ห้องอาหารสุดหรูที่ตั้งอยู่ในโรงแรมชั้นหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ คือสถานที่ที่ธัญญ์พาวชิราภรณ์มาทานอาหารกลางวัน บรรยากาศและความเป็นส่วนตัวส่งเสริมให้แผนการของเขาดำเนินไปได้อย่างสวยงาม
ธัญญ์เอาอกเอาใจวชิราภรณ์ประหนึ่งเจ้าหญิงก็ไม่ปาน ตักอาหารใส่จานไม่ขาดสาย พูดจาอ่อนหวาน นุ่มนวลระรื่นหู บางครั้งพูดจาติดออกไปทางเกี้ยวพาราศี นำความขวยเขินให้เกิดขึ้นบนใบหน้าสาวเป็นระยะๆ
หัวใจของวชิราภรณ์รู้สึกแปลกๆ เมื่อได้รับการเอาใจจากเขา เธอรู้สึกอบอุ่น ประดุจดอกไม้งามแย้มบานยามเช้ารับแสงอรุณของวันใหม่ หัวใจชุ่มฉ่ำราวกับได้รับน้ำทิพย์จากสวรรค์ ช่องว่างในหัวใจที่รอใครสักคนมาเติมเต็ม เริ่มกระชับทีละนิดโดยไม่รู้ตัว
“เป็นไงครับ อาหารอร่อยหรือเปล่าครับ”
“อร่อยค่ะ อร่อยมากๆ เลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป ผมจะตระเวนพาผึ้งไปทานอาหารอร่อยๆ ที่อื่นทุกวันแบบไม่ซ้ำกันเลย ดีหรือเปล่าครับ”
“อย่าดีกว่าคะ แค่นี้ก็เกรงใจคุณธัญญ์จะแย่แล้วค่ะ” เธอพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่ต้องเกรงใจครับ อย่างที่ผมเคยบอกผึ้งไป ผมเต็มใจเป็นที่สุดครับ เพื่อผึ้งครับ”
วชิราภรณ์หลุบสายตาลงมองจานข้าวเพื่อหลบหลีกสายตาหวานเยิ้มของธัญญ์ เธอเคยถูกผู้ชายจีบและพูดคำหวานมาแล้วหลายคน แต่ไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้รู้สึกขวยเขิน เอียงอาย รวมทั้งหัวใจพองโตได้เท่าคำพูดของธัญญ์เลย
“คุณธัญญ์เป็นลูกครึ่งแถมยังไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก แล้วทำไมถึงรู้จักร้านอาหารอร่อยๆ ในเมืองไทยเยอะจังคะ แล้วยังเรื่องที่คุณธัญญ์พูดภาษาไทยได้ชัดเจน ชัดเหมือนกับว่าอยู่เมืองไทยมาตั้งแต่เกิด”
เธอเปลี่ยนเรื่องสนทนา เอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย สาเหตุที่เธอรู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่งเพราะว่า นามสกุลของเขาคือ แม็คควีน อีกทั้งกำพลยังบอกกับเธอว่า ธัญญ์ไปอยู่อังกฤษตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอมีข้อสงสัยหลายข้อในใจ
“คุณพ่อของผมเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ คุณแม่ของผมเป็นคนไทย พอผมอายุได้สองขวบท่านทั้งสองก็แยกทางกัน ผมเดินทางไปอยู่อังกฤษตั้งแต่นั้นมาแล้วกลับมาเยี่ยมคุณแม่ที่เมืองไทยเป็นปีละสามครั้ง ผมจึงพูดได้ทั้งภาษาสากลและภาษาไทย พูดได้ทั้งสองภาษาคล่องพอๆ กันเพราะอยู่ที่โน่นผมก็พูดภาษาไทยกับพี่เลี้ยง ส่วนเรื่องที่ผมรู้จักร้านอาหารอร่อยๆ ลือชื่อหลายร้านเป็นเพราะผมตะเวนไปตามร้านอาหารขึ้นชื่อหลายร้านตามที่น้องชายบอก อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง”
“คุณธัญญ์มีน้องชายด้วยหรือคะ” เขากัดกรามเล็กน้อย สีหน้าเข้มขึ้นเมื่อได้ยินคำถามนี้
“ใช่ครับ ผมมีน้องชายต่างแม่หนึ่งคนครับ ผมรักน้องชายของผมมาก ใครทำให้น้องของผมเจ็บคนนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่า” คำตอบเข้มๆ หนักแน่นแฝงไว้ซึ่งความนัยบางอย่างไม่ได้ทำให้วชิราภรณ์เอะใจเลย นึกว่าเขาบอกเล่าให้ฟังเท่านั้น
“แล้วทำไมคุณธัญญ์ถึงได้มาบริหารงานที่นี่ล่ะคะ หรือว่าบริษัทลูกที่นี่มีปัญหา”
ใบหน้าที่เข้มอยู่ก่อนหน้าแล้วบัดนี้ใบหน้าของเขาเริ่มตึงเคียด ดวงตาเปลี่ยนสีเจิดจ้าร้อนแรง ดั่งมีกองไฟกองเล็กๆ สุมอยู่เป็นร้อยกอง มันเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ใบหน้าเขาก็ปรับเป็นปกติ ราวกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ
“บริษัทลูกไม่มีปัญหาอะไรครับ ที่ผมมาบริหารงานที่นี่เพราะมันเป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้วครับ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมไม่เคยมานั่งบริหารงานแบบเต็มตัวสักครั้ง บริหารงานผ่านกล้องวิดีโอลิ้งค์ตลอด โอกาสนี้เป็นโอกาสดีที่จะเริ่มต้น” เขากล่าวคำเท็จได้อย่างแนบเนียน ไร้พิรุธ
“อ๋อค่ะ”
“เย็นนี้ผมจะพาผึ้งไปทานอาหารเย็นอร่อยๆ อีกดีกว่านะครับ มีร้านอาหารที่หนึ่งที่ผมอยากพาผึ้งไป อย่าปฏิเสธนะครับถ้าปฏิเสธแสดงว่าผึ้งรังเกียจผม” เขาเอ่ยอย่างรู้ทาง วชิราภรณ์ที่กำลังจะเปิดปากปฏิเสธกลืนคำนั้นลงคอแทบไม่ทัน
“ก็ได้ค่ะ” เสียงตอบรับของเธอไม่เต็มเสียงนัก ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่อยากไปรับประทานอาหารเย็นกับเขา ใช่...เธออยากไป แต่ก็กลัวหัวใจตัวเองจะหลงไปกับความเป็นสุภาพบุรุษและความนุ่มนวลอ่อนหวานทั้งคำพูดและการกระทำที่ธัญญ์แสดงต่อเธอ
“ตกลงตามนี้นะครับ ผมว่าเรากลับกันดีกว่าครับ จะได้ไปเคลียร์งานให้เสร็จเร็วๆ เราจะได้ไปดินเนอร์กันสองต่อสอง ผมอยากให้ถึงตอนเย็นเร็วๆ จัง ทานข้าวกับใครไม่อร่อยเท่าทานกับผึ้งเลยครับ”
นั่น...เอาอีกแล้ว เขาเอ่ยคำหวานหูสะท้านสะเทือนใจสาวอีกแล้ว ใบหน้านวลยิ่งแดงมากขึ้น หัวใจไม่ต้องพูดถึงเต้นเร็วระรัว ระทึกโครมครามแทบจะจับจังหวะไม่ได้ ไม่รู้เป็นอย่างไร คำพูดของเขาเรียกความขวยเขิน เรียกความเต็มอิ่มให้กับเธอได้ทุกเวลา แม้ว่าวชิราภรณ์จะเคยได้ยินถ้อยคำหวานๆ ในลักษณะขายขนมจีบเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม
ใบหน้าอายม้วนของวชิราภรณ์ที่ธัญญ์มองเห็น เรียกความสะใจได้มากทีเดียว เขาเดินหน้าเร็วขนาดนี้มีหรือที่เหยื่อจะไม่หลงติดกับ ยิ่งเหยื่อไวไฟ ร่านรักอย่างเธอด้วยแล้ว คงไม่รอดมือเขาในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ธัญญ์ต้องการให้ถึงเวลานั้นเร็วๆ
ตกเย็นธัญญ์พาวชิราภรณ์ไปทานอาหารเย็นตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ ธัญญ์ทำตามแผนที่คิดไว้ทุกอย่าง ป้อนคำหวานชนิดที่เรียกว่าน้ำตาลเรียกพี่ให้เลขาสาวต่อเนื่อง ทำคะแนนรักให้เกิดขึ้นภายในหัวใจสาวให้ได้มากที่สุด เพื่อผลของความสำเร็จจะได้เห็นผลทันใจ พอดินเนอร์ใต้แสงเทียนสุดแสนโรแมนติกเสร็จ ธัญญ์ได้พาเธอมาสถานที่หนึ่งโดยที่ไม่ได้บอกกล่าววชิราภรณ์ล่วงหน้า
“คุณธัญญ์มาโรง’ บาลทำไมคะ หรือว่าคุณธัญญ์เป็นอะไร” เธอหันมาถามธัญญ์เมื่อกำพลสารถีหนุ่มขับรถยนต์เลี้ยวเข้ามาในเขตโรงพยาบาล
“ผมลืมบอกผึ้งไปเลย ผมจะเยี่ยมลูกน้องของผมน่ะครับ พอดีเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำเข้าพักรักษาตัวที่นี่ พอผมเยี่ยมลูกน้องคนนี้เสร็จจะพาผึ้งไปส่งบ้านนะครับ” เขาแกล้งทำมึน
“ไม่เป็นไรคะ ที่ผึ้งถามนึกว่าคุณธัญญ์ไม่สบายเท่านั้นเองค่ะ”
“ไหนๆ ผึ้งก็มาแล้วขึ้นไปเยี่ยมเขาเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ” ธัญญ์เอ่ยขึ้นหลังจากที่เครื่องยนต์ดับสนิทบนลานจอดรถของโรงพยาบาล
“ได้ค่ะ” วชิราภรณ์รับคำโดยไม่รู้ว่า โรงพยาบาลแห่งนี้คือโรงพยาบาลที่ณัชญ์รักษาตัวอยู่ อีกทั้งไม่ได้เฉลียวใจสักนิดเดียวเลยว่า คนที่ธัญญ์มาเยี่ยมนั้นคือ ณัชญ์ ตัณติยานนท์ เพื่อนสนิทคิดกับเธอเกินเพื่อน
“ขอบคุณมากครับ” ทั้งหมดจึงลงจากรถและก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคารของทางโรงพยาบาล ตรงดิ่งไปยังลิฟต์โดยสาร เดินทางขึ้นไปบนชั้น 15
ธัญญ์ วชิราภรณ์ กำพลและสมเกียรติเดินมาถึงห้อง 1502 ห้องพักที่ณัชญ์รักษาตัวอยู่ วชิราภรณ์เดินเข้าไปในห้องโดยไม่ได้สังเกตป้ายชื่อคนไข้ เท้าเล็กของเลขาสาวชะลอลงทันทีที่เห็นร่างของณัชญ์อดีตเพื่อนสนิทนอนนิ่งอยู่บนเตียง
วชิราภรณ์รู้มาจากรุ่งรุจีว่า ตอนนี้ณัชญ์นอนอยู่โรงพยาบาลอาการยังไม่ดีขึ้น แต่เธอไม่รู้ว่าอยู่โรงพยาบาลไหน พักห้องอะไร เป็นเพราะไม่ต้องการรับรู้เรื่องของเพื่อนคนนี้อีกแล้ว จึงบอกปัดรุ่งรุจีไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้อีก ความรู้สึกโกรธยังตรึงในหัวใจของเธอเรื่อยมา มันฝังรากลึกเกินกว่าที่จะดึงมันออกในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ธัญญ์ลอบสังเกตอากัปกิริยาของวชิราภรณ์ตั้งแต่ชะลอฝีเท้า เมื่อมองเห็นสภาพของคนป่วยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เขาต้องการรู้ว่าเธอจะมีกิริยาอย่างไรหากเห็นณัชญ์ในสภาพแบบนี้ หากเธอทำสีหน้าสลดหรือไม่ก็ทำสีหน้ารู้สึกผิด มีน้ำตาสักหยดสองหยด เขายังจะมีเหตุผลให้อภัยเธอได้ เลิกล้มความเจ้าคิดเจ้าแค้นนั้น
แต่นี่ไม่เลย...สีหน้าของเลขาสาวเชิดขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับว่าไม่สนใจภาพที่ได้เห็น ดวงตาเฉยชาราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรกับสภาพของณัชญ์ ทำให้เขาคิดไปอีกทางหนึ่งว่า วชิราภรณ์ไม่ได้มีใจให้น้องชายของเขาเลย ไม่รู้จักสำนึกว่าตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนดีๆ ต้องกลายเป็นเป็นเจ้าชายนิทรา เธอเลวเกินกว่าที่เขาจะให้อภัยได้ ธัญญ์ตัดสินใจโดยไม่ได้สืบเรื่องราวให้ลึกกว่าที่ได้มาจากอรุณวรรณ
“ผมมาเยี่ยมคุณณัชญ์ ผู้ช่วยคุณอำนวยน่ะครับ พอดีผมเพิ่งทราบเรื่องเมื่อวานนี้เอง ผึ้งรู้เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณณัชญ์หรือเปล่าครับ จากที่ผมได้ยินมาคุณณัชญ์เกิดอุบัติเหตุในคืนที่พนักงานไปสัมมนาและไปเที่ยวที่ชะอำ” เขาหยั่งเชิงถาม วชิราภรณ์นิ่งอึ้งเล็กน้อยก่อนจะเผยอปากตอบ
“ผึ้งไม่รู้ค่ะ ตอนนั้นผึ้งกลับกรุงเทพก่อน” เธอไม่ได้โป้ปด ตอบตามความจริง เวลานั้นเธอไม่ได้อยู่ชะอำ มารู้เรื่องของณัชญ์ในวันรุ่งขึ้น
“ผึ้งไม่รู้เลยหรือครับว่า คุณณัชญ์เกิดอุบัติเหตุ เป็นไปได้ยังไงครับเพราะข่าวนี้ดังไปทั่วบริษัท” เขาแสร้งถามเหมือนไม่เชื่อหู บังคับไม่ให้น้ำเสียงนั้นคาดคั้นเกินไป
“ผึ้งไม่รู้ค่ะ เพราะว่าพอมาถึงกรุงเทพ วันรุ่งขึ้นผึ้งก็ลาออกจากบริษัทเลยไม่รู้ว่าคุณณัชญ์ประสบอุบัติเหตุและเข้าพักรักษาตัวที่นี่ เพิ่งมารู้จากคุณธัญญ์นี่แหละคะ”
วชิราภรณ์พูดให้ไกลตัวเข้าไว้ ไม่อยากรื้นฟื้นความเจ็บปวดนั้นอีก คำตอบของเลขาสาวเรียกความโกรธขึ้นมาเป็นระลอก ผู้หญิงคนนี้ใจโสมมสิ้นดี ไม่มีจิตใต้สำนึกของความดีเอาเสียเลย ดีแต่ปั่นหัวผู้ชาย
“ไหนๆ ผึ้งก็มาแล้วไปเยี่ยมคุณณัชญ์ใกล้ๆ ดีกว่านะครับ” เขากล่าวชวน รอดูว่าเธอจะทำเช่นไร
“ผึ้งนั่งรอตรงนี้ดีกว่าคะ ผึ้งรู้สึกคัดจมูกสงสัยจะเป็นหวัด ไปยืนใกล้ๆ คุณณัชญ์ประเดี๋ยวคุณณัชญ์จะไม่สบายได้ค่ะ คนป่วยมักติดไข้ได้ง่ายนะคะ”
วชิราภรณ์พูดบ่ายเบี่ยงพองาม ทำเสียงฟึดฟัดในจมูกคล้ายกับว่าคัดจมูกจริงๆ ธัญญ์อยากจะฆ่าผู้หญิงตรงหน้าให้ตายคามือตรงนี้หากทำได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ผึ้งนั่งรอตรงโซฟานี่แหละ คุณณัชญ์จะได้ไม่ติดเชื้อโรคร้าย”
เขาพูดกึ่งประชด วชิราภรณ์ไม่ได้นึกเอะใจกับความหมายซ่อนเร้นนั้น เบี่ยงตัวเดินไปนั่งตรงโซฟาที่ตั้งห่างจากเตียงคนไข้เพียงสามเมตร
ธัญญ์เดินเลี่ยงไปหยุดยืนริมเตียงตนไข้ ใช้เรือนกายสูงใหญ่บังไม่ให้เลขาสาวเห็นเขาตอนที่จับมือของณัชญ์ สายตาคมเข้มของพี่ชายมองนิ่งไปยังใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำเล็กน้อยของน้องชาย ก่อนจะหันไปมองหน้าวชิราภรณ์ทางด้านหลัง ตอนนี้สายตาของเธอไม่ได้มองมายังเตียงคนไข้เลย กลับก้มมองนิตยสารที่อยู่ในมือแทน ธัญญ์หันกลับมามองหน้าณัชญ์อีกครั้ง กระชับมือของตนเองส่งผ่านความรักที่พี่ชายคนนี้มีต่อน้องชาย ก่อนจะพึมพำประโยคหนึ่งเบาๆ
“พี่สัญญาว่า พี่จะทำให้ผึ้งเจ็บเจียนตาย เจ็บให้เหมือนกับที่ณัชญ์เจ็บ พี่สัญญา”
ธัญญ์อยู่ดูอาการน้องชายสักพักหนึ่งจึงกลับ ระหว่างทางที่ไปส่งวชิราภรณ์ที่บ้าน เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ข่มแรงโทสะไว้ภายในจิตใจ แสร้งทำเป็นพูดหวาน เอาใจเธอตลอดทาง ทุกอย่างที่ทำเพื่อความสำเร็จในเวลาอันใกล้
ไล่หลังธัญญ์ออกมาจากห้องพักฟื้นได้ไม่ถึงสองนาที อรุณวรรณเลขาของณัชญ์ก็เดินเข้ามาในห้องนั้น เธอจะมาที่นี่ทุกวันหลังเลิกงาน เพื่อมาดูแลอาการป่วยของคนที่ตัวเองรัก
“คุณณัชญ์ตื่นเร็วๆ นะคะ วรรณรอคุณณัชญ์อยู่ค่ะ”
อรุณวรรณกระซิบบอกข้างๆ หูของคนป่วยที่นอนนิ่งบนเตียง น้ำตาสาวไหลพรากเมื่อมองเห็นสภาพของณัชญ์ เธอภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน ทุกคืนขอให้ดลบัลดาลให้ณัชญ์รู้สึกตัวในเร็ววัน แลกกับอายุขัยที่สั้นลงของเธอ...เธอก็ยอม อรุณวรรณทำหน้าที่พยาบาลจำเป็น บีบนวดแขนขา เช็ดตัวให้เขาดั่งเช่นทุกวันและจะทำเช่นนี้ตลอดไป ไม่หวังผลว่าหากเขาตื่นมาแล้วจะรับรักเธอหรือไม่ ทุกอย่างที่ทำให้ณัชญ์ เพียงเพราะคำว่ารักคำเดียว