แผนเป็นดังใจ 1.2

3522 คำ
เวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่ รุ่งรุจีเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องน้ำของพนักงาน เดินวนเวียนราวกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่ วันนี้เธอตัดสินใจพูดเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับคนบางคนที่เกี่ยวโยงวชิราภรณ์โดยตรง “ผึ้ง ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” รุ่งรุจีรั้งเพื่อนสาวที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำ “ได้สิ มีไรเหรอ” “ฉันอยากถามแกเรื่องคุณเอ” รุ่งรุจีเข้าประเด็น “ถามว่าอะไรล่ะ” เธอพร้อมจะตอบเรื่องนี้เสมอ “แกจะทิ้งคุณเอแล้วใช่ไหม” เพื่อนสาวถามตรงๆ “ใช่ ฉันกำลังเขี่ยคุณเอทิ้ง” “แกแน่ใจเหรอว่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ คุณเอทุกข์เรื่องแกมากเลยนะ” “แกรู้ได้ยังไง คุณเอโทรหาแกใช่ไหม” วชิราภรณ์ถามอย่างรู้ทัน กัมปนาทคงจะมาถามรุ่งรุจีว่า เธอเป็นอะไรเหตุใดจึงห่างเหินกับเขา ไม่พบเจอพูดคุยกันเหมือนก่อน “ใช่ คุณเอโทรมาหาฉันเมื่อกี้นี้เอง คุณเออยากเจอแกน่ะ แกไปหาเค้าหน่อยนะ เสียงคุณเอไม่ดีเลย” ก่อนหน้าที่เธอจะมาหาเพื่อนสนิท เธอได้รับโทรศัพท์จากกัมปนาท น้ำเสียงของเขานั้นไม่สู้ดีนัก สั่นเครืออยู่ตลอดเวลา เขาเอ่ยถามถึงวชิราภรณ์ว่า เป็นอะไรถึงได้เปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่มีสัญญาณใดๆ ให้เห็นเลย รุ่งรุจีอึกอักที่จะตอบ เธอเหมือนคนน้ำท่วมปากรู้ทุกเรื่องแต่พูดออกไปไม่ได้ หากบอกความจริงเธอก็จะกลายเป็นคนทรยศเพื่อน ไม่บอกก็เท่ากับว่ากรีดหัวใจตัวเอง ต้องมองดูคนที่ตนแอบรักเศร้าโศกเสียใจ “แกก็บอกคุณเอไปสิว่า ฉันเบื่อเค้าแล้ว บอกแค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” วชิราภรณ์พูดเหมือนไม่แคร์กัมปนาท ซึ่งก็จริงเธอไม่เคยแคร์ ไม่เคยสนใจ ไม่เคยคิดที่จะรักกัมปนาทเลย ไม่นึกถึงความดีของเขาด้วยซ้ำ สิ่งที่นึกคิดเพียงอย่างเดียวก็คือ แก้แค้นแทนมารดา “ฉันพูดก็ไม่เหมือนแกพูดนะผึ้ง ฉันว่าแกไปพูดกับคุณเอให้รู้เรื่องกันไปเลยดีกว่า เพราะถ้าหากคุณเอช้ำใจตายโดยไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง คุณเอคงนอนตายตาไม่หลับ” รุ่งรุจีเหน็บเพื่อน วชิราภรณ์มองหน้าเพื่อนสาวนิ่ง ก่อนจะขยับปากพูด “ก็ได้ ฉันจะโทรไปหาคุณเอ นัดคุณเอมาพูดเรื่องทุกอย่างให้เคลียร์ จะได้จบๆ กันไป รำคาญเหมือนกันเซ้าซี้โทรมาอยู่ได้” วชิราภรณ์ตัดสินใจจบเรื่องนี้ ไม่ให้หลงเหลือความคาราคาซัง “ก็ดี ให้เรื่องมันจบๆ กันไป ฉันก็เบื่อที่จะเป็นคนคอยส่งสารแล้ว คุยกันตัวต่อตัวนั่นแหละดีที่สุด” “แกมีเรื่องคุยกับฉันแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะได้ไปทำงานต่อ”      “ยังไม่หมด” “งั้นก็รีบๆ พูดมา” “แกเป็นแฟนกับคุณธัญญ์จริงๆ เหรอ” คำถามของเพื่อนสนิทเรียกความตกใจให้กับวชิราภรณ์ไม่น้อย จริงอยู่ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ธัญญ์หมั่นเพียรขายขนมจีบให้เธอทุกวัน วันล่ะหลายเวลา ไปรับไปส่งที่บ้านทุกวันทั้งเช้าและเย็น พาไปทานอาหารมื้อกลางวันและมือค่ำ และหัวใจของเธอก็เริ่มมีเขาเข้ามาแทรกทีละนิดจนเกือบหมดทั้งดวง ทว่าคำว่าแฟนยังคงดูห่างไกลในตอนนี้ ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์มันสั้นไปสำหรับคำๆ นั้น วชิราภรณ์ต้องการความมั่นใจกว่านี้อีกสักหน่อย “ทำไมแกถามอย่างนั้นล่ะ” “ก็ฉันได้ยินพวกแผนกบัญชีเค้าเม้าท์กันอย่างนั้นนี่ พวกเค้าเม้าท์กันว่าคุณธัญญ์ไปรับไปส่งแกที่บ้านทุกวัน พาไปกินข้าวกลางวันและมื้อค่ำด้วย การแสดงออกของคุณธัญญ์ที่มีต่อแกมันทำให้พวกเค้าคิดกันไปแบบนั้น” “ไม่ใช่หรอก ตอนนี้ยังไม่ใช่” คำพูดของวชิราภรณ์เรียกความฉงนให้เกิดกับรุ่งรุจีทันที “ตอนนี้ยังไม่ใช่ หมายความว่ายังไง” “คุณธัญญ์จีบฉันตั้งแต่วันแรกที่ฉันมาทำงานแล้ว และทำเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้” วชิราภรณ์บอกเพื่อนสนิทอย่างไม่ปิดบัง “แล้วแกรับขนมจีบจากคุณธัญญ์หรือเปล่า แกรักคุณธัญญ์หรือยัง” “รักคุณธัญญ์หรือยัง ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกที่ฉันเป็นอยู่เรียกว่าความรักหรือเปล่า ฉันรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เค้า รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ความรักของพ่อที่ฉันอยากได้ ลดเลือนไปจากหัวใจของฉันทุกวันๆ จนบางครั้งฉันลืมนึกถึงความแค้น ความริษยาที่ติดตัวฉันมาตลอด ความรู้สึกโหวงเหวงที่ติดอยู่ในใจของฉัน มันกำลังถูกเติมเต็มทีละนิดตั้งแต่คุณธัญญ์ก้าวเข้ามาในชีวิต ความนุ่มนวล อ่อนหวานทั้งคำพูดและการกระทำ ทำให้ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ฉันต้องการมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ มันอยู่ตรงนี้แล้ว อยู่ในตัวของคุณธัญญ์ ฉันรู้จักเค้าแค่เดือนเดียวเองนะ แกไม่คิดหรือว่ามันเร็วเกินไปสำหรับคำว่าแฟน” วชิราภรณ์พูดตามความรู้สึกของตัวเอง มีเพียงรุ่งรุจีเท่านั้นที่เธอกล้าพูดความรู้สึกที่เกิดขึ้นตรงๆ ให้ฟัง รุ่งรุจีขับมือเพื่อนสนิท กระชับเบาๆ เอ่ยวาจาให้เพื่อนสาวรับฟัง “ผึ้ง แกฟังฉันนะ ฉันไม่รู้หรอกว่าเวลาหนึ่งเดือนมันเร็วเกินไปสำหรับความรักและคำว่าแฟนหรือเปล่า แต่ฉันเชื่อมั่นในคำๆ หนึ่ง คำว่ารักแรกพบ ความรักไม่เลือกเวลา ไม่เลือกสถานที่ ไม่เลือกอายุ ไม่เลือกอะไรทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับใจที่พันผูกของคนสองคน แกถามฉัน ฉันก็ตอบไม่ได้หรอก แกต้องถามตัวแกเอง ถามตัวเองว่ารักคุณธัญญ์หรือเปล่า ถ้าแกอยู่ใกล้คุณธัญญ์แล้วแกมีความสุข รู้สึกว่าช่องว่างที่อยู่ในใจถูกเติมเต็ม แกก็น่าจะเปิดใจยอมรับคุณธัญญ์นะ ใช้ความรักที่คุณธัญญ์มีให้แกเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไป ความแค้นที่ติดอยู่ในใจของแกจะได้หมดไปซักที ฉันอยากเห็นแกมีความสุขมากกว่าเห็นความทุกข์และน้ำตาของแกนะผึ้ง” รุ่งรุจีวิเคราะห์จากคำพูดของวชิราภรณ์แล้วคิดว่า เพื่อนสาวของเธอนั้นรักธัญญ์เข้าให้แล้ว เพียงแต่ว่ากลัวที่จะรับรักเพราะระยะเวลาที่รู้จักนั้นสั้นเกินไป ทว่ารุ่งรุจีกลับคิดว่า กามเทพมักแผงศรโดยที่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัวเสมอ รักแรกพบที่คนบางคนคิดว่าไม่มี เธอก็ได้พบเจอ รุ่งรุจีจึงศรัทธาในคำๆ นี้ เนื่องจากประสบด้วยตัวเอง เธอรักกัมปนาทตั้งแต่แรกเห็น รักอย่างไม่เงื่อนไข รักอย่างไร้การตอบรักกลับมา แต่ก็เลือกที่จะรักอยู่เงียบๆ คนเดียวในหัวใจ “แกคิดอย่างนั้นเหรอจี” “ลองดูไปอีกสักระยะก็ได้ คำตอบมันอยู่ไม่ไกลหรอก เพราะมันอยู่ในหัวใจของแก ฉันคิดว่าแกคงได้รับคำตอบเร็วๆ นี้แน่นอน” “ขอบใจนะสำหรับคำปรึกษาทุกข้อ ขอบใจที่แกยังเป็นเพื่อนที่ดีของฉันตลอดมาแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่นิสัยเสียมากๆ ก็ตาม” วชิราภรณ์ใช้มืออีกข้างซ้อนทับมือของเพื่อนสนิท แล้วออกแรงบีบเบาๆ “แกไม่ใช่คนนิสัยเสียหรอกผึ้ง แกเป็นคนดี รักเพื่อน รักแม่ แต่ที่แกเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้เพราะแกโหยหาความรักจากพ่อต่างหาก ฉันเชื่อว่าถ้าหัวใจของแกถูกเติมเต็มด้วยความรักของใครซักคนซึ่งอาจจะเป็นคุณธัญญ์ แกก็จะไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้นอีกเลย” รุ่งรุจีเข้าใจอุปนิสัยและความรู้สึกของวชิราภรณ์ดี อาจเป็นเพราะเธอได้รับรู้ความทุกข์ ความเศร้าหมองในจิตใจของเพื่อนมานานหลายปี เป็นไปอย่างที่เธอเคยอ่านเจอในหนังสือ หากวชิราภรณ์ได้พบเจอใครสักคนที่รักและเต็มสิ่งที่ขาดหายไป เพื่อนของเธอก็จะพบพานกับความสุข ตรงกันข้ามหากความรักครั้งนี้ผิดหวัง ผลของมันก็จะเลวร้ายกว่าที่เธอคาดคิด นั่นเองที่รุ่งรุจีไม่ต้องการให้เพื่อนผู้น่าสงสารพบเจอ วชิราภรณ์อ่อนแอเกินไปที่จะรับความผิดหวัง “ขอบใจมากนะเพื่อนรัก ขอบใจมาก” วชิราภรณ์สวมกอดเพื่อนสาวด้วยความซาบซึ้งใจ ตอนนี้เธอมีเพียงมารดาและรุ่งรุจีเท่านั้นที่รักและเข้าใจเธอมากที่สุด และอาจจะมีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง คนคนนั้นก็คือ ธัญญ์   19.00 น. ณ ผับออสติน ธัญญ์เดินเข้ามาในผับหรูที่ตั้งอยู่ในโรงแรมชื่อดังกลางกรุงพร้อมกับสาวสวยคนเดิมเจ้าของมือปลาหมึกที่เกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อย สีหน้าของธัญญ์นิ่งไร้ความรู้สึก ต่างกับอัชฌาที่เดินฉีกยิ้มมาตลอดทาง “ธัญญ์ขา วันนี้แองจี้เหงาจังเลย ให้แองจี้ไปนอนกับธัญญ์ที่คอนโดนะคะ” อัชฌาสาวสวยลูกสาวเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทั้งสองทรุดกายลงนั่งบนโซฟานวมหุ้มหนังเนื้อดี โซนริมสุดของผับ อกอวบแนบชิดกับท่อนแขนกำยำให้ท่าเต็มที่ “อย่าเลย ห้องผมมันรก” เขาบอกปัดเสียงห้วน “ห้องรกแต่เตียงนอนไม่รกไม่ใช่เหรอคะ นะคะธัญญ์ขา ให้แองจี้ไปนอนที่ห้องของธัญญ์นะคะ” เธอยังตื้อไม่เลิก “เตียงผมก็รก” อัชฌาหน้าง้ำ รู้ได้ในน้ำเสียงและสีหน้าของเขาว่า ไม่ต้องการใกล้ชิดเธอเหมือนครั้งก่อน แต่คน อย่างอัชฌาไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ยิ่งชายหนุ่มถูกใจอย่างธัญญ์ด้วยแล้ว สู้ไม่ถอย             “เตียงรกไม่ใช่ปัญหาค่ะ เดี๋ยวแองจี้จัดการเอง รับรองมันจะสบายมากหากเราสองคนนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน” อารมณ์รำคาญของธัญญ์ตอนนี้เริ่มกระพือขึ้นในใจ ตอกกลับสาวสวยจนอีกฝ่ายผงะ             “อย่าเซ้าซี้มากได้ไหมถ้าหากแองจี้อยากให้ผมนั่งอยู่ตรงนี้” ได้ผล อัชฌาเงียบเสียงออดอ้อนทันควันแต่ยังนั่งแนบชิดกับร่างหนาเหมือนเดิม ธัญญ์ปล่อยอารมณ์หงุดหงิดให้จางหายไปด้วยเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ในมือถือแก้วบรั่นดีรสเลิศ ระหว่างที่เขากำลังยกแล้วขึ้นจิบนั้น สายตาคมเข้มมองเห็นสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามาในระยะสายตา เธอคนนั้นเดินไปยังโต๊ะตรงมุมด้านซ้ายมือที่มีชายหน้าตาคุ้นๆ นั่งรออยู่ก่อนหน้า ผู้หญิงคนนั้นคือ วชิราภรณ์             วชิราภรณ์เดินมายังโต๊ะที่กัมปนาทนั่งอยู่ เธอเดินทางมาที่นี่ทันทีหลังจากที่เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อย ดีที่ว่าวันนี้ธัญญ์ออกไปจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงาน เนื่องจากต้องไปรับเพื่อนที่สนามบิน เธอจึงไม่ต้องหาข้ออ้างที่จะไม่ให้เขาไปส่งที่บ้านดั่งเช่นทุกเย็น กัมปนาทยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อเห็นผู้หญิงอันเป็นที่รักมาตามนัดหมาย             “คุณผึ้ง ผมนึกว่าคุณผึ้งจะไม่มาซะแล้ว” กัมปนาทกล่าวด้วยความดีใจ             “ก็ผึ้งนัดคุณเอเองนี่คะ ยังไงก็ต้องมาค่ะ” พูดจบวชิราภรณ์ก็ทรุดกายลงนั่งบนโซฟา กัมปนาทรีบขยับตัวเข้ามาใกล้หญิงสาว กุมมือเล็กด้วยมือของตน             “ผมดีใจมากๆ เลยครับที่ได้เจอคุณผึ้ง รู้หรือเปล่าครับว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมคิดถึงคุณผึ้งมากแค่ไหน นอนหลับก็ฝันเห็นแต่หน้าคุณผึ้ง เวลาทำงานจิตใจก็นึกถึงแต่คุณผึ้ง ถึงแม้ว่าผมจะได้ยินเสียงคุณผึ้งแต่มันก็ไม่พอเท่าได้เห็นหน้า ได้คุยต่อหน้าครับ”             กัมปนาทกล่าวจากหัวใจ ตั้งแต่เขาพบกับวชิราภรณ์ครั้งล่าสุดตอนที่เขาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ นับตั้งแต่วันนั้นเขาไม่เคยได้พบเจอหน้าผู้หญิงที่เขารักอีกเลย นัดทานอาหารกลางวันในวันนั้นก็ถูกยกเลิก รวมทั้งการไปรับไปส่งวชิราภรณ์ไปทำงานก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน เขาถามถึงเหตุผลที่เธอทำเช่นนี้ ทว่าวชิราภรณ์กลับตอบมาว่า เมื่อถึงเวลาเธอจะเป็นคนบอกเขาเองว่าทำไม ช่วงนี้ให้ห่างๆ กันไว้ก่อน และถ้าหากเขาไม่ทำตาม เธอจะไม่พูด ไม่คุย ไม่ให้เขาพบหน้าอีกเลย กัมปนาทจึงทำตามด้วยหัวใจที่ปวดร้าวและค้างคาใจ             วชิราภรณ์ถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินประโยคที่แสดงความดีใจของกัมปนาท เธอยอมรับว่าหัวใจกระตุกวูบและความรู้สึกผิดขยับขึ้นมาชิดตรงหัวใจ ความดี ความเอาใจใส่ ความรักของชายตรงหน้าที่มีต่อเธอนั้นยังคงติดค้างอยู่ในความทรงจำ ทว่าความรักฉันท์ชู้สาวไม่เคยเกิดขึ้นในหัวใจดวงนี้เลย เหตุเพราะอะไรเธอเองก็ตอบไม่ได้ หรืออาจเป็นเพราะกัมปนาทเป็นเครือญาติของวรางค์คนางค์ บุคคลที่เธอเกลียดและแค้นมากที่สุด วชิราภรณ์ขจัดความรู้สึกผิดนั้นทิ้งไป วันนี้เธอนัดเขามาเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด             “ที่ผึ้งนัดคุณเอมาในวันนี้เพื่อบอกเหตุผลที่เราสองคนห่างกัน” เธอเริ่มเข้าประเด็น มองหน้าชายหนุ่มที่นั่งฉีกยิ้ม กุมมือเธอไม่ปล่อย ก่อนจะตัดสินใจพูด             “ผึ้งไม่ได้รักคุณเอค่ะ ต่อไปนี้เราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ” คำพูดที่ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไปที่กัมปนาทได้ยิน มันเหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางหัวใจ กระหน่ำมาพร้อมกับพายุหนามทิ่มแทงซ้ำซ้อน ดวงตาตระหนกจ้องมองดวงหน้าหวานตรงหน้านิ่ง เขาหูฟาดไปแน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ ความคิดถึง ความรัก ความโหยหาที่อัดอยู่ในจิตใจ เป็นชนวนให้ประสาทการได้ยินมีปัญหา ความหมายที่ได้ยินจึงพลิกไป “คุณ...คุณผึ้งพูดว่ายังไงนะครับ” เขาถามย้ำ น้ำเสียงเบาคล้ายกับคนละเมอ “ผึ้งบอกว่า ผึ้งไม่ได้รักคุณเอค่ะ เราเลิกติดต่อกันนับตั้งแต่วันนี้นะคะ ขอบคุณสำหรับความรัก ความดี ความเอาใจใส่ทั้งหมดที่คุณเอมีต่อผึ้ง” ความเจ็บปวดระลอกแรกที่คิดว่าเขาหูฟาด พัดพาสาดซัดสู่หัวใจอีกระลอก คราวนี้เขาไม่ได้หูฟาดเหมือนกับที่คิดไว้ ทุกคำพูดย้ำชัดมีความหมายไม่ต่างกัน แน่นอนความทุกข์ระทมและปวดร้าวโบกทับในหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความดี ความจริงใจ ราวกับว่าเขากำลังสูดความเสียใจเข้าไปทางโพรงจมูก การณ์นี้หนามเล็กๆ ที่ลอยมากับคำพูดของวชิราภรณ์ได้แทรกซึมเข้ามาด้วย หัวใจที่กำลังเต้นรัวเร็วอยู่จึงถูกผลพวงของหนามแหลมคนทิ่มตำจนเจ็บช้ำ ร้าวลึกถึงทรวงใน “ทำไมครับ ผมไม่ดีตรงไหน คุณผึ้งถึงไม่รักผม” คำถามง่ายๆ ของคนที่ไม่ได้รับรักนั้นตอบกลับมาถูกระบายถามออกไป วชิราภรณ์มองเห็นความเศร้าบนใบหน้าคมคายของกัมปนาทแล้ว เธอมีทั้งความสะใจและความสงสารเท่าเทียม เขาไม่เหมือนชายคนอื่นๆ ที่ใช่เป็นเครื่องมือล้างแค้น กัมปนาทเป็นคนดีมากคนหนึ่ง มากกว่าผู้ชายหลายคนที่เธอรู้จัก “ไม่ใช่ว่าคุณเอเป็นคนไม่ดีนะคะ คุณเอเป็นคนดี...ดีมากด้วยค่ะ ดีเกินไปซะด้วยซ้ำ แต่ความดี ความเอาใจใส่ ความรักที่คุณเอมีต่อผึ้งไม่ได้ทำให้ผึ้งรักคุณเอเลย ความรู้สึกของผึ้งที่มีต่อคุณเอมีเพียงความเป็นเพื่อน ความเป็นพี่เป็นน้องเท่านั้น แต่หลังจากวันนี้ผึ้งจะตัดความเป็นเพื่อน และพี่น้องออกไปให้หมด เราสองคนนับแต่บัดนี้เสมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกัน จะไม่ทักเมื่อเจอหน้า หวังว่าคุณเอคงจะเข้าใจกับคำพูดที่ผึ้งพูดมานะคะ” วชิราภรณ์ค่อยๆ ดึงมือออกจากมือใหญ่ ขยับกายออกห่างร่างหนาที่อึ้งนิ่งงันเป็นหุ่น นัยน์ตาคมเข้มสั่นระริก ทอดสายตามองเธอด้วยความเสียใจยากสุดประมาณ ตอนนี้หัวใจของเขากำลังมอดไหม้ด้วยเปลวเพลิงของความทุกข์โศก มันกำลังเกรียมไหม้เป็นเถ้าถ่าน ถ้อยคำของเธอประโยคนี้มันพลิ้วไหวดั่งสายลมที่ดูนิ่งไร้คลื่นลม...ทว่าสายลมนั้นมาพร้อมกับลมโหมกรรโชกแรง หอบพัดเงาของคมมีด คมดาบที่มองไม่เห็นประดังเข้ามาในร่างกาย ผิวเนื้อไม่ระคายทว่าหัวใจร้าวลึกระบมเจ็บ จนเขาทานทนแทบไม่ได้ สิ่งที่เธอพูดมานั้นหมายความสั้นๆ ว่า...เขาดีเกินไป “ทำไมคุณผึ้งเพิ่งมาบอกผมครับ รู้หรือเปล่าว่าผมรักคุณผึ้งมากแค่ไหน อีกอย่างเราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือครับ” น้ำเสียงของชายอกสามศอกเริ่มสั่น ความเสียใจกำลังทำให้ชายหนุ่มแสนดีหลั่งน้ำตา “ผึ้งรู้ค่ะว่าคุณเอรักผึ้ง แต่ความรักมันบังคับกันไม่ได้นะคะ แล้วที่คุณเอถามผึ้งว่าทำไมเพิ่งมาบอก เพราะผึ้งเองก็เพิ่งรู้ว่ารู้สึกยังไงกับคุณเอ ตอนที่เราห่างกันหนึ่งเดือนยังไงล่ะคะ และนี่แหละค่ะคือสาเหตุที่ผึ้งเลิกติดต่อกับคุณเอในช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วที่ถามว่าเราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือ ผึ้งยังไม่เคยพูดซักคำเลยนะคะว่าคุณเอเป็นแฟนผึ้ง คุณเอทึกทักเองคนเดียวต่างหาก ผึ้งตอบคำถามทุกคำถามและพูดในสิ่งที่อยากจะพูดชัดเจนแล้วนะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผึ้งขอตัวนะคะ” ยังไม่ทันทีผู้พูดจะลุกขึ้นยืนดั่งใจคิด ลำแขนแข็งแรงของกัมปนาทก็คว้ากอดร่างสาวเอาไว้เสียก่อน เธอรู้สึกตกใจกับการกระทำของเขามาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยล่วงเกินเธอมากกว่าจับมือเลยสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก “คุณผึ้งอย่าไปครับ ผมรักคุณผึ้ง รักมากที่สุด ถ้าผมดีเกินไปจนคุณผึ้งรับไม่ได้ ผมก็จะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนไม่ดี เพื่อคุณผึ้ง คุณผึ้งจะได้รักผม คุณผึ้งอย่าไปนะครับ” ใช่...หากเขาดีเกินไป ต่อไปนี้เขาก็จะทำตัวไม่ดีเพื่อให้เธอหันกลับมารักเขาให้ได้ “คุณเอ คุณปล่อยผึ้งเดี๋ยวนี้นะคะ ถ้าคุณไม่ปล่อยผึ้งจะถือว่าคุณไม่ได้รักผึ้งจริง” น้ำเสียงของเธอเดือดดาล สะบัดร่างกายและพยายามเกาะลำแขนของเขาออก แต่เธอไม่ต้องออกแรงมาก เมื่อลำแขนหนาคลายตัวออกจากร่างอิ่ม มองเธอด้วยสายตาหลากหลายที่อัดกระพืออยู่ภายในหัวใจ “ผมขอโทษครับ ผมรักคุณผึ้งมาก คุณผึ้งให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับ ลองเปิดใจรับผมสักนิดนะครับ” วชิราภรณ์ลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้รับอิสระ มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจไม่คิดว่ากัมปนาทจะกล้ากอดเธอ “คุณเอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือว่าความเลว ถึงทำยังไงหัวใจของผึ้งก็ยังเหมือนเดิม อย่าพยายามต่อไปเลยนะคะ หัวใจของผึ้งไม่มีวันเปิดใจรับคุณเอ ลาก่อนนะคะแฟนผึ้งรออยู่” “แฟน” กัมปนาทเอ่ยคำนี้ออกมาหลังจากที่เธอพูดจบ น้ำเสียงที่ถูกขับออกมานั้นมีทั้งความตกใจ ไม่คาดคิด “ใช่ค่ะ แฟน ผึ้งมีแฟนแล้ว และนี่แหละคะคือสาเหตุที่ผึ้งนัดคุณเอมาพูดกันให้รู้เรื่อง เพราะผึ้งไม่ต้องการให้แฟนของผึ้งเข้าใจผิด เลิกยุ่ง เลิกโทรมาหาผึ้งได้แล้วนะคะ ขอตัวอีกครั้งนะคะ” วชิราภรณ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ เชิดหน้าหมุนตัวเดินห่างโต๊ะที่กัมปนาทนั่งอยู่ เธอเดินไปหาชายคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ไม่ไกลจากโต๊ะ ก่อนที่ชายคนนั้นจะโอบเอวเล็กของวชิราภรณ์ แล้วจะพากันเดินออกไปจากผับสุดหรู น้ำตาของกัมปนาทหยุดไหลลงมาจากขอบตา กลิ้งลงสู่ผิวแก้มที่รู้สึกชาดิก ภาพที่เขาเห็นย้ำชัดถึงความจริง...ความจริงที่ว่ารักครั้งแรกของเขาได้เดินหายไกลจนสุดมือเอื้อม ความเจ็บร้าวตรงหัวใจทวีเพิ่มหลายร้อยหลายพันเท่า บาดลึกเสมือนถูกคมมีดที่ทื่อเชือดเฉือนให้เกิดความเจ็บปวดทุรนทุราย 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม