พี่อยากให้น้องมีความสุข

1741 คำ
แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านเข้ามายังด้านในห้องนอนตกกระทบกับร่างสองร่างที่นอนกอดกันอยู่บนเตียง เจ้าของร่างสูงใหญ่ก่ายกอดร่างบางไว้แนบอก ส่วนร่างบางก็ใช้แผงอกแกร่งซุกซบหาไออุ่น เจ้าของร่างบางเริ่มรู้สึกตัวตื่น แสงแดดที่ลอดเข้ามาแยงตาทำให้คนที่เพิ่งเปิดเปลือกตาหยีตาเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ตื่นเต็มตา สิ่งแรกที่เธอเห็นคือแผงอกแกร่งของพี่ชาย พลันภาพเหตุการณ์เมื่อคืนสะท้อนเข้ามาในหัว ความรู้สึกสุขล้นจากสิ่งที่พี่ชายทำให้ยังสุขล้นไม่จางหายแม้ว่าเขายังไม่ได้ใช้วิธีการเต็มขั้นก็ตาม แต่แล้วความกระดากอายก็เข้ามาแทนที่ รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ถูกต้องเพราะเขาเป็นพี่ชายของเธอ ความรู้สึกผิดที่ก่อเกิดขึ้นในใจมันกดดันรมิดาจนแทบทนไม่ได้ ด้วยวัยวุฒิและความเดียงสาของเธอนั้นเกินกว่าจะรับเรื่องพวกนี้ได้ ดังนั้นน้ำตาจึงหลั่งออกมาตามความกดดันที่ได้รับ รมิดาสะอื้นเบา ๆ เธอสับสนไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไรที่เธอกับพี่ชายทำเรื่องไม่สมควร แล้วถ้าพ่อแม่รู้จะทำอย่างไร เสียงสะอื้นเล็ก ๆ ปลุกให้พี่ชายตื่นขึ้น วินธนัยเห็นท่าทางของน้องสาวก็เข้าใจจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น รมิดาสะดุ้งเล็กน้อย “พี่วิน” เธอเรียกชื่อพี่ชายเสียงแผ่ว “น้องพี่เป็นอะไรไปนะ” น้ำเสียงอบอุ่นของพี่ชายเอ่ยถาม “เปล่าค่ะ” น้องสาวปฏิเสธแล้วพยายามปาดน้ำตาออก “แล้วร้องไห้ทำไมฮึ” เขาถาม ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเธอกำลังปาดน้ำตา “ไม่ได้ร้องค่ะ” เธอก็ยังปฏิเสธ แต่เสียงสะอื้นกับอาการจมูกแดงหูแดงอย่างนี้ใครจะไปเชื่อ วินธนัยไม่ว่าอะไร เขาทำเพียงแค่เลื่อนมือออกไปเกลี่ยน้ำตาที่คลออยู่ตรงหัวตาของน้องสาว “พี่วิน” รมิดาได้แต่เรียกชื่อพี่ชาย ตอนนี้ในหัวมันสับสนไปหมดจนเธอคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ “เสียใจกับเรื่องเมื่อคืนหรือไง” พี่ชายถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว “ค่ะ” น้องสาวยอมรับ แต่พอนึกได้ว่าพี่ชายอาจจะคิดว่าตนรังเกียจจึงรีบแก้ “คือ...หมิงไม่ได้รังเกียจพี่วิน แต่... เราเป็นพี่น้องกัน” พอได้ระบายความในใจก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง “พี่เข้าใจครับ แล้วก็ดีใจที่น้องหมิงไม่ได้รังเกียจพี่” พี่ชายบอกแล้วหยุดแค่นั้น ความเงียบจึงก่อตัวขึ้นอีกครั้งทำให้คนเป็นน้องเพิ่งสังเกตถึงความใกล้ชิดของเธอกับพี่ชายที่ใกล้กันมากขนาดนี้ หัวใจเริ่มทำงานหนักหน่วงขึ้น ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ถ้าเงยหน้าขึ้นไปก็หนีไม่พ้นต้องสบตากับเขาซึ่งเธอไม่กล้าพอ รมิดาหลุบตาต่ำในระดับอกเขา ยังดีที่เขาสวมเสื้อยืดทับไว้ แต่เธอก็ไม่กล้าขยับร่างกาย ถ้าเธอขยับนิดหน่อยจะเป็นว่าใบหน้าเธอต้องซบลงกับอกแกร่งของพี่ชายเป็นแน่ พี่ชายสังเกตว่าร่างของน้องสาวเกร็งขึ้น แล้วเขายังได้ยินเสียงหัวใจเธออีกด้วยว่ากำลังเต้นแรงมากแค่ไหน ทำให้เขาคิดเลิกแกล้งกดดันเธอ “แล้วน้องหมิงมีความสุขมั้ยครับ” พี่ชายเอ่ยถามทำลายความเงียบ “ค่ะ แต่ว่า...” น้องสาวยอมรับ แต่ยังพูดไม่ทันจบพี่ชายก็ขัดเสียก่อน “พี่อยากให้น้องมีความสุข ถ้าสิ่งที่พี่ทำทำให้น้องมีความสุข น้องก็ตัดเรื่องอื่นไปเสียไม่ต้องไปคิดถึงมัน ความรู้สึกผิดของน้องพี่ขอรับไว้คนเดียว น้องแค่มีความสุขกับสิ่งที่พี่ทำให้ก็พอแล้ว” “แต่ว่า...” “นะครับ เชื่อพี่” แล้วพี่ชายก็ก้มลงไปปิดปากน้องสาวด้วยปากของตัวเองทันทีเป็นการป้องกันการโต้แย้งใด ๆ อีก เขาขบเม้มเบา ๆ แล้วผละออก “พี่วิน” ตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้ว่ารมิดาเรียกพี่ชายเธอไปแล้วกี่ครั้ง “พี่ขอมอบความสุขให้น้องหมิงอีกครั้งนะครับ” แล้ววิธนัยก็ประกบปากลงไปอีกครั้งดูดเม้มหยอกเย้าและล่อลวงให้น้องสาวเปิดปากรับและจูบตอบเขา สติของรมิดากระเจิงไปหมดแล้วกับความอบอุ่นแฝงความเร่าร้อนที่พี่ชายถ่ายทอดให้ คราแรกเธอจูบตอบอย่างเก้กัง แต่คนเป็นพี่ก็อดทนค่อย ๆ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้น้องสาวได้เรียนรู้ไปทีละขั้นจนกระทั่งน้องสาวจูบตอบเขามาได้เร่าร้อนดุจเดียวกัน รมิดาเริ่มนำลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากของพี่ชายบ้าง ยามที่พี่ชายเธอหยอกเย้ามา เธอก็แลกเกี่ยวกระหวัดลิ้นกลับไปไม่น้อยหน้ากัน อารมณ์พิศวาสทวีขึ้นเรื่อย ๆ รมิดาอึดอัดจนอยากหาทางระบายความเครียดเขม็งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในร่างกายของเธอซึ่งไม่ต่างจากคนเป็นพี่ ฝ่ามือใหญ่เริ่มสำรวจปัดป่ายไปทั่วร่างบางแล้วหยุดที่อกอวบ เขาทั้งบีบทั้งขยำ มันช่างนุ่มหยุ่นและพอดีกับมือเขา พี่ชายละจากปากจูบไซ้ลงมาเรื่อย ๆ ตามซอกคอซ้ายขวาจนถึงสองเต้างาม ความซ่านสยิวแผ่กำจายในยามที่เม็ดทับทิมข้างหนึ่งถูกครอบครองด้วยปากกับอีกข้างถูกบดขยี้ด้วยปลายนิ้ว “อ๊ะ อา...” ยิ่งได้ยินเสียงครางหวานเขายิ่งเพิ่มแรงขึ้นไปอีก แม้พี่ชายกำลังสาละวนอยู่กับเต้างาม แต่ความรู้สึกของรมิดากลับโถมทับอยู่ที่ใจกลางความเป็นหญิง เธอรู้สึกร้อนรุ่มเฉอะแฉะเหมือนต้องการอะไรบางอย่างมาเติมเต็ม วินธนัยจัดการถอดชุดนอนของน้องสาวออก เรือนร่างงามขาวผ่องเปล่าเปลือยปรากฏแก่สายตาเนื่องจากปราการน้อยชิ้นล่างถูกเขาถอดออกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พี่ชายย้ายจากสองเต้างามลงมาที่โนนเนื้อสาวโหนกนูน เขาจูบแผ่วเบาก่อนที่จะละเลงลิ้นไปตามกลีบกุหลาบงาม “อ้า...” รมิดาครางหนักขึ้นด้วยความเสียวซ่านทรมาน ผู้เป็นน้องยกสะโพกแอ่นร่างกายให้พี่ชายสัมผัสตัวตนได้มากขึ้นหวังให้เขาช่วยคลายความทรมานนี้ “พี่วิน ช่วยหมิงด้วย” เธอร้องขอเมื่อรู้สึกว่าทนไม่ได้อีกต่อไป แต่คนเป็นพี่กลับใจร้ายไม่ยอมให้อะไรตามที่เธอขอ แต่กลับทรมานน้องสาวเพิ่มด้วยการตวัดลิ้นแรงขึ้นและลึกขึ้น รมิดาตัวบิดเร่าไปมา ความเครียดเขม็งก่อตัวจนหน้าท้องเธอเกร็งไปหมดแล้ว เรียวลิ้นร้ายของพี่ชายแยงเข้าออกเลียนแบบวิธีการร่วมรัก รมิดาต้องส่ายสะโพกตามเพื่อรับกับจังหวะเพราะมันช่วยคลายความทรมานให้เธอได้บ้าง เมื่อเห็นว่าน้องสาวทุรนทุรายถึงขีดสุดแล้วพี่ชายก็ใช้นิ้วมือบดขยี้ลงบนเกสรดอกไม้พร้อมกับตวัดลิ้นรัวเร็วยิ่งกว่าเดิม เสียงครวญครางของน้องสาวดังกว่าเก่า เขารู้สึกถึงปลายเล็บที่จิกลงมาบนไหล่เขา และกุหลาบงามก็หลั่งน้ำหวานออกมาเสียชุ่มฉ่ำ จนในที่สุดร่างน้อยกระตุกเกร็งพร้อมกับน้ำหวานที่ล้นทะลักออกมาจนอาบกลีบดอกไม้ให้เปียกชุ่มไปทั่วทั้งดอก พี่ชายไม่รีรอรับรางวัลของเขา เขาจัดการดื่มกินจนเกลี้ยงเกลา ส่วนรมิดาหลังจากที่ปลดปล่อยเสียงครางลั่นยาวครั้งสุดท้าย ก็รู้สึกตัวเบาสบายและแทบหมดแรงทั้งที่ไม่ทำอะไรเลย เธอต้องทิ้งตัวลงบนเตียง นอนหอบหายใจฟังเสียงชีพจรที่เต้นตุบ ๆ อยู่ในอก สักพักพี่ชายก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้างกันในท่าตะแคงข้างแล้วเอามือหนุนศีรษะไว้ อีกเช่นเคยเขาสร้างความสุขให้น้องสาวแต่เป็นเขาเองที่รวดร้าวแทบปริแตกอีกครั้ง มันเกิดขึ้นอีกแล้ว...รมิดาคิดหลังจากที่ชีพจรกลับมาเต้นตามจังหวะปกติแล้ว และอีกเช่นเคยความสุขที่พี่ชายมอบให้ยังเอ่อล้นปริ่มอยู่ทั่วตัว รมิดาทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกพี่ชายที่นอนตะแคงข้างจ้องอยู่ เนื้อตัวเธอเปลือยเปล่าไปหมดในขณะที่พี่ชายเสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกชิ้น แถมเมื่อครู่พี่ชายก็เพิ่งจะ...เอ่อ...เพิ่งจะมอบรสสุขหวานล้ำให้กับเธอ รมิดาที่เขินอายสุดทนจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างกาย “พรุ่งนี้เริ่มเรียนแล้วสินะ” พี่ชายเปลี่ยนเรื่องถามเหมือนกับเมื่อสักครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คะ?” น้องสาวอุทานงุนงงกับคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยของพี่ชาย หึ หึ! เสียงพี่ชายหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู น้องสาวคนที่เร่าร้อนเมื่อครู่หายไปแล้ว เหลือแต่สาวน้อยขี้อายตรงหน้า “ชอบมั้ยครับ” พี่ชายถามคำถามสั้น ๆ ห้วน ๆ อีกแล้ว “คะ?” น้องสาวยิ่งงงหนักกว่าเก่า ไม่เข้าใจว่าพี่ชายหมายถึงอะไร แต่พอคิดได้เรื่องหนึ่งก็หน้าแดงปรี๊ด พี่ชายที่สังเกตอาการของน้องสาวอยู่แล้วก็หัวเราะน้อย ๆ “น้องหมิงชอบที่พี่ทำให้ไหมครับ” พี่ชายขยายความให้ คนเป็นน้องเมื่อเจอคำถามตรง ๆ อย่างนี้ยิ่งทำตัวไม่ถูก แต่ที่รู้ ๆ เธอมีความสุขกับมัน จะเรียกว่าชอบได้ไหม ถ้าใช่ก็แสดงว่าเธออยากให้พี่ชายทำแบบนั้นอีกหรือ ลึก ๆ ในใจคำตอบคือใช่ แต่จิตสำนึกบอกว่าเธอควรหยุดแค่นี้ “แต่เราไม่ควรทำแบบนั้นอีก” รมิดาเสไม่ตอบคำถามของพี่ชายโดยตรง แต่กลับยกเรื่องควรไม่ควรมาแทน เมื่อน้องสาวตอบมาอย่างนี้ คนเป็นพี่ก็เข้าใจความหมายที่แฝงมาเป็นอย่างดีแต่กลับแสร้งเมินใจความหลัก “ถ้าอย่างนั้นเราไปอาบน้ำกันเถอะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม