เมื่อสามีของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งตอนนั้นบุตรสาวยังเล็กอยู่ แม้จะไม่ได้ลำบากยากเข็ญเท่าไรนัก เพราะมีเงินสะสมก้อนใหญ่ที่ได้รับจากบริษัทประกันชีวิตของสามี แต่ครั้นบุตรสาวคนเดียวสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ ค่าใช้จ่ายทั้งหลายทั้งปวงก็เกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว
ผู้เป็นเพื่อนและสามีจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของเธออย่างมีน้ำใจ โดยเฉพาะตัวนนทวัช ที่มักจะโทษตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นคนขับรถพาเพื่อนรักไปตาย จึงอยากชดใช้ให้โดยขออาสาออกค่าเล่าเรียนทั้งหมดของตะวันวาดให้จนกว่าจะเรียนจบมหาวิทยาลัย หรือถ้าจะเรียนต่อปริญญาโทจนถึงปริญญาเอกก็ยินดีจะส่งเสียให้ ไม่ว่าจะเรียนในเมืองไทยหรือต่างประเทศก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าเรียนจบแล้วต้องมาทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างของทั้งสองเท่านั้น สร้างความสำนึกในบุญคุณให้กับตัวเธอและบุตรสาวอย่างมากมาย
“ค่ะแม่ เนยจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ร่างระหงรีบก้าวออกจากบ้านตรงไปยังรั้วไม้ระแนงเบื้องหน้า ก่อนจะเปิดประตูบานไม้เก่าๆ ซึ่งสมัยเป็นเด็กตัวเองใช้วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่เสมอ ขณะก้มหน้าก้มตาเดินอยู่นั้นก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ในชุดกางเกงยีนส์เข้ารูปสีเข้มกับเสื้อยืดสปอร์ตแขนยาวสีขาวเข้าเต็มแรง
“น้องเนย!” เสียงอุทานนั้นดังมาจากเรียวปากหยักสีสดของเจ้าของร่างสูงที่ถูกชน สายตาฉายแววตกตะลึงจังงัง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นคนเดินชนเต็มตา
ตะวันวาดยืนชะงักงันอยู่กับที่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินหลบร่างสูงตรงหน้าไปอย่างไม่สนใจไยดี ไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ
“แหม...เดี๋ยวนี้พอไม่ได้เป็นนกกระยางขายาวเหมือนเมื่อก่อนทำเป็นไม่รู้จักพี่นายเลยนะ”
อาคิระเอ่ยเสียงยั่วเย้าระคนด้วยความปีติยินดีหลังเรียกสติกลับคืนมาได้ นัยน์ตาคู่คมมองร่างสูงระหงของหญิงสาวผิวขาวผ่องเป็นยองใยตรงหน้าที่เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งชวนมอง เรียวหน้ารูปไข่นั้นสวยกระจ่างตา จมูกโด่งเชิดรั้นอย่างถือดี นัยน์ตาดำขลับภายใต้คิ้วเรียวดำราวกับวาดนั้นยังวาววับเอาเรื่องเหมือนสมัยเด็กไม่มีผิด ปากอิ่มแดงเป็นธรรมชาติที่คาดว่ายังคงความเก่งกล้าเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยนแน่
ความสวยที่ได้ยลเต็มตาทำให้ชายหนุ่มแทบไม่อยากจะละสายตาไปจากร่างอ้อนแอ้นตรงหน้าเลยสักวินาทีเดียว ไม่นึกเลยว่าเด็กหญิงรูปร่างอ้วนกลมตอนวัยห้าขวบที่ถูกเขาเรียกขานว่า ‘ยายช้างน้อย’ หรือผอมสูงเหมือนนกกระยางขายาวในวัยสิบสองขวบ จะโตขึ้นมาแล้วงดงามจับตาถึงเพียงนี้ ไม่มีเค้าของวันวานหลงเหลือให้เห็นแม้เพียงนิด
ตะวันวาดฟังคำของคนตัวสูงที่เอ่ยออกมาแล้วเม้มปากแน่นอย่างระงับอารมณ์ พลางคิดในใจอย่างขุ่นมัวระคนสงสัย
ไหนคุณป้าบอกว่าอีกสองวันถึงจะกลับแล้วไงล่ะ ถ้ารู้ว่าอยู่จะไม่เดินเข้ามาเป็นอันขาด
ขณะกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เสียงของมนัสนันท์ที่เปรียบประดุจระฆังช่วยชีวิตก็ดังขึ้น
“อ้าว...น้องเนย มาแล้วหรือลูก ป้ากำลังจะเดินไปหาอยู่พอดี”
หญิงสาวเดินเข้าไปหาอ้อมแขนของผู้เป็นป้า ที่ยังคงความอบอุ่นเสมอตั้งแต่เธอยังเล็กจนเติบใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงออดอ้อน
“แม่บอกว่าคุณป้าเรียกหาเนย มีอะไรจะเรียกใช้หรือคะ”
“เปล่าหรอกจ้ะ” มนัสนันท์บอกยิ้มๆ โอบกอดหญิงสาวตรงหน้าเต็มอ้อมแขน ปรายตามองหน้าตื่นตะลึงของบุตรชายแวบหนึ่งอย่างสมใจ แล้วถามหญิงสาวที่เธอรักและเอ็นดูมาแต่เล็กแต่น้อย “น้องเนยจำพี่นายได้ไหมลูก”
คนปากไวตอบทันทีโดยไม่หยุดคิด
“จำไม่ได้หรอกค่ะ”
คนถูกบอกจำไม่ได้ยืนกอดอกมองสองหญิงต่างวัยคุยกันด้วยสายตาอ่อนโยน คลี่ยิ้มกว้างออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของน้องน้อยในอดีต แล้วแกล้งพูดกับมารดาโดยไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีหมางเมินที่ได้รับแม้แต่น้อย
“คุณแม่ครับ นายจะเอาของที่ซื้อมาฝากคนโกรธนานแถวๆ นี้ ไปให้ใครดีน้า! ช่วยนายคิดหน่อยสิครับ”
ชายหนุ่มพูดจบก็ต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม เมื่อเหลือบเห็นไหล่บอบบางของคนที่ยืนเชิดหน้าคอแข็งอยู่กระตุกไหวขึ้น แต่ยังทำเมินไม่มองมาทางเขาอยู่เช่นเดิม
“น้องเนยเข้าไปคุยกับป้าดีกว่า อย่าไปสนใจคนถูกลืมแถวๆ นี้เลย”
มนัสนันท์พูดยิ้มๆ ก่อนจูงข้อมือสาวสวยในชุดเสื้อยืดย้วยๆ กางเกงยีนส์สั้นเหนือเข่า เผยให้เห็นเรียวขาขาวผ่อง แล้วต้องลอบยิ้มอย่างสมใจอีกครั้ง เมื่อเหลือบเห็นนัยน์ตาคมระยับของลูกชายมองตามมาอย่างเผลอไผล
เจ้าของของเรียวขาสวยเห็นสายตาคู่นั้นเข้าพอดี จึงได้แต่ส่งสายตาเขียวปัดให้พลางทำปากขมุบขมิบคิดอย่างขุ่นเคืองใจ ถ้ารู้ว่าต้องมาพบมาเจอละก็ จะไม่ใส่ชุดนี้มาเป็นอันขาด หลังส่งค้อนให้ร่างสูงอีกครั้งก็สะบัดหน้าพรืด เดินตามผู้เป็นป้าเข้าไปในตัวตึกทันที
ปล่อยให้เจ้าของร่างสูงใหญ่มองตามจนลับตา จากนั้นก็ยืนหัวเราะคนเดียวอย่างรื่นรมย์ นึกก่นด่าตัวเองที่ตัดสินใจกลับเมืองไทยช้า ทั้งที่ถูกเรียกตัวให้กลับบ้านมาตั้งหลายปีแล้ว ทว่าเขาเองที่มัวแต่บ่ายเบี่ยง ด้วยมีจุดประสงค์ต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานของที่นั่นเอาไว้ให้มากที่สุด เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับบริษัทก่อสร้างของบุพการีที่นี่ จนทำให้พลาดโอกาสบางอย่างไป
แต่หวังว่าคงยังไม่สายเกินไปหรอกนะ
ดูท่ายายนกระยางคงยังโกรธเคืองเขาอยู่ไม่หาย ดูสายตาที่มองมาก็รู้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กอ้วนเหมือนลูกช้างตัวน้อยๆ โตขึ้นมาอีกหน่อยก็สูงเก้งก้างราวกับนกกระยางขายาว ครั้นโตเป็นสาวกลับสวยจับตาจับใจจนทำให้หนุ่มหล่อที่มีสาวติดกันเกรียวอย่างเขาถึงกับตะลึงลานอย่างที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกเดิมๆ กลับคืนมาได้หรือเปล่า
อาคิระรำพึงรำพันกับตัวเองอย่างเศร้าหมอง ทั้งเสียใจในการกระทำของตัวเองในอดีต ซึ่งที่เขาทำไปในตอนนั้นก็เพราะต้องการเอาใจเพชรรุ้งที่พนันไว้กับเพื่อนสนิทเท่านั้น กระทั่งลืมความรู้สึกของคนเป็นน้อง ซึ่งคงเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจนักหนา จึงยังโกรธเคืองเขาไม่หายแบบนี้ แม้แต่วันเดินทางเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมไปส่งตามที่เคยสัญญาเอาไว้
ที่สำคัญผู้เป็นแม่ยังเล่าให้ฟังอีกว่า น้องน้อยที่เคยตามติดเขาแจมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากถามถึงเขาสักคำเดียวตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา