ความหล่อที่กินกันไม่ลง

2408 คำ
ความหล่อที่กินกันไม่ลง “เฮ้ยอัทธ์ มันบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่รู้” “อะไรอีกล่ะ” วันนี้อัทธ์เข้ามาในออฟฟิศของบริษัทผลิตละครของวีราวรรณ หลังจากวันนี้เขาไปถ่ายแบบให้นิตยสารเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้เขาไม่ได้เข้ามาดูการแคสต์บทลูกชายในละครเรื่องไร่แสนเสน่หา “ก็คุณแม่ของน้องอิฐน่ะสิ เป็นแฟนคลับของอัทธ์ บอกว่าตอนท้อง เอารูปของอัทธ์ติดผนังห้องนอน มองดูรูปอัทธ์และภาวนาว่าขอให้ลูกชายในท้องหล่อเหมือนอัทธ์ไง แล้วดูสิ หน้าเหมือนอัทธ์เดะเลย” วีราวรรณส่งคลิปการแคสต์งานให้เขาดู ยอมรับว่าเด็กมีแววกับงานแสดง แถมยังจำบทเก่งด้วย สีหน้าอารมณ์อาจจะยังทำไม่ได้เต็มร้อย แต่ดูแล้วว่าสามารถฝึกและพัฒนาต่อไปได้ วีราวรรณคงมองออกว่าเด็กคนนี้มีอนาคตแน่นอน จึงให้ผ่านการ แคสติ้งอย่างไม่ลังเล “น้องอายุเท่าไรนะ” เรื่องทำนองมนุษย์แม่ที่เริ่มตั้งครรภ์ เพื่อจะให้ลูกหน้าเหมือนศิลปินชื่นชอบ แล้วนั่งมองภาพศิลปินแล้วอธิษฐานนั้น ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน แต่ไม่คิดว่าเด็กชายอิฐจะมาเหมือนเขาขนาดนี้ “เจ็ดขวบเอง กำลังจะขึ้นปอสอง ตอนแรกนึกว่าแปดเก้าขวบนะ เพราะน้องตัวใหญ่กว่าอายุจริง เออรู้ไหม มีเรื่องให้เหลือเชื่ออีกเรื่อง” “เรื่องไรอีก” “ก็ไร่องุ่นที่พี่ไปติดต่อเพื่อถ่ายละครน่ะ เป็นไร่ของคุณแม่น้องอิฐด้วยนะ พี่เพิ่งรู้ว่าคุณแม่น้องอิฐเป็นเจ้านายของเจ้าดิน เพื่อนสนิทไอ้วินน่ะ” “บังเอิญจัง” “นั่นสิ แต่อาจเป็นพรหมลิขิต หรือคนที่มีวาสนาต่อกันก็ได้นะ” สาวใหญ่วัยสี่สิบตอนปลายที่ครองตัวเป็นโสดมานานพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ “เพ้อไปนะ” “แหงสิ เพราะเพ้อเก่งไง ถึงได้เป็นผู้จัดแถวหน้า ว่าแต่เราเถอะ อ่านบทไปถึงไหนแล้ว” “จบแล้วครับ” “มีรู้สึกว่าอยากแก้ หรือรู้สึกว่าไม่อยากเล่นบ้างไหม” “เลิฟซีนเยอะไปครับ ยิ่งตอนสะดุดล้มทับกันเยอะเกิน” “ก็ละครขายความฟินน่ะ” “แต่ถ้ามากไป ก็เลี่ยนครับ” “อือ เดี๋ยวพี่ตัดออกบ้างก็ได้ ว่าแต่เราลำบากใจหรือไงที่ต้องเล่นเลิฟซีนกับแฟนเก่า” “ไม่ลำบากอะไรหรอกครับ แต่เลิฟซีนมันเยอะ จนกลัวว่าจะยัดเยียดคนดูมากเกินไป” “กับเมได้คุยกันบ้างไหม” “เจอก็คุยปกติ” “แสดงว่าไม่ได้ติดต่อส่วนตัวกันเลย” “ก็ไม่” “ตอนนี้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง พี่ก็หวังว่าละครไร่แสนเสน่หาจะปังๆ” “บางทีละครจะปังๆ ไม่ได้อยู่ที่นักแสดงอย่างเดียวพี่ก็รู้” “รู้ย่ะว่าบทสำคัญอันดับหนึ่ง” “ผมว่าบทสนุก คนดูต้องชอบ แค่เลิฟซีนเยอะไปเท่านั้นเอง” “โอ๊ยย้ำจัง ทำพี่สงสัยว่าเราไม่อยากเลิฟซีนกับแฟนเก่า กลัวถ่านไฟเก่าคุหรือไง” “พี่ก็พูดไปเรื่อย ผมแค่เกรงใจแฟนเมเขาเท่านั้นเอง แต่เลิฟซีนเยอะเกินไปจริงๆ ผมกลัวคนดูเลี่ยน และรู้สึกถูกยัดเยียดจริงๆ” อัทธ์ย้ำ วีราวรรณจึงทำสีหน้าเบื่อๆ “ผมกลับก่อนล่ะ” อัทธ์บอกแล้วลุกจากเก้าอี้ ยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า “อือ วันอ่านบทเจอกัน” วีราวรรณตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ เพราะรู้จักกันมานาน และอัทธ์ก็รับบทพระเอกครั้งแรกจากละครที่วีราวรรณเป็นผู้จัด โด่งดังพลุแตกเป็นซุป’ ตาร์หนุ่มอันดับต้นๆ ของเมืองไทยมานานนับเจ็ดปี ถึงแม้อัทธ์จะเข้าวงการมานานกว่านั้น แต่กว่าจะได้รับบทพระเอก ก็เพราะวีราวรรณให้โอกาส อัทธ์จึงรักและเคารพ วีราวรรณเหมือนพี่สาวแท้ๆ คนหนึ่ง ทั้งสองสนิทกันมากกว่าคนร่วมงาน เวลานอกเหนือจากงานก็เจอกันบ่อยๆ “ตัดสินใจแล้วนะว่าจะไม่ไป” อัณญาหันไปถามอีกครั้ง ขณะที่เด็กชายอิฐนั้นขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย โบกมือให้แม่ตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บาลีโบกมือให้ลูกพร้อมส่งยิ้มกว้าง แล้วหันไปบอกอัณญา ครั้งที่ร้อยว่า “เออ ไม่ไป เซ้าซี้อยู่ได้” แล้วเธอก็ดันหลังเพื่อนรักให้เข้าไปในรถ รอกระทั่งอีกฝ่ายเคลื่อนรถออกจากลานจอดรถของคอนโดเรียบร้อย บาลีจึงเดินกลับไปยังห้องพัก จะว่าไม่ทำหน้าที่แม่ให้เต็มที่ หรือขี้ขลาดที่จะเผชิญหน้ากับพ่อของลูก บาลีก็ยอมรับว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าอัทธ์ในตอนนี้จริงๆ ขอเตรียมใจก่อน เพราะไม่คิดว่าชีวิตจะเกิดเหตุการณ์ฉุกละหุกที่จะได้มาเจอหน้ากันจังๆ แบบไม่ใช่เจอแบบติ่งอย่างที่ผ่านมา ที่มองเขาจากที่ไกลๆ จู่ๆ น้องอิฐจะได้ร่วมงานกับเขา แถมยังรับบทเป็นลูกของอีกฝ่ายอีก โอ๊ย มันเหลือเชื่อเกินฝันไปมาก แต่มันก็เป็นความจริงที่บาลีรู้สึกทั้งตื่นเต้นและตื่นตระหนกปะปนกันไปหมด เพราะฉะนั้นในวันที่น้องอิฐต้องไปเจอทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ ในวันนี้ บาลีจึงมอบหมายหน้าที่นั้นให้กับอัณญาไปจัดการ เพราะไหนๆ ก็เป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้แล้ว ก็รับมือไปก่อน ส่วนเธอขอนั่งและนอนทำใจอยู่ที่ห้อง ไว้วันที่เลี่ยงจะเจออัทธ์ไม่ได้จริงๆ ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องราวของโชคชะตา หรือจะเรียกว่าให้เป็นเรื่องธรรมชาติของชีวิตก็แล้วกัน