ตอนที่ 5 (ทานเผ็ดไม่ได้)
"น้องพิช โตเป็นสาวแล้วนะลูก สวยจนลุงจำไม่ได้เลย" การุญเอ่ยทักหลานสาวของภรรยาในตอนที่เดินเข้ามาถึงในบ้าน เจ้าของบ้านตัวจริงรู้อยู่แล้วว่าภรรยาตนเองจะพาหลานสาวมาอยู่ด้วยเขาก็ไม่ขัดอะไร เพราะการุญเองก็คุ้นเคยกับหญิงสาวเป็นอย่างดี
"สวัสดีค่ะคุณลุง ขอบคุณที่ชมพิช แต่พิชไม่สวยหรอกค่ะ" พิชญ์สินียกมือขึ้นไหว้สามีของป้าเธอ ก่อนจะปฏิเสธออกมาอย่างถ่อมตน
"สวยสิ น้องพิชสวยเหมือนคุณจาเลย" เหมือนจะพูดกับคนเป็นหลาน แต่สายตาของการุญกลับมองไปที่ภรรยาอย่างหวานหยดย้อย
"คุณรุญก็พูดเกินไป จาสวยที่ไหนล่ะค่ะ จาแก่แล้วค่ะ" จารุณีก้มหน้าอย่างเอียงอาย อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้จะมาชมอะไรอีกเล่า
"แก่ที่ไหนกันภรรยาผมสวยที่สุดเลย"การุญเองก็หยอดคำหวานไม่หยุด พิชญ์สินีมองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม ป้ากับลุงเธอรักกันมากจริง ๆ แต่ไม่ทันที่จะชื่นชมได้นาน เสียงตู้โชว์ที่ล้มลงก็เรียกสายตาของทุกคนได้เป็นอย่างดี
โครม!!
"อ๊ะโทษทีตีนมันไปโดนน่ะ" กรกวินท์เดินไปนั่งลงที่โซฟาก่อนจะยกขาขึ้นมาไขว่ห้างกระดิกเท้าอย่างกวน ๆ พิชญ์สินีแอบหันไปมองจารุณี เธอเห็นว่าป้าเธอหน้าเสียลงไปทันทีที่ชายหนุ่มถีบตู้โชว์ล้มลง
"ไม่เป็นไรค่ะคุณวิน บัวผันไปเก็บเศษแก้วให้เรียบร้อย แล้วบอกหนูนินให้ตั้งโต๊ะอาหารด้วย" จารุณีปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากให้บรรยากาศมันอึมครึมมากไปกว่านี้ คุณนายของบ้านหันไปสั่งงานสาวใช้เพราะกลัวว่ากรกวินท์จะเผลอเหยียบเศษแก้วที่เขาเผลอไปทำตู้โชว์ล้ม
"ค่ะคุณจา" บัวผันรับคำแล้วจึงรีบวิ่ง เข้าไปหยิบอุปกรณ์มาจัดการอย่างเร่งด่วน
"เท้าคุณวินเจ็บไหมคะ โดนแก้วบาดหรือเปล่า น้าจาดูให้นะคะ" พิชญ์สินียืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึง จารุณีหันไปยิ้มให้หลานตนเองก่อนจะขยับก้มลงไปตรงหน้าของกรกวินท์
"ไม่ต้อง! อย่ามาดัดจริตแถวนี้ ฉันไม่โง่เหมือนคนบางคนหรอกนะ จะได้เชื่อเธอยัยแม่มด" กรกวินท์ชักเท้ากลับ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างไม่ยินยอมให้แม่เลี้ยงสาวแตะต้องเท้าของตนเอง
"กรกวินท์! มันจะมากไปแล้วนะ ขอโทษคุณจาเดี๋ยวนี้" การุญทนไม่ไหวอีกต่อไป ลูกชายเขาชักจะมากไปทุกที คนเป็นพ่อตวาดลั่นด้วยความโมโห เพราะดูอย่างไรก็รู้ว่ากรกวินท์ตั้งใจจะหาเรื่องภรรยาตนเอง
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณรุญอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ถ้าคุณวินไม่เจ็บเท้า เราไปทานข้าวกันดีกว่าไหมคะ" จารุณีรีบเดินไปลูบแขนสามีตนเองให้ใจเย็น เธอไม่อยากให้คนในบ้านทะเลาะกันใหญ่โตจึง ได้ห้ามสามีตนเองเอาไว้ แต่เหมือนกรกวินท์จะยิ่งไม่พอใจ ชายหนุ่มเหลือบไปมองและแสยะยิ้มออกมา เขาเดินกระแทกพิชญ์สินีไปทางโต๊ะอาหารอย่างไม่พอใจ
"เกะกะยัยบ้านนอก"
"ขะ… ขอโทษค่ะ" พิชญ์สินีรีบขยับถอยหลังอย่างหวาดหวั่น หญิงสาวไม่กล้ายกมือมาลูบที่หัวไหล่ตนเองเพราะเกรงใจคุณลุงการุญ และไม่อยากให้จารุณีคิดมากอีกด้วย
"เป็นอะไรไหมน้องพิช ลุงขอโทษแทนเจ้าวินมันด้วยนะ" การุญหันไปมองหลานสาวคนใหม่ด้วยความรู้สึกผิด ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้ทำแต่ลูกชายตนทำก็เหมือนกัน
"พิชไม่เป็นอะไรค่ะ" หญิงสาวปฏิเสธออกไป เธอส่งยิ้มไปให้คุณลุงอย่างเข้าใจ
"ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณวินรอนาน ๆ จะอารมณ์เสียอีก ลูกกลับมาเหนื่อย ๆ คุณรุญอย่าไปดุลูกเลยนะคะ" จารุณีเห็นว่ากรกวินท์ไปรอที่โต๊ะแล้วจึงเร่งทุกคนให้ตามไป และไม่ลืมหันไปกำชับสามีเธอไม่ให้ดุลูกเลี้ยงอีกด้วย
"คุณจาก็ให้ท้ายตาวินตลอด มันไม่ให้เกียรติคุณเลยผมยอมไม่ได้หรอกนะ"การุญหัวเสียเป็นอย่างมาก นี่ขนาดต่อหน้าเขากรกวินท์ยังทำขนาดนี้ ลับหลังจะขนาดไหน เมื่อก่อนก็ไม่เคยก้าวร้าวมากขนาดนี้ เดี๋ยวนี้ชักหนักข้อขึ้นทุกวัน
"คุณรุญจาขอนะคะ จาเชื่อว่าสักวันความดีของจาคงชนะใจคุณวินได้อย่างแน่นอนค่ะ" จารุณีหันไปจับมือสามีขึ้นมา เธอไม่อยากให้การุญไปบีบบังคับชายหนุ่มมากนัก เพราะถ้าเขาจะเคารพเธอ เขาก็ต้องเคารพเธอจากใจจริงไม่ใช่โดนบังคับเช่นนี้
"ตักข้าวเลยหนูนิน"เมื่อทุกคนเดินมานั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว จารุณีจึงสั่งเด็กรับใช้ให้ตักข้าวได้เลย พิชญ์สินีนั่งลงตรงข้ามกับกรกวินท์และนั่งที่ว่างข้าง ๆ ป้าเธอ
"ค่ะคุณจา" หนูนินรับคำสั่งแล้วจึงเดินไปตักข้าวใส่จานให้ทุกคน เสร็จแล้วก็ขยับไปยืนรอที่ริมผนัง
"นี่ตาวินจำน้องพิชได้ไหม น้องพิชเคยมาเที่ยวบ้านเราเมื่อหลายปีก่อนน่ะ" การุญที่ใจเย็นขึ้นบ้างแล้วก็พยายามจะสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
"จำไม่ได้" แต่คนขวางโลกอย่างกรกวินท์มีหรือจะร่วมมือด้วย ชายหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าและตอบออกมาอย่างลอยหน้าลอยตา ก่อนจะตักข้าวเข้าปากและเคี้ยวคำโตอย่างไม่สนใจ
