ตอนที่ 5
หลังจากกันตธีร์และปวินขึ้นรถเมล์ไปมาได้สักระยะ ปวินก็รีบเตือนเพื่อนของเขาอีกครั้ง
“แกจะไปวางมาดกับเธอแบบนั้นไม่ได้นะ นั่นน่ะ..คือคุณบัวบุษยา ลูกสาวท่านประธานเชียวนะโว้ย!”
“เอ่อ รู้แล้ว ก็ฉันลืมตัวนี่น่า”
“ว่าแต่...ลูกสาวท่านประธานนี่ก็สวยเหมือนกันนะ”
“ก็แหง่..ละสิ เธอได้แม่มาเยอะ แม่เธอเป็นถึงอดีตนางงามมิสไทยแลนด์เวิลด์”
เมื่อถึงห้องพัก สองหนุ่มที่แวะซื้ออาหารเย็นเข้ามาทาน ก็รีบจัดแจงหาจานกับชามแกะอาหารใส่พร้อมทั้งน้ำดื่ม นั่งทานข้าวด้วยกันไปได้สักพัก ปวินก็ถามกันตธีร์
“ว่าแต่..คืนนี้แกจะไม่ไปเที่ยวกับพวกฉันจริง ๆ เหรอวะ”
“ตอนแรกก็ว่าจะไม่ไปนั่นแหละ แต่ตอนนี้เริ่มเซ็งแล้ว ไปก็ได้”
“เอ่อ!!! มันต้องงี้สิวะ” ปวินพูดขึ้น หลังจากทานข้าวเสร็จจึงไปบอกศุภกรกับสุเจนว่า เขาชวนกันตธีร์ไปได้แล้ว
"ดีเลยเพื่อน ถ้ามีไอกันต์สักคนละก็ คงจะกวักสาว ๆ ให้มาที่โต๊ะเราได้เยอะเลย" สุเจนพูดขึ้น เพราะต้องการอาศัยความหล่อของกันตธีร์เป็นตัวช่วยเรียกให้สาว ๆ มานั่งที่โต๊ะได้อย่างไม่ยากเย็น
ในค่ำคืนหนึ่งของย่านที่เต็มไปด้วยแหล่งรวมธุรกิจผับบาร์ในซอยทองหล่อ หนุ่มสาวหน้าตาดีหลายคนก็พากันมาสถานบันเทิงแห่งนี้
กันตธีร์ปวินและศุภกรณ์เดินเข้ามาพร้อมกันส่วนสุเจนแวะจีบสาวคนหนึ่งก่อนเดินตามเพื่อนเข้ามาทีหลัง ชายหนุ่มทั้งสามคนเดินมานั่งที่โต๊ะประจำซึ่งมีทำเลทอง เพราะมองสาว ๆ ที่เต้นอยู่บนฟลอร์ได้อย่างถนัด แม้แต่สาวสวยที่เดินเข้ามาโต๊ะของพวกเขาก็จะเห็นก่อนเสมอ
“ไหนขอเสียงคนโสดที่ชอบดื่ม ชอบเที่ยว ออกมาเปรี้ยวได้ทั้งคืน หน่อยเร๊ว!!!" เสีียงดีเจพูดขึ้นก่อนจะเปิดเพลงที่มีจังหวะเร้าใจ
“กันต์ สเปคผู้หญิงที่แกชอบต้องประมาณไหนวะ” ปวินถามขึ้น หลังจากที่เห็นสาว ๆ หลายคนเดินเข้ามาแอ้วกันตธีร์ บางคนขอไลน์บ้าง ขอเบอร์โทรศัพท์บ้าง ทั้งสามได้แต่มองหน้ากันแล้วปวินก็คิดในใจดูเหมือนเพื่อนของเขาจะไม่สนใจใครเลย ไม่แม้แต่จะเชิญให้สาว ๆ ที่เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ เป็นแบบนี้พวกเขาก็แย่น่ะสิ!
“ฉันเหรอ..ไม่มีสเปคตายตัวหรอก” กันตธีร์ตอบเพื่อน
“งั้นเอาอย่างนี้ เวลาที่แกเห็นผู้หญิงเดินเข้ามา แกจะมองอะไรเค้าก่อนวะ” ศุภกรณ์ถามขึ้นบ้าง
“มองหน้าสิ ถ้าหน้าผ่านก็มองหุ่น” กันตธีร์ตอบเพื่อน
“แล้วถ้าหุ่นผ่านล่ะ” ปวินถามอีก สุเจนที่ตามมาทีหลังยังเป็นผู้ฟังที่ดี
“หุ่นผ่านก็ลงตัวน่ะสิ เบอร์โทรไม่ต้อง เอากุญแจห้องไปเลย”
“งั้นแสดงว่าที่สาว ๆ หลายคนตระเวนเข้ามาขายขนมจีบให้แก ยังไม่มีคนไหนผ่านเลยละสิ” สุเจนที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถามขึ้นบ้าง