สาธุ ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ทั้งการเริ่มต้นงานแสดงของลูก การได้เจอพ่อของเขา แม้ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ว่าเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ก็ตาม ขณะที่บาลีกำลังว้าวุ่นใจ ใครอีกคนก็ดูเหมือนจะไม่ต่างกัน อัทธ์รู้สึกประประหลาดใจมากที่จู่ๆ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอนักแสดงเด็กที่จะมารับบทเป็นลูกชายของเขา ซึ่งอัทธ์เองก็รับบทพ่อครั้งแรกในชีวิตนักแสดง หลังจากได้เห็นคลิปและภาพในวันแคสติ้งที่วีราวรรณส่งให้ อัทธ์ก็ไปค้นภาพวัยเด็กของตนเองมาเทียบหน้าเด็กชายอิฐ มีความเหมือนเกือบ 99.99% เลย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าตนเองอาจพลาดกับใครสักคนในค่ำคืนใดคืนหนึ่งในชีวิตที่ผ่านมา จากช่วงเวลาของอายุเด็กชายอิฐ ก็ใช่ว่าจะไม่เสี่ยง โดยเฉพาะในคืนนั้นเมื่อแปดปีก่อน ซึ่งเขาทั้งเมาและเพ้อเพราะพิษไข้ แต่ก็รับรู้ว่าได้มีเซ็กซ์ที่สุดยอดกับใครบางคน ซึ่งเขาไม่รู้ว่าคือใคร เพราะตื่นขึ้นมาก็พบตัวเองนอนอยู่คนเดียว แต่รับรู้ได้ว่าไม่ใช่น้ำส้ม ผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยในช่วงเวลานั้น เป็นความสัมพันธ์ทางกาย ที่ไม่มีความผูกพันทางใจต่อกัน มันเป็นเงื่อนไขที่เขากับน้ำส้มตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก หลังจากคืนนั้น เขาก็ไม่ได้เจอน้ำส้มอีก อีกฝ่ายเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย รับรู้จากนนท์ที่ยังฟอลโล่อินสตาแกรมของอีกฝ่าย บอกว่าน้ำส้มได้คบกับลูกชายนักธุรกิจที่มีฐานะร่ำรวยคนหนึ่ง กระทั่งตอนนี้ได้หมั้นหมายกันแล้ว “พี่อัทธ์คะ พี่วีราเรียกเข้าห้องประชุมแล้วค่ะ” เสียงเรียกจากด้านหลังปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มวางแก้วกาแฟในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นของออฟฟิศตรงไปยังห้องประชุม ซึ่งเขาถูกตามแบบนี้ แสดงว่านักแสดงทุกคนที่มาอ่านบทวันนี้มาครบแล้ว คงจะรวมถึงเด็กชายอิฐคนนั้นด้วย หน้าคล้ายกันไม่พอ แล้วทำไมต้องชื่อคล้ายกันอีกด้วยเนี่ย สงสัยแม่ของเด็กคนนั้นจะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาจริงๆ สินะ อัทธ์มาถึงมาถึงออฟฟิศของวีราวรรณตั้งแต่เช้า ก่อนเวลานัดหมายหนึ่งชั่วโมง จึงมีเวลาดื่มกาแฟ พร้อมครุ่นคิดถึงเรื่องในอดีตไปด้วย เมื่อก้าวเข้ามาในห้องประชุม เขายกมือไหว้นักแสดงอาวุโสทั้งหมด รับไหว้นักแสดงรุ่นน้อง ไม่เว้นแม้แต่อดีตคนรักอย่าง เมทิตา ทักทายรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง ก่อนจะหันมาหยุดที่นักแสดงเด็กหน้าใหม่ หัวใจเหมือนจะเต้นแรง เหมือนเจอรักแรกในช่วงวัยรุ่น นึกขันตัวเองเหมือนกันที่รู้สึกแบบนั้น “น้องอิฐครับ นี่พี่อัทธ์ คนที่จะเล่นเป็นพ่อของเราในเรื่อง อัทธ์นี่น้องอิฐ” วีราวรรณแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน “สวัสดีครับ” เด็กชายอิฐยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มตาสระอิให้พระเอกหนุ่ม ซึ่งเขาก็ยกมือรับไหว้ แล้วสิ่งยิ้มกลับ พร้อมกับเดินไปหา “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เด็กชายพูด แน่นอนเขาถูกแม่กับน้าเอยสอนมาอย่างดีว่าต้องพูดอย่างไรกับผู้ใหญ่ที่จะต้องร่วมงานด้วย “ได้สิ อือ อาก็ต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยเช่นกัน” อัทธ์เรียกตัวเองว่าอา เพราะด้วยวัยสามสิบสาม ก็ดูจะเหมาะ แล้วทั้งสองก็จับมือกัน วีราวรรณเลยให้ทั้งสองนั่งใกล้ๆ กัน จากนั้นวีราวรรณก็ให้นักแสดงก็แนะนำตัวเองว่ารับบทอะไรในเรื่อง ต่อด้วยการอ่านบท ที่เป็นฉากเปิดของตัวละครนั้นๆ กระทั่งถึงคิวของเด็กชายอิฐ เด็กชายที่ถูกแม่กับน้าเอยเทรนด์มาอย่างดี ก็ท่องบทได้อย่างคล่องแคล่ว แถมทำสีหน้าท่าทางประกอบ จนเรียกเสียงปรบมือจากทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ “สมกับที่น้าเอยคุยไว้เลย ว่าน้องอิฐนี่ได้รับรางวัลนักแสดงงานโรงเรียนดีเด่นมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลเลยนะ” วีราวรรณเอ่ยชมจากใจ อัทธ์ได้ยินชื่อ ‘น้าเอย’ ก็นึกสงสาร ว่าใช่แม่ของอิฐไหม แต่ทำไมเรียก ‘น้า’ ไม่เรียกแม่ล่ะ เขาหยุดความสงสัยไว้แค่นั้น เมื่อวีราวรรณกับทีมงานพูดถึงโลเคชันหลักในการถ่ายทำ “บอกเลยไร่สวยมาก และเราก็พักโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากไร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่บังเอิญมากๆ เพราะไร่แสงอุษา เป็นไร่ของครอบครัวน้องอิฐค่ะ แถมโรงแรมที่เราจองไว้ก็เป็นของครอบครัวน้าเอยของน้องอิฐอีก จึงได้รับส่วนลดเป็นพิเศษ” วีราวรรณพูดแล้วก็ยิ้มกว้าง พร้อมกับตั้งข้อสังเกตในความบังเอิญนั้นว่า “นี่ชักสงสัยแล้วนะ ว่าเรื่องบังเอิญถึงสองเรื่องเลยนะ เอ หรือว่าจะเป็นวาสนาต่อกัน” พูดจบก็ได้ยินเสียงโห่เบาๆ จากทีมงานและนักแสดงที่สนิทกัน “อ้าว ก็มันบังเอิญเกินไปไหมเล่า” พอคุยไปเรื่อยเปื่อยก็วกกลับมาเรื่องงานอีกครั้ง กระทั่งเวลาอาหารกลางวันมาถึง อาหารที่วีราวรรณสั่งมาจากร้านใกล้ออฟฟิศ ตอนนี้ทีมงานเรียงไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดอัทธ์ก็ได้เจอผู้ปกครองของเด็กชายอิฐ เมื่อ อ่านบทสำหรับวันนี้เสร็จเรียบร้อย แต่ในสัปดาห์หน้าก่อนถ่ายทำ วีราวรรณนัดเวิร์คชอป บทของเขากับเด็กชายอิฐ เพราะเป็นบทหลักของเรื่อง ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ส่วนใหญ่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน จึงไม่จำเป็นต้องมาเวิร์คชอปอะไรมาก “สวัสดีค่ะพี่อัทธ์” อัณญาโผล่หน้าเข้ามาในห้องพักผ่อนของบริษัท เห็นซุป’ ตาร์หนุ่มนั่งอยู่กับน้องอิฐตามลำพังก็รีบทักทายพร้อมยกมือไหว้ทันที “สวัสดีครับ น้าเอยของน้องอิฐเหรอครับ” “ใช่ค่า” อัณญาเดินไปนั่งเก้าอี้ที่ยังว่างข้างน้องอิฐ “จะว่าไป หน้าคุ้นมากนะครับ” “พี่อัทธ์ก็อาจจะเคยเห็นเอย เพราะเอยทำงานเป็นเออีอยู่ที่วีวาเอเยนซี่ค่ะ” “อ๋อ มิน่า น้องอิฐคงถูกเทรนด์มาดี เพราะจำบทเก่งมากเลย” “น้องอิฐหัวไวค่ะ เขาเล่นละครที่โรงเรียนทุกปี ตั้งแต่อนุบาลเลยนะคะ” “ดีจังนะครับที่บ้านสนับสนุน” “แต่ยังไงน้องอิฐก็ยังใหม่และเป็นเด็ก ไม่รู้จะงอแงหรือเปล่า ฝากพี่อัทธ์ช่วยเมตตาน้องอิฐด้วยนะคะ” อัณญาถือโอกาสฝากฝังเสียเลย เธอเชื่อในความผูกพันของสายเลือด แม้จะถูกบาลีค่อนแคะว่าดูละครมากไปก็เถอะ โธ่เอ้ย ของแบบนี้มันก็ต้องมีกันบ้างสิ คนเราเห็นหน้าตาคนที่เหมือนตัวเอง มันต้องรู้สึกอะไรบ้างสิน่า “ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” อัทธ์พูดพร้อมกับลูบผมของเด็กชายอิฐเบาๆ ซึ่งเจ้าตัวป้อมก็หันมาส่งยิ้มตายิบหยีให้อีกฝ่าย อัทธ์มองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม น่ารักเหมือนเราตอนเป็นเด็กเลย “ไม่แปลกใช่ไหมคะที่น้องอิฐมีหน้าคล้ายๆ พี่อัทธ์” “อ๋อ เห็นพี่วีราบอกว่า คุณแม่น้องอิฐเป็นแฟนคลับผม ตอนท้องน้อง คุณแม่ชอบดูภาพของผม” อัณญาได้ยินถึงกับยิ้มขำ ตอนนั้นเธอเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน “ผมเห็นภาพอาอัทธ์ที่ห้องคุณแม่ด้วยครับ” เด็กชายอิฐเอ่ยขึ้น อัณญาถึงกลับกลั้นขำ เพราะไม่ทันไรลูกชายก็ขายแม่เสียแล้ว “นี่ไง แฟนคลับตัวจริงของแท้ ว่าแต่ทำไมคุณแม่ไม่มาด้วยครับวันนี้” “คุณแม่บอกปวดท้องนิดหน่อยครับ” “อือ แบบนี้นี่เอง” “เดี๋ยววันไปที่ไร่ ได้เจอคุณแม่น้องอิฐแน่นอนค่ะ” อัณญาบอกแล้วยิ้มกริ่ม อยากจะลาออกจากงานในตอนนี้เลย จะได้ไปเฝ้าดูบาลีว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อจะได้ใกล้ชิดหรือพิชิตใจซุป’ ตาร์หนุ่มที่เป็นพ่อของลูกตนเอง เพราะโอกาสดีๆ แบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม