แผนเป็นดังใจ 1.1

2658 คำ
หนึ่งเดือนต่อมา ระยะเวลาที่ผ่านมานี้มีความเปลี่ยนแปลงและไม่เปลี่ยนแปลง ที่ไม่เปลี่ยนแปลงคืออาการของณัชญ์ อาการของเขายังคงเช่นเดิม นอนนิ่งไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เขากลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน โดยมีพยาบาลวิชาชีพคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และยังมีอรุณวรรณที่แวะเวียนมาดูแลเขา บางครั้งทำหน้าที่ยิ่งกว่าพยาบาลที่จ้างมาเสียอีก และอีกหนึ่งอย่างที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ ความแค้นของธัญญ์ที่มีต่อวชิราภรณ์ ภาพของน้องชายนอนไม่ได้สติตราตรึงอยู่ในมโนภาพของธัญญ์เสมอ และทุกครั้งที่เห็น ความแค้นก็ปะทุเดือดอยู่ในใจ รอวันที่เขาจะได้เห็นความเจ็บปวดของวชิรภรณ์ด้วยความกระหาย และจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เธอรักและหลงในตัวของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น หากถึงวันนั้นเขาจะเฉดหัวเธอทิ้งอย่างสิ้นเยื่อใย ให้เหมือนกับที่เธอทำกับณัชญ์ คนเปลี่ยนแปลงก็คือ วชิราภรณ์ หนึ่งเดือนของการเป็นเลขาประธานบริษัท หญิงสาวเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็ว งานเลขาไม่ได้ยากเหมือนกับที่ธัญญ์บอก เพียงแต่ว่าต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบมากกว่างานที่เธอเคยทำมาเท่านั้น  นอกเหนือจากเรื่องงานที่เลขาหน้าใหม่ต้องเรียนรู้ เรื่องหัวใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอต้องเรียนรู้ควบคู่ไปด้วย ความรักที่ไม่เคยเกิดขึ้นในใจมาก่อน เริ่มผลิบานทีละนิดเพราะคำหวานที่เขาหมั่นพูดที่มาพร้อมกับการกระทำ  ธัญญ์ทำให้เธอเห็นข้อแตกต่างระหว่างผู้ชายทั่วๆ ไปที่เคยรู้จัก เขาดูอบอุ่น คำพูดเขาที่แสดงออกมา ไม่มีความเสแสร้งแกล้งทำ ดวงตาคมกล้าที่เธอมองเห็น เปี่ยมล้นไปด้วยความจริงใจไม่มีหวังผลเหมือนสายตาของชายคนอื่นๆ ความรักที่ขาดหายดูเหมือนจะถูกเติมเต็มขึ้นมาทีละน้อย “ผึ้ง เอาเอกสารงบประมาณของเดือนนี้เข้ามาให้ผมหน่อยครับ” เสียงของเจ้านายหนุ่มดังผ่านเทเลคอม “ค่ะ คุณธัญญ์” เธอส่งเสียงบอกอีกฝ่าย ก่อนจะนำเอกสารที่ธัญญ์ต้องการ นำไปให้ในห้อง แต่พอเข้ามากลับไม่เห็นร่างของธัญญ์ กลับได้ยินเสียงดังกึกกักในห้องน้ำ วชิราภรณ์จึงนำเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะ โดยไม่รู้ตัวว่าเจ้าของห้องเดินมาซ้อนด้านหลัง พอเธอหมุนตัวเพื่อเดินไปยังประตูห้อง ร่างอรชรจึงปะทะกับอกกว้างของธัญญ์อย่างจัง ส่งผลให้ร่างสาวผงะหงายดีที่ว่าอ้อมแขนของธัญญ์โอบกระชับร่างเธอเอาไว้เสียก่อน ดวงตาของธัญญ์ตั้งใจจะให้ประสานกับดวงตาของเธอ เขาต้องการถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ให้อีกฝ่ายหลงใหล การณ์กลับเป็นว่าเขาเองต่างหากที่หลงใหลกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของวชิราภรณ์ ดวงตาคู่นี้อ่อนหวานและน่าค้นหา แฝงไว้ซึ่งความเศร้า หากแต่ธัญญ์สามารถดึงความหลงใหลนั้นกลับมาอยู่ในความคิดของตนเองได้ในวินาทีต่อมา หัวใจของวชิราภรณ์เต้นแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา มันเต้นแรงจนกลัวว่าหัวใจของเธอจะทะลักออกมานอกอก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชาย ทุกครั้งที่เธอหลอกล่ออดีตคนรักของเขมิกา เธอจะไม่ให้ชายเหล่านั้นล่วงเกินมากกว่าจับมือเลยสักคน วชิราภรณ์รู้สึกรังเกียจอ้อมกอดของชายเหล่านั้น แต่กับธัญญ์ไม่ใช่ อ้อมแขนของเขาอบอุ่น ปลอดภัยประดุจขุนเขาโอบล้อมคุ้มครองตน ต้านทานแรงลม แรงพายุโหมกระหน่ำ อ้อมกอดนี้แหละที่เธอต้องการและโหยหามาตลอดชีวิต ไม่ใช่เพียงร่างกายที่แนบชิด ดวงตาที่สบประสาน ใบหน้าของทั้งสองก็ยังใกล้กันจนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน “เอ่อ...คุณธัญญ์ปล่อยผึ้งได้แล้วค่ะ” เธอพูดเสียงเบา เอียงอายกับสายตาคู่นั้น “ผมไม่อยากปล่อยเลยครับ อบอุ่นดี” เขาพูดเสียงหวานหยด สั่งดวงตาให้หวานเหมือนกับคำพูด “ปะ...ปล่อยผึ้งเถอะคะ ผึ้งจะไปทำงาน” คนพูดใจเต้นถี่แรง หลุบตาต่ำ ใบหน้าสาวระเรื่อแดง ธัญญ์มองเห็นสีหน้าเธอก็อดจะเหน็บแนมในใจไม่ได้ว่า “ทำเป็นอายทั้งๆ ที่ตัวเองเคยทำมากกว่านี้” “ผมขออยู่อย่างนี้สักพักได้หรือเปล่าครับ อบอุ่นทั้งหัวใจและร่างกาย” อ้อมแขนที่โอบกอดเอวกิ่วเพียงหลวมๆ เริ่มกระชับแน่นมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดร่างสาวตกอยู่ในอ้อมกอดของชายเจ้าเล่ห์อย่างแนบสนิท ไม่เหลือช่องว่างระหว่างกาย วชิราภรณ์ตื่นตะลึงในชั่ววินาทีแรก แต่พอได้รับไออุ่นจากเรือนกายแข็งแรง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเกราะป้องกันความเศร้าหมอง ความทุกข์ ความเสียใจได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว เธอจึงเปิดใจรับความอบอุ่นนี้ด้วยความเต็มใจ ปล่อยให้ธัญญ์กอดเธอได้ตามต้องการ รอยยิ้มร้ายกาจของธัญญ์ผุดขึ้นตรงมุมปาก เขากำลังคิดว่าการที่เธอสมยอมให้กอดเป็นเพราะความใจง่าย ที่พร้อมจะตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายได้ทุกเมื่อ หากตัวเองพอใจ ความคิดของเขาและเธอ ณ ตอนนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง             “ผึ้งก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนกันค่ะ” วชิราภรณ์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ แต่ความหมายล้ำลึกมากมายนัก มุมปากของธัญญ์เชิดมากขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาไม่คิดว่าความหมายของคำว่า อบอุ่น สำหรับเธอจะมีอะไรมากเป็นพิเศษ เขายังคงมีความคิดเดิมๆ อยู่ในสมอง ยังมีภาพลักษณ์ของเธอที่เขาเห็นวนเวียนอยู่ในมโนภาพเช่นเดิม ผู้หญิงที่เขากำลังกอดอยู่นี้ คงจะรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชาย “ผมอยากกอดผึ้งทั้งยามหลับและยามตื่นจังเลยครับ ผึ้งรู้ไหมว่าหัวใจของผมมันเต้นแรงแค่ไหน เต้นเป็นจังหวะอะไร” น้ำเสียงยังดูอบอุ่นและอ่อนโยน คนถูกถามใจเต้นรัวแรงเป็นสองเท่า คำถามของเขากำลังจะบอกอะไรเธออยู่หรือไม่ วชิราภรณ์ไม่อยากจะคิด เวลาเพียงหนึ่งเดือนจะทำให้คนเรารักกันได้อย่างนั้นหรือ...มันเป็นไปไม่ได้ เธอค้านในใจ “ไม่ทราบค่ะ” เสียงเธอเบาและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “มันเต้นแรงมากเลยครับ แรงที่สุดในชีวิตของผมก็ว่าได้ และกำลังเต้นเป็นจังหวะ...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยค เสียงโทรศัพท์มือถือของธัญญ์ก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศและแผนการของเขาได้ในทันที เขาจำต้องคลายอ้อมแขนที่รัดร่างอิ่มเนื่องจากเสียงริงโทนเฉพาะบุคคลที่เข้าตั้งไว้นั้น เป็นเสียงริงโทนของมารดา วชิราภรณ์จึงถือโอกาสนี้เดินออกไปจากห้องทำงานของธัญญ์ และนี่คือจุดเริ่มต้นของความรักที่เกิดขึ้นในหัวใจสาวขาดความอบอุ่น ความรักที่เข้าทาทักทายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ระยะเวลาสั้นๆ ที่วชิราภรณ์ก็ไม่คาดคิดว่าจะรู้สึกรักใครได้ เมื่อเลขาสาวเดินออกมาจากห้องประธานบริษัท เธอระบายลมหายใจแรงๆ ออกมา เป็นลมหายใจสับสน ว้าวุ่น ตื่นเต้น วชิราภรณ์เดินมาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงาน ใช้ฝ่ามือแนบตรงหัวใจที่ดังสะท้านรัวไม่หยุด ใจเต้นตึกตักกับคำพูดของเขา อบอุ่นยามตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง และยิ่งเพิ่มอัตราการเต้นมากขึ้นเมื่อนึกถึงประโยคสุดท้ายที่เขากำลังพูด พลันความคิดของเธอทั้งหลายทั้งปวงต้องยุติลง เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น หญิงสาวก้มมองดูหมายเลขที่โทรเข้ามา ทำหน้าเบ้ก่อนจะรับสายอย่างเสียมิได้ คนที่โทรเข้ามาคือ กัมปนาท   หนึ่งเดือนสำหรับกัมปนาท “แค่นี้นะคะ ผึ้งงานยุ่ง” กัมปนาทตัดสายโทรศัพท์ทิ้งด้วยอาการเศร้าสร้อย ใบหน้าเหี่ยวเฉาคล้ายกับต้นไม้ไร้น้ำ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาไม่ได้เจอหน้าวชิราภรณ์เลย ที่ติดต่อกันตอนนี้คือทางโทรศัพท์ ซึ่งแต่ละครั้งไม่เกินหนึ่งนาที เธอจะอ้างโน่นอ้างนี้เพื่อตัดการสนทนาทุกครั้ง ไม่ให้ไปรับไปส่งที่บ้านและที่ทำงานเหมือนเช่นที่ผ่านมา ความเหินห่างของเขาและวชิราภรณ์ทิ้งระยะห่างกันมากขึ้นทุกวัน “พี่เอเป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าตาไม่ดีเลยค่ะ” เขมิกาถามญาติหนุ่มที่นั่งทำหน้าหมองเศร้า จ้องมองแต่โทรศัพท์ในมือ “พี่ไม่ได้เป็นอะไร” กัมปนาทตอบสั้นๆ คลี่ยิ้มให้น้องสาว “พี่เอมีอะไรทุกข์ใจระบายกับเขมได้นะคะ เขมยินดีรับฟังพี่เอเสมอ แม้ว่าจะช่วยอะไรพี่เอได้ไม่มากก็ตาม” คนที่มีศักดิ์เป็นน้องเสนอตัวเป็นศิลาณี เขมิกาลอบสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของญาติหนุ่มมาตลอด หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้กัมปนาทดูซึมเศร้า สีหน้าไม่มีความสุข อมทุกข์จนเธอนึกเป็นห่วง “ขอบใจมากเขม ถ้าพี่ไม่ไหวจริงๆ พี่จะเล่าให้เขมฟังนะ” “ค่ะพี่เอ เขมไปก่อนนะคะ นัดลูกค้าเอาไว้” เขมิกากล่าวเสียงนุ่ม จับมือญาติหนุ่มแล้วกระชับคล้ายกับว่าให้กำลังใจ จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องทำงานของกัมปนาท “คุณเป็นอะไรผึ้ง คุณเป็นอะไร บอกผมหน่อยได้ไหม” เขาถามคำถามนี้ออกมาเบาๆ สีหน้ายังคงเปี่ยมไปด้วยความหนักใจ กลัดกลุ้ม ความรักที่ดูราบรื่นกลับสะดุดอย่างไม่รู้สาเหตุ คำพูดและความห่างเหินของวชิราภรณ์ทำให้เขากลัวว่า จะเสียเธอไป เขากลัว...เหลือเกิน   16.00 น. ห้องประธานบริษัท ร่างของสาวสวยเจ้าของชุดเดรสแบบเกาะอกสีดำกำมะหยี่สั้นเหนือเข่าเกือบคืบ เดินเยื้องกายตรงดิ่งมาทางห้องประธานบริษัท ปิโตเคมี แอสโซเอส (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) อัชฌาเดินทางมาหาธัญญ์ แม็คควีน ทันทีที่ทราบข่าวว่าเขาเดินทางมาเมืองไทย เธอเลือกที่จะมาหาเขาโดยที่ไม่บอก เพราะถ้าบอกรับรองได้เลยว่าไม่มีทางได้เจอเขาแน่นอน “ไฮ...ธัญญ์ขา แองจี้มาหาธัญญ์แล้วค่ะ” ธัญญ์เงยหน้ามองบานประตูห้องทำงานที่เปิดโดยมีสัญญาณเคาะเหมือนที่ควรจะเป็น สีหน้าของเขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าของเสียงเดินปรี่เข้ามาหาเขา นึกแปลกใจอยู่ว่า เธอเข้ามาในห้องนี้ได้อย่างไร ทำไมไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากวชิราภรณ์ตามที่ควรจะเป็น “แองจี้!!” เขาอุทานเบาๆ มองสาวสวยร้อนแรงอย่างอึ้งๆ และยิ่งอึ้งมากขึ้นกว่าเดิม เมื่ออัชฌาจู่โจมเขาโดยไม่ทันตั้งตัว สาวสวยหุ่นเลิศทรุดกายนั่งบนตักกว้างของเจ้าของห้อง ระดมจูบไปทั่วใบหน้าหล่อไม่เลือกที่ “พอแล้วแองจี้ นี่มันห้องทำงานของผมนะ แล้วคุณเข้ามาได้ยังไง ทำไมเลขาของผมจึงไม่เข้ามารายงานก่อน” เขาปรามสาวร้อนแรงเสียงเข้ม ดันร่างสาวออกห่างตัวอย่างสุภาพ “แหม...ทำอย่างกับว่าไม่เคยทำอะไรในห้องทำงานอย่างนั้นแหละ อีกอย่างนะคะแองจี้ไม่เห็นเงาเลขาของคุณเลยด้วยซ้ำ เธอไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ” อัชฌาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะบัดงอน แต่ไม่ยอมปล่อยลำแขนที่คล้องคอแกร่ง ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามดึงรั้งออกก็ตาม แขนและมือของเธอก็ยังคงเหนียวแน่นเหมือนเดิม “แต่ที่นี่มันเมืองไทยนะ ไม่ใช่ลอนดอน” ระดับน้ำเสียงเริ่มสูงขึ้น ความไม่พอใจมากขึ้นตามไปด้วย “มันก็เหมือนกันแหละคะ ห้องหับปิดมิดชิดไม่มีใครมากวนใจเรา” สาวเปรี้ยวโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เขาอีกหนเมื่อพูดจบ ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยสีส้มสดตั้งใจจะทาบทับปากหนาได้รูป ทว่าเขากลับเบี่ยงหน้าหนีแล้วใช้มือใหญ่ดันใบหน้าสวยเฉี่ยวให้ออกห่าง “ผมไม่มีอารมณ์ คุณไปนั่งตรงโน้นไป ผมจะทำงาน” ธัญญ์กล่าวเสียงห้วน “ก็แองจี้คิดถึงธัญญ์นี่คะ ไม่ได้เจอตั้งหลายปี รู้หรือเปล่าคะว่าแองจี้ใจจะขาดแล้ว” ทรวงอกตูมเต่งบดเบียดกับแผงอกกว้าง ส่ายไปส่ายมาจงใจให้มันเกิดการเสียดสี “อย่าแองจี้ เดี๋ยวเลขาผมเข้ามาเห็นมันจะไม่ดี” เป็นอีกครั้งที่เขาใช้มือผลักร่างสาวให้ออกห่าง ปรามเธอด้วยสายตาเคืองขุ่น ทว่าสาวร้อนรักไม่ได้สำเหนียกกับสายตาคู่นั้นเลย โอบกอด จูบไปทั่วใบหน้าคมที่เบี่ยงหลบ ตอนนี้ธัญญ์ไม่มีอารมณ์เสน่หา เขากำลังกลัวว่าวชิราภรณ์จะมาเห็นภาพนี้เข้า หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ แผนเขาอาจจะพังได้ คะแนนที่ทำมาตลอดหนึ่งเดือนต้องติดลบ “เลขาของธัญญ์เข้ามาไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่าแองจี้ล็อคประตูห้องเรียบร้อยแล้วค่ะ” “ผมว่าเราออกไปทานอาหารอร่อยๆ กันดีกว่านะ” เขาเอ่ยบอกเจ้าของมือที่โอบรัดร่างเขาไม่ปล่อย ออกอุบายให้เธอย้ายร่างออกไปจากห้องของเขา ไม่มีแผนใดดีเท่าแผนนี้อีกแล้ว อัชฌาได้ยินแล้วยิ้มร่าเต็มที่เมื่อได้ฟังประโยคนี้ “ไปค่ะ ธัญญ์พาแองจี้ไปทานข้าวเสร็จ ต้องพาไปดูหนังแล้วก็ฟังเพลงต่อด้วยนะคะ” เธอได้ทีพูดเสริม “ได้สิ ไปกันเลยนะ” เขาลุกขึ้นพรวดทำให้ร่างระหงส์แทบจะตกลงไปนั่งบนพื้น ดีที่ว่าตั้งหลักยืนได้เสียก่อน ธัญญ์ไม่รอให้เสียเวลาจับจูงข้อมือสาวพาเดินลิ่วๆ ออกไปจากห้องทำงาน รู้สึกโล่งใจหลังจากที่เดินออกมาแล้วไม่เห็นร่างของเลขาสาว พบเจอแต่กำพลที่เดินตรงมายังเขา สีหน้าของลูกน้องหนุ่มไม่สู้ดีนักเมื่อเห็นสาวสวยข้างกายธัญญ์ “ขอโทษครับคุณธัญญ์ พอดีผมไปเข้าห้องน้ำครับ” กำพลเอ่ยขอโทษทันทีที่เห็นอัชฌา หากเขาอยู่ยังพอดึงรั้งไม่ให้สาวสวยคนนี้เข้าไปกวนเจ้านายหนุ่ม “ผึ้งไปไหน” ธัญญ์พยักหน้าก่อนจะเอ่ยถาม “ผึ้งไปเข้าห้องน้ำครับ คุณธัญญ์จะไปไหนครับ” “ฉันจะไปข้างนอก” กำพลรู้ใจเจ้านายดีว่าทำอย่างนี้เพราะอะไร รีบเดินตามธัญญ์ที่ก้าวยาวๆ จนอัชฌาตามแทบจะตามไม่ทัน เขาเร่งรีบราวกับว่ากลัวใครเห็น ธัญญ์กับอัชฌาพบเจอกันในประเทศอังกฤษ ตอนที่อัชฌามาเที่ยวกับพวกเพื่อนๆ เพียงแค่แรกเห็นดูเหมือนว่าเชื้อเพลิงความไวไฟของแต่ละคนจะติดอย่างรวดเร็ว ความที่อัชฌาเป็นคนรักสนุก และธัญญ์เองก็เป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ ทำให้ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันในช่วงข้ามคืน อัชฌาติดอกติดใจในรสสวาทของธัญญ์ถึงขนาดไม่ยอมกลับเมืองไทยพร้อมเพื่อนๆ อยู่ต่อที่อังกฤษนานกว่าสามเดือน แล้วคิดว่าน่าจะอยู่ต่อหากทางบ้านไม่เรียกตัวให้กลับ เนื่องจากคุณหญิงรตีผู้เป็นย่าเจ็บหนัก รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ตรงกันข้ามกับธัญญ์ที่เริ่มเบื่อหน่ายในตัวของอัชฌามากขึ้นทุกวัน และไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม