เจอกันอย่างไม่คาดคิด
ก่อนกลับมาที่ไร่บาลีกับอัณญาพาน้องอิฐไปเที่ยวทะเลที่กระบี่สามวัน แล้วกลับมาเพื่อเตรียมตัวจะถ่ายละครที่กำลังจะเปิดกล้องสัปดาห์หน้า ในวันที่จะกลับมานั้นอัณญาดันตัดสินใจบอกว่าจะลาออกจากงาน เพื่อกลับมาช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจโรงแรม เพราะบิดาเจ้าตัวอยากเกษียณ ส่วนน้องชายต่างแม่นั้นก็ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย
บาลีดีใจที่เพื่อนรักจะได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ในเมื่ออีกฝ่ายเชียร์ให้เธอหาทางพิชิตใจซุป’ ตาร์ บาลีก็จะเชียร์ให้อัณญากลับมารักกับธรินท์อีกครั้ง ซึ่งหลังจากอกหักมาจนถึงตอนนี้ ธรินท์ก็ยังไม่ได้จีบใครจริงจัง
วันนี้ตอนบ่ายแดดร่มลมตก บาลีนั่งดูลูกชายเตะบอลกับ
ธรินท์และเด็กชายเตเต้ที่สนามข้างบ้าน กระทั่งพิมพาเดินมาหา
“ไปหาขนมกินกันดีกว่า”
“ที่ไหนล่ะ ที่บ้านก็มีขนมสอดไส้ ป้ามอญทำไว้เมื่อเช้า”
“อยากกินขนมคาเฟ่น่ะ ไปเถอะ ใกล้ๆ นี่แหละ”
“ไปก็ไป” จากนั้นบาลีก็ตะโกนบอกคนที่เตะบอลอยู่ว่าไปคาเฟ่ แล้วก็เดินเคียงข้างพิมพาไปขึ้นรถ
คาเฟ่ที่รตีพามานั่นอยู่ในโรงแรมครอบครัวของอัณญานั่นเอง ชื่อโรงแรมว่าขุนเขา ทิวทัศน์สวย โอบล้อมด้วยขุนเขา ซึ่งไม่ต่างจากพื้นที่อื่นๆ ในหมู่บ้าน แต่โรงแรมจะอยู่บนเนินเขา มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลกว่า
“ยัยเอย ไม่คิดจะกลับบ้านตัวเองบ้างหรือไง” พิมพาบ่น เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สนิทกันมาก เพราะตอนวัยรุ่นพิมพาก็เคยพยายามจีบธรินท์ เลยมีเรื่องขัดใจกับอัณญา และห่างเหินกันไป
“กลับสิ เดือนหน้าจะมาทำงานที่โรงแรมแล้ว”
“อ้าว เหรอ ดีจัง ลีจะได้ไม่เหงา”
“ก็ไม่ได้เหงาอะไรนะ”
“จริงอะ”
“ก็มีพิมอยู่ทั้งคนจะเหงาอะไร ยัยเอยก็นานๆ ก็เจอกันเป็นเรื่องปกติ แต่กลับมาก็ดีแหละ เราจะได้มีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ สองคนเลยนะ”
“ป่านนี้ไม่รู้เอยยังโกรธเราอยู่หรือเปล่า”
“บ้าน่า เรื่องราวตั้งแต่ปีมะโว้แล้วนะ”
“นั่นสิ มันนานมาก เราเองก็มีลูกมีผัวไปแล้ว”
“แต่ยัยเอยกับพี่ดินยังโสดอะ” บาลีพูดแล้วเผลอยิ้มกริ่ม
“แน่ะ อย่าบอกว่านะจิ้นเขาสองคน”
“ก็มันน่าไหมล่ะ”
สองสาวคุยไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งเรื่องน้องอิฐเล่นละคร ซึ่งบาลีไลน์คุยกับพิมพาตั้งแต่ตอนที่น้องอิฐแคสต์ผ่านแล้ว
“แกตื่นเต้นไหมล่ะ จะเจอเมนตัวเองใกล้ขนาดนี้”
“ก็ตื่นเต้นมาก”
จริงๆ แล้วมันยิ่งกว่าตื่นเต้นด้วยซ้ำ ไหนจะได้เห็นหน้าผู้ชายที่แอบรักแอบฝันอีกครั้งแบใกล้ๆ แล้วไหนจะดีใจที่ลูกจะได้ร่วมงานกับพ่อของเขาอีก เธอก็ได้แต่ภาวนาให้อัทธ์เอ็นดูลูกมากๆ
“เฮ้ย เกิดไรขึ้น” เพราะขณะที่ทั้งสองกำลังคุยเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ จากโต๊ะข้างๆ และตามด้วยโต๊ะอื่นๆ ทำให้บาลีกับพิมพาหันไปมองด้วย
กรี๊ดดด
นั่นคือเสียงพิมพา ส่วนบาลีถึงกับช็อคเล็กๆ เอามือปิดปากตัวเองไว้ กลัวว่าจะกรี๊ดออกมาเหมือนคนอื่นๆ แต่เสียงพิมพาน่าจะดังเกินหน้าเกินตาคนอื่นในร้าน ทำให้ร่างสูงสง่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านหันมาทางโต๊ะเธอกับเพื่อน
เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าดวงตาคมพราวนั้นสานสบกับเธอ และเหมือนจะมีแววจดจำ แต่เพียงครู่เดียวเขาก็หันไปทางอื่น แล้วเดินไปยังโต๊ะที่ยังว่าง ซึ่งถัดจากโต๊ะของเธอไปเพียงสองโต๊ะเท่านั้น
มีสาวๆ จากโต๊ะอื่นเดินเข้าไปขอถ่ายรูปกับเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีร่วมเฟรม กระทั่ง...
“ลี เราไปขอถ่ายรูปกับพี่เขาไหม”
“อย่าเลย เป็นเวลาส่วนตัวของพี่เขา”
“คนอื่นก็ยังไปขอถ่ายเลย”
“แกจะรีบไปทำไม ลืมแล้วเหรอว่าพี่เขาต้องไปถ่ายละครที่ไร่ฉันไง แถมละครกับน้องอิฐด้วย แกไปขอที่นั่นง่ายกว่านะ”
“เออ จริงสิ” พิมพาเออออ แต่ก็หันไปมองดาราหนุ่มเรื่อยๆ จนบาลีอ่อนใจ และไม่อยากนั่งอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ใจมันเต้น ไม่คิดว่าจะเจออีกฝ่ายเร็วขนาดนี้ คิดว่าต้องได้เจอวันเปิดกล้องเสียอีก ซึ่งอีกตั้งหลายวัน
“พี่เขาคงมารอเปิดกล้องเนาะ แต่ทำไมรู้สึกเขาหันมาทางโต๊ะเราบ่อยจัง”
คำพูดนั้นของเพื่อนทำให้หัวใจบาลียิ่งเต้นแรง อยากหันไปดูว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้า
“เฮ้ยๆ เขาเดินมาที่โต๊ะเรา!” พิมพาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“จริงเหรอ!” บาลีหันขวับไปมอง เห็นอัทธ์เดินมาจริงๆ มายืนตรงหน้าเธอเสียด้วย
“เหมือนเราจะรู้จักกันหรือเปล่า”
คำทักทายเรียบง่ายนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม นอกจากทำให้พิมพาอ้าปากค้าง คนอื่นๆ ที่อยู่ในร้านก็หันมามองอย่างสนใจ แถมมีคนถ่ายรูปรัวๆ อีก
“เออ...คือ...” บาลีถึงกับติดอ่างขึ้นมาทันที
“ท่าทางจะไม่สะดวกคุยสินะ” เขารู้จากนนท์มานานแล้วว่าบ้านเกิดของบาลีอยู่ในจังหวัดนี้ แต่ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้
“งั้นเอาเบอร์มา” เขายื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า แต่บาลียังมึนงง นั่งนิ่ง พิมพาเลยถือโอกาสหยิบมือถือจากมืออัทธ์ แล้วกดเบอร์โทร. บาลี พร้อมกับยิงไปที่เครื่องบาลีสรรพเสร็จ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนอัทธ์
“ขอบคุณครับ” อัทธ์ยิ้มให้พิมพา แล้วหันไปยังหน้าช็อกๆ ของบาลี ทั้งดูน่าขันและน่ารักในสายตาของเขา
“แล้วจะโทร. ไปนะ” แล้วอัทธ์ก็เดินออกจากคาเฟ่ไปทันที
“เฮ้ย ยัยลี นี่หมายความว่ายังไง ทำไมพี่เขา...”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ กลับกันก่อนเถอะ ป่านนี้เด็กๆ เลิกเตะบอลแล้ว”
“เออ งั้นซื้อเค้กฝากเด็กๆ ก่อน” พิมพารีบเดินไปสั่งเค้กหน้าเคาน์เตอร์ทันที ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ กับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างบาลีกับอัทธ์
กระทั่งขึ้นมาในรถ
“สรุปยังไง ทำไมพี่เขามาคุย แบบ...เหมือนคนเคยรู้จักกันมาก่อน”
“พี่เขาเป็นรุ่นที่พี่มหา’ ลัย ตอนนั้นพี่อัทธ์อยู่ปีสุดท้ายแล้ว และเขาเคยคบหากับเพื่อนในกลุ่ม แต่เราไม่เคยคุยกันเลยนะ ไม่คิดพี่เขาจะจำฉันได้ นี่ก็งงเหมือนกัน”
บาลีบอกไปตามความจริง ไม่คิดว่าอัทธ์จะจำเธอได้ เธอกับเขาแทบไม่เคยคุยกัน ในค่ำคืนปาร์ตี้นั่นก็ไม่ได้พูดคุย นอกจากเขายกมือรับไหว้ของเธอ เหมือนทุกครั้งที่เจออีกฝ่าย ทั้งพบบังเอิญเดินสวนกัน หรือแม้แต่ตอนเขาไปหาน้ำส้ม เธอกับเพื่อนๆ ยกมือไหว้ จากนั้นก็ต้องรีบผละไป เพื่อให้เขาได้คุยกับน้ำส้มได้ตามสะดวก
แม้แต่ค่ำคืนนั้น ถึงจะมีอะไรกันอย่างเร่าร้อน แต่ก็ไม่เรียกว่าพูดคุยกันอย่างคนปกติ ที่สำคัญเขาคงไม่รู้ว่าเป็นเธอสินะ
“เหรอ แปลกจัง ผ่านมาตั้งหลายปี ทำไมเขายังจำแกได้”
“นั่นสิ”
“แสดงว่าแกไม่เปลี่ยนจากเดิมน่ะสิ”
“แกเคยบอกว่าฉันสวยขึ้นนะพิม”
“เออจริง ฉันเคยพูดนี่นะว่าแกมีลูกแล้วสวยกว่าเดิมอีก”
“มันเป็นตามวัยนั่นแหละ ตอนมีลูก ฉันก็ว่าตัวเองยังเด็กมากนะ”
“ใช่ เรายังเด็กกัน แกกับฉันถึงได้เป็นคุณแม่ยังสาวไง” พูดจบก็หัวเราะกันคิกคัก
พอลูกหลับบาลีก็ปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วเปิดโคมไฟมุมห้องใกล้กับห้องน้ำแทน ก่อนเดินกลับห้องตัวเองผ่านทางห้องแต่งตัวที่ทะลุทั้งสองห้องได้
วันนี้ลูกชายหลับเร็วกว่าทุกวัน เพราะเล่นฟุตบอลเหนื่อย แต่ก็ไม่งอแงเมื่อเธอให้เขาท่องบท ซึ่งบาลีให้ลูกอ่านบททุกวันตั้งแต่วันที่ได้บทมา บาลีปลื้มใจที่ลูกจำบทได้เก่ง ขาดแต่อินเนอร์ทางการแสดงที่ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้กำกับ หรือไม่ก็ต้องให้คนรับบทพ่อช่วยด้วย
พ่อของลูกหลับหรือยังนะ จะรู้ไหมว่าเธอรอสายเขาอยู่
เขาไม่น่ามาทักเธอเลย พิมพาบอกว่ามีคนส่งภาพที่อีกฝ่ายเดินมาหาที่โต๊ะ พร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ แพร่ไปตามสื่อต่างๆ แล้ว โดยเฉพาะเพจซุบซิบเม้าท์มอยดารา ยิ่งทวิตเตอร์ ไปไวอย่างเหลือเชื่อ
ก็แหงสิ เขาเป็นซุป’ ตาร์นี่
ข่าวก็ออกมาเกินจริงไปมาก เขียนว่าเขาเดินมาจีบสาว และสาวคนนั้นดูเหมือนจะเป็นพิมพา เพราะเพื่อนเธอดันเป็นหยิบโทรศัพท์จากมือเขามากดเบอร์เธอให้
ป่านนี้พี่ติณคงไม่บีบคอยัยพิมอยู่ เพราะขานั้นยิ่งหวงเมียจะตาย
มัวแต่คิดเพลินๆ พอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นบาลีถึงกับสะดุ้งน้อยๆ
และชื่อที่ขึ้นหน้าจอที่เธอบันทึกไว้ตั้งแต่หัวค่ำก็ปรากฏ นับหนึ่งถึงสามอย่างไว แล้วกดรับ
“หวัดดีค่ะ”
[ยังไม่หลับนะ] เสียงทุ้มดังขึ้น ระรื่นหูเสียจนบาลียิ้มเคลิ้ม รู้สึกเหมือนกันว่าเป็นเอามาก แต่ทำอย่างไรได้คนมันบ้ารักมาตั้งนาน และยังคงเฝ้าฝันถึงทุกค่ำคืน
“ยังค่ะ”
[ขอโทษด้วยนะ รู้สึกภาพของพวกเราวันนั้นจะถูกปล่อยไปทั่วทวิตเตอร์แล้ว โดยเฉพาะเพื่อนของลี ที่เป็นข่าวกับพี่น่ะ] เขาบอกเสียงกังวล ก่อนจะพูดกลั้วเสียงหัวเราะ
[พี่เหมือนจะจีบเพื่อนเราหรือไง]
“แล้วพี่คิดจะจีบใครล่ะ” ถามออกไปแล้วใจก็เต้นระรัว เห็นเขานิ่งไป บาลีก็อยากตบปากตัวเอง
[ยังคิดๆ อยู่ ว่าควรจีบดีไหม]
“ควรไม่ควร คือ...” ถามขนาดนี้แล้ว ก็อยากรู้ต่อไป เพราะจู่ๆ เขาเดินมาขอเบอร์ บอกเลยบาลีรู้สึกเหมือนถูกเติมด้วยความหวัง หลังจากที่เติมความฝันให้ตัวเองมาตลอดหลายปี
[ไม่รู้คนที่อยากจีบคบใครอยู่หรือเปล่า แต่งงานหรือยัง]
“ถ้าเป็นพิม แต่งแล้ว มีลูกแล้วค่ะ” บาลีบอกกลั้วเสียงหัวเราะ
[แกล้งพี่เหรอ ฮือ ก็รู้นี่ว่าพี่หมายถึงใคร]
พอได้ยินแบบนั้นแล้ว หัวใจบาลีพองโต ยิ้มกับโทรศัพท์ และเกือบจะกรี๊ดออกมาด้วยซ้ำ
[ว่ายังไง...มีใครอยู่หรือเปล่า] เขาถามย้ำอีกครั้งด้วยเสียงทุ้มนุ่ม
“ลีไม่มีใครค่ะ ไม่มีแฟน ไม่มีสามี แต่มี...” เธอนิ่งไป กำลังคิดว่าควรบอกเขาไหม ว่าสถานะเธอนั้นคือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
[แต่มีลูกใช่ไหม]
“พี่อัทธ์รู้ได้ไงคะ!” หรือว่ารู้แล้วว่าน้องอิฐเป็นลูกของเธอ งั้นเขาก็...
[ไอ้นนท์บอกว่าเคยเห็นตอนลีท้อง และเมื่อเดือนก่อนมั้ง เห็นลีเดินจูงมือเด็กคนหนึ่งที่ห้าง...] เขาบอกชื่อห้างที่นนท์เจอบาลีกับเด็กคนหนึ่ง
“อ๋อ ใช่ค่ะ เด็กคนนั้นเป็นลูกลีเอง” รู้สึกโล่งใจที่สุดท้ายเขาก็รู้ว่าเธอมีลูกแล้ว แต่ยังจะอยากจีบอยู่อีกเหรอ ทั้งที่เขาเป็นถึงซุป’ ตาร์นะ ผู้หญิงที่เหมาะสมคู่ควรกับเขามีตั้งมากมาย
[เลิกกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ขอโทษที่ถาม]
“คือ ตั้งแต่ยังไม่คลอดลูกค่ะ และลีก็ไม่ได้มีใครตั้งแต่นั้นมา”
[เพราะยังรักเขาอยู่เหรอ]
“มัน...เอ่อ...”
[ถ้าพี่จะจีบคงยากสินะ]
“ไม่ยากค่ะ!”
[อะไรนะ]
“คือแบบ...ไม่รู้สิคะ พี่ยังไม่ได้ลองจีบเลยนะ” ท้ายประโยคเธอบอกเสียงอ่อนแผ่ว
[งั้นลองเลยแล้วกัน อืม...พรุ่งนี้มาเจอกันที่คาเฟ่เดิมได้ไหม]
“ไม่กลัวเป็นข่าวเหรอคะ”
[พี่อายุขนาดนี้แล้ว อยู่วงการมานานเกินกว่าจะกลัวการเป็นข่าว และพี่ก็อยากใช้ชีวิตตัวเองให้เต็มที่]
“กระแสคู่จิ้นของพี่กับเมทิตากำลังมาอีกครั้งนะคะ”
[ก็แค่คู่จิ้น ที่แฟนคลับจับคู่ให้]
“งั้น พรุ่งนี้เจอกัน กี่โมงดีคะ” บาลียอมรับว่าตอนนี้สติสตังไม่มีแล้ว คำพูดของเขานั่นแหละที่ทำให้เธอเป็นมากขนาดนี้
[แล้วแต่ลีจะสะดวกครับ]
“งั้นหกโมงเย็นดีไหมคะ” ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะทุ่มทั้งตัวเพื่อจะได้เขามาเป็นพ่อของลูกอย่างเปิดเผย หลังจากมอบทั้งใจให้เขามานานแล้ว
[ได้ครับ พี่จะรอนะ]
“ค่ะ กูดไนท์นะคะ”
[ครับ ไนท์ ไนท์]
พอวางโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียง บาลีก็ทิ้งตัวบนที่นอน พลิกตัวดีดดิ้นไปมา กรี๊ดเบาๆ พร้อมกับเอามืออุดปาก
“ฝันของฉัน ใกล้เป็นจริงแล้วเหรอ โอ๊ย จะได้เจอตัวเป็นๆ พี่อัทธ์แล้ว พ่อของลูกชายที่ฉันฝันถึงมาตลอด กรี๊ดๆๆ”
ดีดดิ้นไปพักใหญ่ แล้วพยายามข่มตาให้หลับ แต่ความคิดเกี่ยวกับเขาก็วนเวียนอยู่ในหัวพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็หลับไปในที่สุด
..........