บทที่ 1 งานของตะวันวาด EP.2
บทที่ 1 งานของตะวันวาด -2
ปัจจุบันในบริษัทจึงยังไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวสนิทสนมกับเจ้าของบริษัทประหนึ่งตัวเองเป็นลูกหลาน ยกเว้นดวงตาคนเดียวเท่านั้น
“ลุงดีใจนะที่น้องเนยทำแบบนี้ คนเราจะเป็นเจ้านายคนได้ในอนาคตควรต้องทำงานทุกอย่างให้เป็นเสียก่อน”
คำพูดเป็นเลศนัยของนนทวัชก่อให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของภรรยาทันที
“ค่ะคุณลุง” ตะวันวาดตอบพร้อมรอยยิ้ม ไม่ได้สะดุดหูกับประโยคดังกล่าวแม้แต่น้อย
“น้องเนยระวังตรีภพไว้ให้มากๆ นะ ลุงได้ข่าวไม่สู้ดีเรื่องนิสัยส่วนตัวของเขา” ธวัชชัยกล่าวเตือนลูกสาวของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“นั่นสิน้องเนย ป้าก็เป็นห่วงเรื่องนี้”
มนัสนันท์พูดเสริมขึ้น เธอได้ยินข่าวคราวของคนที่ถูกพูดพาดพิงถึงมานานแล้ว ซึ่งเธอไม่ชอบข่าวทำนองนี้นัก แต่เป็นข่าวแบบปากต่อปากที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงจึงเข้าไปยุ่งด้วยไม่ได้
มีเพียงนนทวัชคนเดียวเท่านั้นที่มองหญิงสาวแล้วแอบหัวเราะอยู่ในใจ โดยที่ไม่ได้พูดเตือนเหมือนคนอื่น เพราะรู้ว่าเจ้าตัวเอาตัวรอดได้
“ไม่ต้องห่วงเนยหรอกค่ะลุงวัช คุณป้า เนยเอาตัวรอดได้” ตะวันวาดพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“พี่นายจะกลับเมืองไทยแล้วไม่ใช่หรือนนท์”
คำถามของธวัชชัยที่เอ่ยถึงใครบางคนออกมา ทำให้เจ้าของดวงหน้าสะสวยชะงักงัน นัยน์ตาลุกวาวขึ้นมาทันควัน
เชอะ! จะกลับมาทำไมตอนนี้ ทำไมไม่อยู่ที่นั่นไปจนแก่เลยล่ะ
หญิงสาวรำพึงรำพันอยู่ในใจด้วยความโกรธเคืองที่ไม่เคยจางหายไปจากใจ แม้วันเวลาจะล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม ทว่าความรู้สึกนั้นยังคงฝังแน่นในใจ ตามประสาคนช่างจดช่างจำ
“อืม ภายในวันสองวันนี้แหละวัช พี่นายกลับมาอันดับแรกคงต้องตามแก้ปัญหาภายในที่สะสมไว้นาน จนตอนนี้กลายเป็นดินพอกหางหมูไปแล้ว ไม่รู้ว่าดินที่พอกอยู่จะหลุดร่วงได้ง่ายหรือเปล่า”
นนทวัชพูดออกมาด้วยท่าทางเมื่อยล้า ดวงหน้าเครียดขรึมลง
“เอาน่า เรื่องยังไม่เกิดอย่าเพิ่งคิดล่วงหน้า ลูกชายของแกเป็นคนมีความสามารถ ฉันเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างย่อมมีหนทางแก้ไข” ธวัชชัยพูดปลอบใจเพื่อนสนิท
ตะวันวาดเงี่ยหูฟังเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันอย่างไม่เข้าใจนัก หรือว่า...สิ่งที่เธอกำลังสงสัยจะเป็นจริง และต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ มนัสนันท์ก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงเชิงบังคับ
“น้องเนย วันนี้รอกลับพร้อมป้านะลูก”
“อย่าเลยค่ะคุณป้า เนยกลับกับป้าเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ เพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว”
หญิงสาวปฏิเสธแม้จะอยู่บ้านติดกัน เธอมาทำงานพร้อมปานชนก เพื่อนสนิทที่สอบเข้าทำงานที่นี่ได้พร้อมกัน ซึ่งเธอมักจะเรียกอีกฝ่ายว่าป้าจนติดปาก โดยผู้เป็นเพื่อนทำอยู่แผนกการตลาดซึ่งมนัสนันท์ควบคุมดูแลอยู่
“ให้หลานกลับแบบเดิมน่ะดีอยู่แล้วนันท์ อุตส่าห์ปกปิดมาตั้งแต่แรก จะให้มาเปิดเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แล้วจะปิดไปเพื่ออะไรล่ะ” นนทวัชพยักหน้าเห็นด้วยยิ้มๆ มองหญิงสาวที่เขารักเหมือนลูกอย่างรักใคร่เอ็นดู
“ใช่แล้วค่ะคุณป้า เนยกลับเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว ตอนนี้เนยขอตัวกลับแผนกก่อนนะคะ”
ตะวันวาดขอตัวกับทุกคน แล้วรีบเดินออกไปที่โต๊ะของดวงตา ซึ่งหญิงสาวเงยหน้าขึ้นบอกทันทีเหมือนรออยู่แล้ว
“น้องเนย เอกสารทั้งหมดที่ส่งมาขอพี่เช็กดูก่อนนะ เอ...ทำไมช่วงนี้คุณตรีภพเบิกค่าใช้จ่ายถี่จัง”
“ค่ะพี่ตา”
หญิงสาวบอกยิ้มๆ คำพูดเปรยๆ ของอีกฝ่ายเธอยังไม่อยากออกความเห็น ตอนอยู่ในห้องของมนัสนันท์เมื่อครู่เกือบเผลอหลุดปากเล่าเรื่องอะไรบางอย่างให้ฟังแล้ว แต่ยั้งปากไว้ได้ทัน เพราะเป็นเพียงข้อสงสัยของเธอเท่านั้น ทางที่ดีคงต้องจับตาดูต่อไป
เจ้าของร่างระหงเดินกลับไปยังแผนกและลอบถอนหายใจเมื่อไม่เห็นมิรันตีอยู่ในห้อง
“เนย เป็นยังไงบ้างพี่เห็นงานยุ่งเชียว”
เสียงทักทายเบาๆ นั้นดังมาจากหญิงสาวหน้าตาสะสวยทว่านัยน์ตาเศร้าหมองที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะทำงานของเธอนัก
“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะพี่นุ่น” หญิงสาวหันไปมองคนถามหรือนุดีอย่างขอบคุณ
ในแผนกจัดซื้อคงจะมีเพียงนุดีคนเดียวเท่านั้นที่คอยถามไถ่เรื่องงานอย่างมีน้ำใจ ทั้งยังคอยให้ความช่วยเหลือในกรณีที่งานล้นมือจนทำไม่ทัน จากการสังเกตเธอเห็นว่าอีกฝ่ายทำงานหนักที่สุดในแผนก เพราะเรื่องสำคัญๆ อย่างเช่นการประมูลราคางานก่อสร้าง หรือแม้แต่ติดต่อกับบริษัทจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง หญิงสาวผู้นี้จะเป็นผู้ทำด้วยตัวเองแทบทั้งสิ้น ที่ตะวันวาดรู้เพราะงานทุกอย่างต้องผ่านเธอเป็นด่านสุดท้ายก่อนจะถูกส่งให้ผู้บริหารเซ็น
“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้เลยนะจ๊ะไม่ต้องเกรงใจ” นุดีบอกสาวสวยตรงหน้าอย่างใจดี เพราะรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเห็น
“ได้ค่ะพี่นุ่น”
ตะวันวาดมองคนพูดอย่างขอบคุณ และอดสงสัยในท่าทีแปลกๆ ของอีกฝ่ายไม่ได้ หลายครั้งที่หญิงสาวรุ่นพี่ทำท่าเหมือนอยากจะเล่าอะไรให้ฟังแต่กลับเกิดอาการลังเล ที่สำคัญเธอแทบจะไม่เห็นเจ้าตัวเข้าไปในห้องทำงานองตรีภพเลย มีเพียงมิรันตีที่มาคอยตัดหน้ารับเอกสารที่ทำเสร็จแล้วไปเสนอตรีภพแทน
ปานชนกมองเพื่อนสนิทที่ขึ้นมานั่งบนรถคันเล็กของเธอได้ก็ถอนหายใจเฮือกๆ อย่างขบขัน อีกฝ่ายมักจะมีเรื่องในแผนกจัดซื้อมาระบายให้ฟังแทบทุกวัน จนเธออดนึกทึ่งในตัวอีกฝ่ายไม่ได้ที่ช่างมีความอดทนได้ถึงเพียงนี้ ถ้าเป็นตัวเธอเจอแบบนั้นบ้างคงปรี๊ดแตกไปนานแล้ว แม้ว่าเธอจะเป็นคนใจเย็นขนาดน้ำแข็งเรียกพี่ก็ตาม