บทที่ 3/2
“1 ปี!”
หวังเหม่ยหลินเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง ตามหลักการแล้วนางควรใช้วิธีค่อยๆ สร้างสัมพันธภาพ ใช้วิธีไม้อ่อนให้เขาสงบอารมณ์ลงแล้วค่อยๆ ทลายกำแพงที่เขาปิดกั้นตนเองเอาไว้ จากนั้นค่อยบอกวิธีการรักษาช่วยเขาฟื้นฟูร่างกาย แต่กำแพงของซ่งรุ่ยหยางนั้นสูงเกินไป ในระยะเวลาอันสั้นนางคงไม่อาจทลายลงได้โดยง่าย เช่นนั้นก็ข้ามขั้นตอนประนีประนอมไปเลยแล้วกัน
“ข้าขอเวลาเพียง 1ปีเท่านั้น ข้าสัญญาจะทำให้ท่านกลับมาเดินได้หรือน้อยที่สุดก็สามารถยืนได้”
ซ่งรุ่ยหยางขบกรามแน่นสตรีน่าตายผู้นี้ กล้าดีอย่างไรเอาเรื่องอาการป่วยของเขามาต่อรองกับเขา หรือนางคิดว่าหากนางเอ่ยว่าสามารถรักษาเขาได้เขาก็จะรับนางเข้าจวนมาเป็นอนุเช่นเซียวลี่หง ผู้เป็นอนุของบิดา
มากเล่ห์ไร้ยางอาย...
หวังเหม่ยหลินเห็นแววตาวาวโรจน์เปี่ยมไปด้วยโทสะของอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจยาว ดูเหมือนยามนี้คงไม่อาจเจรจากับเขาได้โดยง่าย เช่นนั้นวันนี้ก็สมควรพอแค่นี้ก่อน
“คุณชาย หากท่านลดทิฐิของท่านลงสักเล็กน้อย แล้วทบทวนดูให้ดีเรื่องนี้ล้วนเป็นท่านที่ได้ผลประโยชน์”
หวังเหม่ยหลินเอ่ยจบหูฉีเอ๋อร์ก็เดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร โจ๊กไก่ในถาดส่งกลิ่นหอมอบอวล หวังเหม่ยหลินรับถาดอาหารมาส่งให้เฉินจื่อรั่ว หากแต่สายตายังคงจดจ้องไปยังคนบนเตียง
“พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก หากอยากมีแรงต่อกรกับข้า ท่านก็ควรทานอาหารให้มากๆ”
ซ่งรุ่ยหยางมองตามร่างเล็กที่เดินจากไป มือหนากำผ้าปูเตียงแน่นโทสะในใจพุ่งขึ้นจนทะลุเพดาน อนุเซียวหลานสาวผู้นี้ของเจ้าช่างน่าตายนัก
..........................................................................................
หูฉีเอ๋อร์มองดูคุณหนูของตนที่เข้าไปในร้านช่างไม้ มือเรียวตวัดพู่กันวาดบางสิ่งลงในกระดาษ ก่อนเอ่ยสนทนากับช่างไม้อีกหลายประโยคจึงเดินออกมา
“คุณหนู ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ”
“ล้อเข็น”
“ล้อเข็น ทำให้คุณชายซ่งหรือเจ้าคะ”
หวังเหม่ยหลินพยักหน้ารับคำสาวใช้ ก่อนหน้านางก็กังวลไม่น้อยที่จะอธิบายการทำล้อเข็นให้ช่างไม้ฟัง ด้วยฝีมือการวาดภาพที่แม้แต่อาจารย์สอนศิลปะยังกุมขมับ ทำให้ไม่ต้องคิดถึงสีหน้าของช่างไม้ยามที่ได้เห็นฝีมือการวาดภาพของนางเมื่อครู่เลย โชคดีที่ก่อนหน้านี้ช่างไม้เคยรับงานนี้มาก่อนแม้ไม่เข้าใจภาพวาดของนางแต่เมื่อฟังนางอธิบายก็หยิบแบบร่างชิ้นหนึ่งมาให้ดู ต้องขอบคุณผู้ที่เคยคิดค้นสิ่งนี้เอาไว้ก่อนหน้านางแล้ว
..........................................................................................
ซ่งรุ่ยหยางขบกรามแน่นสายตาดุดันราวจะฆ่าคนจดจ้องไปที่สตรีเบื้องหน้า ร่วมสิบวันแล้วที่นางแวะเวียนมาไม่ขาดสาย แม้ว่าเขาจะดุด่าขับไล่อย่างไรนางก็ยังคงนั่งอยู่กลางห้องเช่นนั้น
“วันนี้ข้ากินข้าวหมดแล้ว เจ้ากลับไปได้แล้ว!”
“คุณชายท่านตัวสูงใหญ่เพียงนี้โจ๊กถ้วยเดียวต่อวันนับว่าน้อยเกินไป”
ซ่งรุ่ยหยางกำมือแน่น สตรีนางนี้หูหนวกหรือไรเหตุใดถ้อยคำที่เขาเอ่ยไปจึงฟังไม่รู้ความ วันก่อนนางกล่าวว่าขอเพียงเขากินข้าวหมดถ้วยก็จะจากไปไม่ใช่หรือไร สายตาคมกวาดมองไปรอบตัวมองหาสิ่งที่จะหยิบจับมาปาใส่นางก็ล้วนไร้ประโยชน์ เพราะตั้งแต่วันแรกที่นางก้าวเข้ามาข้าวของต่างๆ ในเรือนก็ถูกนางกวาดออกไปจนหมด ยามนี้รอบตัวเขานอกจากผ้าห่มและหมอนแล้ว แม้แต่ม่านเตียงก็ยังไม่มี
หวังเหม่ยหลินมองแววตาที่แข็งกระด้าง ท่าทางที่ตั้งกำแพงสูงใหญ่ป้องกันตนเองของคนเจ็บแล้วสูดลมหายใจเขาจนสุดก่อนเอ่ยน้ำเสียงมั่นคงแต่อ่อนโยน
“3 เดือน”
ซ่งรุ่ยหยางขมวดคิ้วแน่นคำว่า 3 เดือนของนางหมายถึงสิ่งใดกัน นี่นางจะมาไม้ไหนกับเขาอีก
“3 เดือนนี้หากท่านทำตามที่ข้าบอกแล้วอาการไม่ดีขึ้น ข้าจะไม่มาให้ท่านเห็นหน้าอีก”
ซ่งรุ่ยหยางจดจ้องแววตามั่นคงจริงจังของสตรีตรงหน้าแล้วได้แต่ข่มกลั้นโทสะในใจ
3 เดือน! หากเขายอมรับปากนาง อีก 3 เดือนข้างหน้าสตรีน่าตายนี่ก็จะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีกแล้วใช่หรือไม่
“ตกลง! แต่หากภายในสามเดือนอาการของข้าไม่ดีขึ้น เส้นผมของเจ้าข้าจะโกนออกให้หมด”
โกนผม! นี่คือคำข่มขู่ที่นางต้องหวาดกลัวใช่หรือไม่ หวังเหม่ยหลินเผลอยิ้มกว้าง เพียงแต่ยามเมื่อเหลือบไปเห็นใบหน้าซีดเซียวของหูฉีเอ๋อร์แล้ว เช่นนั้นนางกลัวแสร้งสักหน่อยก็แล้วกัน
“ตกลง! หวังว่า 3 เดือนนี้คุณชายจะให้ความร่วมมือกับข้าอย่างเต็มที่”
หวังเหม่ยหลินส่งสายตาให้คนสนิทของเขา เฉินจื่อรั่วก็เร่งยกถาดโจ๊กเดินไปหาคุณชายของตนในทันที
“ข้อแรก ในสามเดือนนี้ท่านต้องทานอาหารให้ครบสามมื้อ ทุกมื้อต้องดื่มน้ำตามอย่างน้อยหนึ่งแก้ว”
ซ่งรุ่ยหยางมองถ้วยชาทรงประหลาดที่สตรีตรงหน้าเรียกว่าแก้วน้ำแล้วขมวดคิ้วเข้ม ก็แค่อาหารสามมื้อมีสิ่งใดยากเย็นกัน
“ข้อสองทุกวันท่านต้องอาบน้ำ”
อาบน้ำ ซ่งรุ่ยหยางขบกรามแน่น นี่นางกำลังกล่าวตำหนิว่าเขาสกปรกหรือ
ซ่งรุ่ยหยางยกแขนขึ้นมาดมกลิ่นกายของตนเอง เมื่อทบทวนดูแล้วหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาอาบน้ำไปเพียงสองครั้งเท่านั้น แต่ก็ไม่แปลกอะไรไม่ใช่หรือ ปกติเขาใช้ชีวิตในสนามรบในหนึ่งเดือนได้อาบน้ำหนึ่งครั้งก็นับว่าดีมากแล้ว
“ข้อสามทุกวันท่านต้องทำกายภาพบำบัด”
กายภาพบำบัด สตรีตรงหน้ากล่าวอันใดกัน นี่นางกำลังคิดเล่นตลกกับเขาใช่หรือไม่
“ตอนนี้เจ้าพาคุณชายของเจ้าไปอาบน้ำก่อนเถิด”
เฉินจื่อรั่ววางถ้วยอาหารที่ว่างเปล่าด้วยรอยยิ้มกว้าง ขอเพียงยามคุณชายรับอาหารแล้วมีคุณหนูสามอยู่ด้วยถ้วยอาหารก็จะว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว แม้วิธีการของคุณหนูสามผู้นี้จะดูแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ก็นับว่าได้ผลร่างกายที่ผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงของคุณชายก็ดูมีเนื้อมีหนังมีเรี่ยวมีแรงมากขึ้น เช่นนั้นเรื่องฐานะที่แท้จริงของคุณหนูสามเขาจะยอมปิดปากไปอีกสักพัก
“ฉีเอ๋อร์ จัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่มให้หมด อ่อ... ไปเปิดหน้าต่างทุกบานด้วย”
การดูแลผู้ป่วยนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกคือเรื่องของสิ่งแวดล้อมจะต้องสะอาดและปลอดภัย ดังนั้นหลังจากอาบน้ำชำระกายเสร็จแล้วผู้เป็นเจ้าของเรือนก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้มขบกรามแน่น พร้อมเอ่ยเสียงดุดันลอดไรฟัน
“ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าวุ่นวายกับเรือนของข้า”
“ข้าขอทำความสะอาดอีกสักเล็กน้อย ท่านไปรอที่หน้าเรือนก่อนนะเจ้าคะ”
ไม่เพียงไม่ตอบคำถามนางยังเอ่ยปากสั่งการ น่าโมโห... น่าโมโหยิ่งนัก เพียงแต่ไม่ทันเอ่ยปากตำหนินางเจ้าบ่าวตัวดีก็แบกเขามาที่หน้าเรือนอย่างเชื่อฟังเสียก่อน
จื่อรั่วเจ้าเป็นคนของข้าหรือนางกันแน่
“วันนี้อากาศเย็นสบายกำลังดี คุณชายท่านก็นั่งสูดอากาศที่ด้านนอกนี่รอเถิดขอรับ”
เฉินจื่อรั่วเห็นสายตาดุดันของผู้เป็นนายก็รับรู้ได้ถึงความขุ่นเคืองในใจของอีกฝ่าย เพียงแต่ร่วมสี่เดือนมานี้คุณชายของเขาวันๆ ก็เอาแต่นอนหมดอาลัยอยู่บนเตียง จนเขาผู้เป็นบ่าวใกล้ชิดเห็นแล้วยังอดที่จะรู้สึกเศร้าหมองตามไม่ได้ ดังนั้นเมื่อคุณหนูสามเปิดโอกาสมีหรือเขาจะลังเล
หวังเหม่ยหลินยกแขนขึ้นซับเหงื่อที่ใบหน้า ครั้งแรกเพียงคิดว่าจะทำความสะอาดเรือนนี้สักเล็กน้อย แต่เพราะเรือนนี้ขาดการดูแลมานาน ดังนั้นแม้จะบอกว่าเล็กน้อยแต่ยามลงมือทำกับไม่เล็กเช่นที่นางเอ่ย ซ่งรุ่ยหยางมองสตรีน่าโมโหที่กำลังวุ่นวายกับการทำความสะอาดเรือนของเขาแล้วยกยิ้มเย้ยหยัน มองมือที่แสนบอบบางคู่นั้นแล้วคาดเดาได้ว่านางคงทนได้อีกไม่นานนัก สายลมพัดแผ่วเบาเสียงต้นไผ่ไหวเอนเสียดสีคล้ายท่วงทำนองดนตรีบรรเลง ซ่งรุ่ยหยางปิดตาลงสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหลันฮวา นานเพียงใดแล้วที่เขาไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้
“คุณหนูให้บ่าวทำเถิดเจ้าค่ะ ท่านไปพักเถิด”
หูฉีเอ๋อร์เอ่ยกระซิบ คุณหนูของนางแต่ไหนแต่ไรมามีแต่ถูกผู้อื่นดูแลปรนนิบัติขอเพียงเอ่ยปากทุกอย่างย่อมเสร็จภายในพริบตา ครั้งนี้เพียงเพื่อดูแลคุณชายซ่งกลับต้องมาลำบากถึงเพียงนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะบ่าวปากมากเช่นนาง
“ช่วยๆ กันจะได้เสร็จเร็วๆ”
หวังเหม่ยหลินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง หางตามองไปยังร่างสูงผอมแห้งที่เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้างกำลังเอนหลังหลับอยู่นอกเรือนแล้วยิ้มกว้าง แท้จริงแล้วเรื่องทำความสะอาดเรือนนี้เพียงนางเอ่ยปากอนุเซียวย่อมให้บ่าวในเรือนมาจัดการได้อย่างรวดเร็ว แต่หากทำเช่นนั้นนางจะหลอกล่อให้คนเจ็บยอมออกจากเรือนได้อย่างไร
เวลาผ่านไปนานร่วมชั่วยามซ่งรุ่ยหยางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อมองไปในเรือนกลับพบเพียงความว่างเปล่า สตรีน่าโมโหนางนั้นเล่าหายไปที่ใดกัน
“แม่นางหูกลับไปแล้วขอรับ”
“กลับไปแล้ว”
“ขอรับ แม่นางหูยังกล่าวว่าให้คุณชายพักผ่อนให้มาก”
หึ! ปากก็บอกว่าจะดูแลปรนนิบัติให้เขาหายดี ผ่านไปเพียงครึ่งวันก็หายหน้าไปเสียแล้ว สตรีเช่นพวกนางล้วนไม่อาจเชื่อถือ เพียงแต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วมิใช่หรือ เหตุใดในใจของเขาจึงรู้สึกโมโหเสียยิ่งกว่ายามเห็นหน้านางเล่า
..........................................................................................