“เด็กๆ รีบนำของฝากไปถวายให้องค์ชายเก้าเร็วเข้า”จีฟูเหรินออกคำสั่งพลางใช้สายตาจิกไปทางนางกำนัลคนสนิทที่ถือของฝากที่มียาพิษซุกซ่อนอยู่ภายในนั้น
นางกำนัลคนสนิทซึ่กำลังงถือของฝากที่เต็มไปด้วยยาพิษซุกซ่อนเอาไว้ด้วยวิธีที่เหนือความคาดหมาย รีบเดินตรงไปหาองค์ชายเก้าพร้อมยื่นส่งให้อย่างรวดเร็วซึ่งยื่นพระหัตถ์รับฝากของนั้นไปด้วยความดีใจ
“น้ำใจเอื้อเฟื้อของจีฟูเหรินข้าซึ้งใจยิ่งนัก...ว่าแต่ของเยี่ยมไข้เสด็จแม่คืออะไรอย่างนั้นเหรอ”องค์ชายเก้ารับสั่งออกมาจากความรู้สึกของพระองค์พลางก้มลงทอดพระเนตรหีบขนาดกลางที่กำลังถืออยู่ภายในพระหัตถ์
“ไม่เป็นไรหรอกองค์ชายเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น หาใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเสียหน่อย ภายในหีบนั้นเป็นเครื่องเสวยวิเศษมากเลยเชียวนะ เรียกว่าน้ำแกงสามเซียน น้ำที่นำมาปรุงน้ำแกงมาจากบ่อน้ำทิพย์จากเทือกเขาเทียนซาน ซึ่งเชื่อว่าเป็นดินแดนของเทพสวรรค์ มีสรรพคุณที่สามารถบำรุงพระวรกายของฮองเฮาให้มีพละกำลังฟื้นคืนกลับมาทันทีที่เสวยเข้าไป ได้ยินว่าทรงไร้สิ้นเรี่ยวแรงที่แม้แต่จะพยุงพระวรกายของตัวเองก็ไม่สามารถทำได้”จีฟูเหรินจีบปากจีบคอตอบกลับไป
องค์ชายเก้าพยักพระพักตร์ครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“ช่างดีเสียจริงยังมีเครื่องเสวยที่ส่งผลต่อพระวรกายได้อย่างดีเยี่ยมเช่นนี้อยู่อีกหรือเนี่ย ข้ากลับไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลย”องค์ชายหนุ่มน้อยรับสั่งอย่างชื่นชม
ท่ามกลางรอยแสยะยิ้มเหยียดของจีฟูเหรินที่เห็นความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังถูกนางใส่ร้ายตามแผนการของนาง
“ไม่มีอะไรแล้วถ้าเช่นนั้นเข้าเฝ้าพร้อมกันเลยดีกว่าฮองเฮาทรงตื่นบรรทมพอดี โอกาสดีๆ เช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยที่จะแสดงเจตนาความห่วงใยอนาทรเช่นนี้ออกมา เข้าไปกันเถอะ”จีฟูเหรินพูดพลางก้าวเดินนำหน้าไปก่อนโดยมีสายพระเนตรขององค์ชายใหญ่ทอดพระเนตรตามหลัง ก่อนจะมีรับสั่งกับคนสนิท
“พวกเจ้ารออยู่ด้านนอกนี่แหละ ข้าเข้าไปเพียงครู่เข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้วก็จะรีบกลับออกมา”รับสั่งพร้อมเสด็จก้าวตามหลังจีฟูเหรินตามไปติดๆ