"เอ่อ… จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ น้าจาขอแนะนำนะคะ นี่น้องพิชหลานน้าจาเองค่ะ น้องพิชจะมาอยู่กับเราที่นี่ รู้จักกันไว้สิคะ น้องพิชนี่ไงพี่วินดาราดังที่หนูบอกว่าร้องเพลงเพราะไงล่ะ สวัสดีพี่เขาสิลูก"
"สวัสดีค่ะคุณวิน" พิชญ์สินียกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เพราะจำได้ว่ากรกวินท์อายุมากกว่าเธอหลายปี แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจหญิงสาวตรงหน้าเลยสักนิด แม้แต่มองหรือพยักหน้าเขาก็ไม่ทำ การุญทำท่าจะเอ็ดลูกชายอีกครั้งแต่จารุณีรีบขยับไปกุมมือไว้เสียก่อน
"โอ๊ย!เผ็ดฉิบหายใครทำวะ" ชายหนุ่มตักแกงกะทิปลาทูใส่ชะพลูเข้าปาก เขาคายออกมาก่อนจะร้องโวยวายขึ้น เพราะความเผ็ดร้อนที่ลิ้น จารุณีรีบคว้าน้ำส่งไปให้ ชายหนุ่มรีบรับมากระดกดื่มเพื่อดับความเผ็ดร้อนที่ในปากตนเอง ใบหน้ากรกวินท์แดงไปทั้งหน้า
"เผ็ดหรือคะคุณวิน" จารุณีถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
"ก็เออน่ะสิ รู้ว่าฉันกินเผ็ดไม่ได้ก็ยังทำมา นี่เธอตั้งใจจะแกล้งฉันใช่ไหมยัยจา" กรกวินท์ตวาดเสียงดัง รู้ทั้งรู้ว่าเขาทานเผ็ดไม่ได้แต่ก็ยังจะทำอาหารแบบนี้ขึ้นมานี่มันแกล้งกันชัด ๆ
"ไม่ใช่นะคะหนูนิน ทำไมทำอาหารรสจัดทั้งนั้นเลยล่ะ ใครเป็นคนทำกับข้าว"จารุณีหันไปถามเด็กรับใช้เสียงเข้ม
"เอ่อ… พิชทำเองค่ะ พิชไม่ทราบว่าคุณวินทานเผ็ดไม่ได้" พิชญ์สินีก้มหน้าตอบเสียงสั่น จารุณีใจหายวาบ เธอลืมไปได้อย่างไรว่าหลานสาวบอกว่าจะเข้าครัวทำอาหารให้เธอกับสามีทาน
"ไม่เป็นไรน้องพิช หนูนินไปทอดไข่เจียวให้คุณวินหน่อยไป น้าจาขอโทษด้วยนะคะ น้าจาไม่ทราบว่าคุณวินจะกลับบ้านวันนี้เลยไม่ได้บอกน้องพิชไว้ก่อนว่าคุณวินทานเผ็ดไม่ได้"
"ไม่ต้องแล้ว ฉันไม่กงไม่กินมันแล้ว เวรจริง ๆ" ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนโดยไม่ขยับเก้าอี้ จึงทำให้เกิดเสียงดังลั่นห้อง พิชญ์สินีจึงนั่งก้มหน้าไปกันใหญ่ เขาหันไปมองหน้าเธอก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจากบ้านไป
"พิชขอโทษนะคะ" หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้การุญและจารุณีอย่างรู้สึกผิด
"อย่าคิดมากเลยน้องพิช ทานข้าวกันดีกว่าปล่อยไปเถอะตาวินก็ขี้โมโหแบบนี้แหละ" การุญโบกมือให้อย่างไม่ถือสา คนที่จะต้องขอโทษก็คือคนที่เดินออกไปต่างหากไม่ใช่พิชญ์สินี