ตอนที่ 4 (คุณวิน)
"มีอะไรให้พิชช่วยไหมคะป้าผัน"พิชญ์สินีเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ได้เกือบสัปดาห์แล้ว เธอเริ่มคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้พอสมควร และคนที่เธอสนิทด้วยก็คงจะเป็นหนูนินและบัวผันสองแม่ลูกที่ทำงานในบ้านหลังนี้ เพราะเวลาว่าง ๆ เธอก็ชอบแอบเข้ามาช่วยงานในครัวเป็นประจำ การทำอาหารเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เธอชอบมาก เพราะเมื่อก่อนเธอก็รับหน้าที่นี้ทำให้พ่อเธอทานเป็นประจำอยู่แล้ว
"ไปนั่งรอเฉย ๆ ไม่ดีกว่าเหรอคุณพิช เดี๋ยวป้าทำเอง" บัวผันเองก็เกรงว่าตนเองจะโดนจารุณีว่าที่ใช้หลานสาวเจ้านายทำงานในครัวเช่นนี้
"พิชไม่มีอะไรทำเลยค่ะ พิชบอกป้าจาแล้วว่าขอมาช่วยงานป้าผันเวลาว่าง ๆ อีกอย่างวันนี้ป้าจาอยากกินน้ำพริกหมูผัดสูตรแม่ของพิช พิชก็เลยกะว่าจะเข้าครัวทำให้ทาน แต่คงต้องเป็นตอนเย็น เดี๋ยวพิชจะชวนหนูนินไปตลาดด้วยกัน ป้าผันจะอนุญาตไหมคะ" เห็นคนเป็นป้าบ่นว่า อยากทานน้ำพริกแกล้มผักสดสูตรเด็ดของจารุวรรณ พิชญ์สินีจึงอยากจะลงมือเข้าครัวทำให้จารุณีทาน และวันนี้คุณลุงการุญก็จะกลับมาจากเกาหลีแล้วด้วย เธอจึงตั้งใจจะแสดงฝีมือทำอาหารเพื่อต้อนรับการกลับมาของผู้มีพระคุณเธออีกด้วย
"โอ๊ย! ทำไมจะไม่อนุญาตล่ะคะ ไปเถอะค่ะ ถ้าคุณพิชไม่รำคาญที่มันพูดมาก ก็ไปกันเถอะค่ะ" ทำไมบัวผันจะไม่อนุญาตล่ะ ดีเสียอีกหนูนินเองมีความรู้น้อย ตั้งแต่พิชญ์สินีเข้ามาก็สอนเด็กสาวให้อ่าน ให้เขียนได้หลายคำแล้ว บัวผันจึงชอบให้ลูกสาวตนเองอยู่กับพิชญ์สินี
"ไม่รำคาญหรอกค่ะ หนูนินพูดเก่งดีออก พิชหายเหงาเลยล่ะค่ะ มาค่ะพิชช่วย"พิชญ์สินีช่วยบัวผัวทำอาหารหลายอย่างของมื้อเช้า เสร็จแล้วเธอจึงไปเรียกจารุณีมาทานข้าว
กิจวัตรประจำวันของพิชญ์สินีไม่ได้มีอะไรมากมาย เห็นป้าเธอบอกว่าจะฝากงานให้ที่บริษัทของการุญ เธอก็รอแค่การุญอย่างเดียว เมื่อถึงเวลาบ่ายหญิงสาวจึงชวนหนูนินเด็กสาวในบ้านไปตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบในการทำอาหาร หนูนินอายุได้ 16-17 ปีเด็กสาวไม่ได้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนปกติ แต่เธอเลือกเรียนกศน.เพียงเท่านั้นอาจเพราะฐานะไม่อำนวย แต่เด็กสาวรักที่จะเรียนรู้ การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ต่อให้เรียนกศน.เธอก็เรียนมันออกมาได้ดีทีเดียว เมื่อได้ของตามที่ต้องการทั้งสองก็เดินทางกลับบ้านเพื่อเริ่มทำอาหารเย็นไว้รอเจ้าของบ้าน ที่สมพงษ์กำลังออกไปรับการุญที่สนามบิน และจะกลับเข้ามาในไม่ช้านี้
"คุณพิชทำไมเราไม่ซื้อหมูสับมาเลยล่ะคะ จะมาสับเองทำไมกัน" หนูนินถามออกมาอย่างสงสัยที่เห็นหญิงสาวสับหมูอย่างแข็งขัน
"ก็เพราะว่าเราจะได้เลือกเนื้อหมูสามชั้นติดมันอย่างพอดีไงล่ะ หนูนินปอกหอมแดงให้พี่หน่อย" พิชญ์สินีอธิบายให้เด็กสาวฟังอย่างเอ็นดู หนูนินช่างซักช่างถามพลอยทำให้ใจเธอหายเศร้าได้บ้าง ไม่ใช่ว่าจารุณีจะไม่ใส่ใจเธอ แต่เพราะช่วงว่างระหว่างวัยทำให้เธอสนิทกับหนูนินได้ง่ายกว่า
"ค่ะ คุณพิช"
"บอกให้เรียกพี่พิชไง เดี๋ยวไม่สอนหนังสือแล้วนะ" พิชญ์สินีหันไปขมวดคิ้วใส่เด็กสาวเหมือนจะขู่ให้เธอกลัว แต่หน้าหญิงสาวไม่น่ากลัวเลยสักนิด เวลาแม่เธอโกรธน่ากลัวกว่าเยอะเลย หนูนินคิดในใจ
"แฮ่ ๆ พี่พิชก็พี่พิชค่ะ" หนูนินหันไปยิ้มอย่างยินยอม
ทั้งสองช่วยกันทำกับข้าวอย่างสนุกสนาน เสียงที่แว่วดังออกมาจากห้องครัวเป็นระยะสร้างความแปลกใจ ให้กับคนที่เพิ่งกลับเข้ามาในบ้าน กรกวินท์ได้แต่สงสัยว่าเสียงหัวเราะแปลก ๆ นั่น เป็นเสียงใครหรือว่าแม่เลี้ยงเขาจะรับสาวใช้ใหม่เข้ามาอีก
"ใครอยู่บ้าง เอาน้ำเย็นมาให้ฉันหน่อยสิ กลับมาเหนื่อย ๆ ไม่รู้จักออกมาต้อนรับกันบ้าง ไม่รู้จะจ้างไว้ทำไม เสียเงินเสียทองเปล่า ๆ" กรกวินท์ตะโกนลั่นบ้านอย่างหัวเสียที่ก้าวเข้ามาในบ้านแต่ไร้วี่แววของแม่บ้าน ที่จะยกน้ำยกท่ามาเสิร์ฟให้ตน คนยิ่งเหนื่อย ๆ กลับมาแทนที่จะมีคนมาต้อนรับ แต่นี่กลับเงียบหาย มันน่าโมโหนัก
"พี่พิช ฮือ ๆ คุณวินมา ทำยังไงดี เสียงดังขนาดนี้แกโมโหแน่ ๆ เลย" หนูนินชะเง้อมองออกไปนอกห้องครัวอย่างหวาดกลัว แม่เธอก็ไปกับจารุณี ส่วนหอมจันทร์แม่นมของชายหนุ่มก็เป็นวันหยุดเสียอีก ในบ้านจึงเหลือแค่เธอกับพิชญ์สินีเท่านั้น
"ทำไมล่ะ..." พิชญ์สินียังไม่ทันได้พูดจบประโยค เสียงโวยวายของกรกวินท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
"โว้ย! ไปมุดหัวอยู่ไหนกันหมดวะ"
"พี่พิช… หนูนินกลัว" หนูนินเดินมาเกาะหลังพิชญ์สินีอย่างหวาดกลัว
"เอาล่ะ ๆ เดี๋ยวพี่ออกไปเอง"
เพราะหนูนินทำท่าหวาดกลัวเสียเหลือเกิน พิชญ์สินีจึงจำเป็นต้องเดินไปรินน้ำใส่แก้วและนำของว่างออกไปเสิร์ฟให้เจ้าของบ้านก่อนที่คนด้านนอกจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
"น้ำมาแล้วค่ะ" พิชญ์สินีนำน้ำเย็นและของว่างมาวางไว้ ตรงหน้าของชายหนุ่ม
"กว่าจะมาได้ ไปมุดหัวกันอยู่ที่ไหน เอ๊ะ…เธอ คนใช้คนใหม่เหรอ ใครรับเธอเข้ามา อ๋อ...ยัยคุณจาล่ะสิ ก็พ่อฉันไม่อยู่นี่เนอะ จะเป็นใครได้นอกจากยัยแม่เลี้ยงของฉันคนเดียว นี่กะจะเอาคนใหม่ ๆ มาหมดเลยหรืออย่างไร"
เมื่อเห็นหน้าคนมาใหม่ที่ไม่คุ้นตา กรกวินท์ก็บ่นออกอีกยืดยาว คนรับใช้ที่บ้านก็มีตั้งหลายคนยังจะรับเพิ่มเข้ามาอีก จริง ๆ ชายหนุ่มไม่ได้สนใจหรอกว่า ใครจะมาหรือใครจะไป แต่เพราะเป็นแม่เลี้ยงคนนั้นรับเข้ามา ชายหนุ่มจึงไม่ถูกจริตเอาไว้ก่อน
"พิชไม่ใช่คนรับใช้ค่ะ พิชเป็นหลานของป้าจาค่ะคุณวิน" หญิงสาวก้มหน้าตอบออกไป ชายหนุ่มยกแก้วน้ำค้างไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างตกใจ
"อะไรนะ!หลานยัยคุณจา โฮ๊ะ!นี่กะจะขนญาติโกโหติกาเข้ามากันทั้งโคตรเลยไหม" กรกวินท์เบะปากอย่างเย้ยหยัน พิชญ์สินีก้มหน้าลงทันที เป็นอันรู้กันแล้วว่า ลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้ไม่ต้อนรับเธอ หญิงสาวยืนตัวสั่นเหมือนจะร้องไห้ออกมา
"อย่าร้องนะ! อย่ามาบีบน้ำตาแถวนี้ ฉันไม่ใจอ่อนเหมือนพ่อฉันหรอกนะ ไป!ไปให้พ้นหน้าไป" กรกวินท์ชี้หน้าหญิงสาว ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา
"ค่ะ"
หญิงสาวพยักหน้า และรีบเดินออกมาจากตรงนั้น มิน่าเล่าทำไมหนูนินถึงได้กลัวนักหนา เพราะแบบนี้นี่เองเธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วล่ะ แต่เท่าที่ฟังดูแล้วพิชญ์สินีก็คิดในใจว่า ป้าเธอกับลูกเลี้ยงคงจะไม่ลงรอยกันสักเท่าไรนัก แต่คงจะมีแค่กรกวินท์ละมั้งที่ไม่ชอบ เพราะป้าเธอชมลูกเลี้ยงอยู่ทุกวัน และไหนจะที่เธอดูรายการสัมภาษณ์ต่าง ๆ ทำไมนิสัยจริง ๆ กับนิสัยออกสื่อช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่แหละนะวงการบันเทิง ต่อหน้าสื่อก็แสนดีนักหนา ลับหลังนั้นเล่าอย่าให้เธอพูดเลยดีกว่า