บทที่ 2/2
หวังเหม่ยหลินมองเรือนหลังเล็กเบื้องหน้าแล้วขมวดคิ้วสงสัย ไม่ใช่ว่าคู่หมั้นของนางเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลหรือ เหตุใดเรือนพักของเขาจึงเล็กเสียยิ่งกว่าเรือนหลันฮวาของนางกัน
“เป็นความต้องการของคุณชายไม่ต้องการให้ผู้ใดรบกวน”
เพล้ง! เสียงข้าวของในเรือนตกแตกดังลั่นพร้อมกับสาวใช้ที่วิ่งออกมาจากเรือนด้วยท่าทางตัวสั่นหวาดกลัว
“ท่านป้า! ช่วยข้าด้วย!”
เซียวซูลี่เห็นผู้เป็นป้าก็วิ่งเข้าไปสวมกอดร่ำไห้จนตัวสั่น ผู้เป็นป้าขมวดคิ้วมองหลานสาวของตนที่ศีรษะอาบไปด้วยโลหิตแล้วหันไปเอ่ยถามสาวใช้ที่วิ่งออกมา
“เกิดอันใดขึ้น”
“คุณชายอาละวาดอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านป้า ข้าไม่อยู่แล้ว คุณชายของท่านนอกจากร่างกายพิการ อารมณ์ยังแปรปรวนอีก ข้า... ข้า จะกลับบ้านแล้ว”
อนุเซียวพยักหน้ารับทราบ เซียวซูลี่ไม่ใช่หลานสาวคนแรกที่ร้องขอนางมาปรนนิบัติคุณชายซ่ง และไม่ใช่คนแรกที่ร้องไห้กลับบ้านหลังถูกอีกฝ่ายอาละวาดใส่ ดังนั้นยามได้ยินเซียวซูลี่เอ่ยตัดพ้อต่อว่าอนุเซียวก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาวพร้อมกับโบกมือให้สาวใช้ทั้งสี่พาหลานสาวนางจากไป ก่อนหันมาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบกับผู้มาเยือน
“ตั้งแต่คุณชายบาดเจ็บกลับมาก็อารมณ์ไม่คงที่ คุณหนูสามหากท่านไม่มีเรื่องด่วนข้าว่า...”
“ออกไปให้หมด!”
เสียงในเรือนดังขึ้นมาอีกครั้ง หูฉีเอ๋อร์ที่ติดตามคุณหนูของตนเข้ามาในเรือนหลังพลันตกใจจนตัวสั่น สองมือกำชายเสื้อของผู้เป็นนายเอาไว้มั่น เอ่ยกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณหนูเรากลับกันเถิดเจ้าค่ะ”
“คุณชายซ่งเป็นเช่นนี้ย่อมไม่แปลกอันใด”
หากเรื่องราวที่นางทราบมาไม่ผิดเพี้ยน การที่บุรุษผู้สง่าผ่าเผยเป็นถึงยอดกุนซือแห่งกองทัพกลับกลายมาเป็นเพียงบุรุษพิการ ในใจของเขาย่อมไม่อาจยอมรับโดยง่าย หากวิเคราะห์ดูแล้วยามนี้เขาคงอยู่ในระยะปฏิเสธการเจ็บป่วยของตนจะอาละวาดระบายอารมณ์ย่อมมไม่ใช่เรื่องแปลก อนุเซียวลี่หงมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย หากแต่ยามที่เห็นแววตาจริงจังห่วงใยของหวังเหม่ยหลินในใจของนางก็คลายความหวาดระแวงลงถึงหกส่วน
“อนุเซียว ท่านช่วยบอกอาการคุณชายซ่งให้ข้าฟังได้หรือไม่”
“นับจากเมื่อสามเดือนก่อนหลังจากที่คุณชายพลัดตกจากหลังม้า ขาทั้งสองข้างของเขาก็เสียความรู้สึกไม่อาจใช้การได้”
เรื่องนี้ไม่นับเป็นความลับผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนรับรู้กันหมด ดังนั้นอนุเซียวจึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง หวังเหม่ยหลินพยักหน้ารับคำหากอาการบาดเจ็บของคุณชายซ่งเกิดจากพลัดตกหลังม้า เช่นนั้นเมื่อวิเคราะห์ตามหลักการทางการแพทย์ในยุคของนางแล้วเป็นไปได้ว่าเส้นประสาทของเขาคงจะได้รับบาดเจ็บส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของอวัยวะช่วงล่าง
“ร่างกายคุณชายไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิงหรือว่ายังพอมีความรู้สึกบ้างเจ้าคะ”
“แรกเริ่มก็ยังพอมีความรู้สึกอยู่บ้าง แต่หนึ่งเดือนมานี้คล้ายจะแย่ลง”
“คุณชายควบคุมการขับถ่ายได้หรือไม่...”
“คุณหนู!”
หูฉีเอ๋อร์ดึงชายเสื้อคุณหนูของตนอีกครั้ง เรื่องน่าอายเช่นนี้ผู้ใดบ้างเอ่ยถามกันตรงๆ ทว่าอนุเซียวกลับพยักหน้ารับคำ หวังเหม่ยหลินถอนหายใจยาวอย่างน้อยอาการบาดเจ็บของเขาก็ยังพอมีหวังให้ฟื้นตัวได้บ้าง เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย
“เช่นนั้นข้าขอเข้าไปเยี่ยมคุณชายสักหน่อย”
ฟังเพียงอาการไม่อาจวิเคราะห์โรค นางยังคงต้องตรวจร่างกายของเขาเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย ทว่ายังไม่ทันก้าวเท้าอนุเซียวก็ขยับมาขวางทาง
“คุณหนูสามอย่าหาว่าข้าล่วงเกินเลย แต่หลายเดือนมานี้ท่านไม่เคยมาเยี่ยมคุณชายสักครั้ง เกรงว่าหากคุณชายพบท่านเข้าคงจะ...”
หวังเหม่ยหลินชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน คำเตือนนี้ของอนุเซียวย่อมไม่อาจปล่อยผ่าน ในฐานะคู่หมั้นหลายเดือนมานี้นางไม่เคยมาดูแลเขา ยามนี้หากคิดเข้าไปดูแลเกรงว่าในใจของอีกฝ่ายคงมองว่านางมาร้ายมากกว่าดี เช่นนี้แล้วเรื่องของการให้ความร่วมมือในการรักษาก็คงเป็นไปได้ยาก
“เช่นนั้นข้าขอยืมชุดสาวใช้จวนท่านสักหน่อย”
“คุณหนู! ไม่ได้นะเจ้าคะ!”
หูฉีเอ๋อร์เอ่ยห้ามเสียงดังขณะที่อนุเซียวเองก็ตกใจกับคำของอีกฝ่ายไม่น้อย หวังเหม่ยหลินอย่างไรก็มีฐานะเป็นบุตรีสายตรงของสกุลหวัง การที่นางจะสวมใส่ชุดสาวใช้ในจวนผู้อื่นเช่นนี้หากผู้อื่นรู้เข้าย่อมเป็นเรื่องเสื่อมเสีย
“ความหวังดีของคุณหนู ยามนายท่านกลับมาข้าจะเรียนนายท่านให้ทราบ แต่เกรงว่าการกระทำนี้จะไม่ค่อยเหมาะสมนัก”
หวังเหม่ยหลินมองสายตาที่แฝงหวาดระแวงของอนุเซียวแล้วพลันหนักใจ ใครใช้ให้หวังเหม่ยหลินในอดีตร้ายกาจจนผู้อื่นยากจะเชื่อใจกันเล่า เช่นนั้นหากตอนนี้นางไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้อนุเซียว ต่อไปภายหน้าการดูแลคนเจ็บคงยากจะสำเร็จได้ ดวงตาหวานมองไปยังสาวใช้ที่กำลังจะร่ำไห้แล้วเอื้อมมือไปกุมมือนาง หูฉีเอ๋อร์มองท่าทางของคุณหนูด้วยความสับสนระคนตกใจ
“ฉีเอ๋อร์ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าหลายเดือนมานี้ข้าศึกษาตำราแพทย์มากมายพวกนั้นไปทำไมกัน”
“คะ...คุณหนู... ท่าน...”
หูฉีเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็ก หลายเดือนมานี้คุณหนูของนางแต่ละวันเอาแต่สนใจเรื่องของคุณชายติง แล้วเวลาใดกันที่คุณหนูของนางศึกษาตำราแพทย์
“ในฐานะว่าที่ฮูหยิน การดูแลสามีย่อมเป็นสิ่งสมควรไม่ใช่หรือ”
อนุเซียวหรี่ตามองคุณหนูสามสกุลหวังตรงหน้า หากสิ่งที่นางกล่าวเป็นเรื่องจริงนั่นก็หมายความว่าที่ผ่านมานางคุณหนูสามไม่ได้ทอดทิ้งคุณชาย แต่นางกำลังศึกษาหาวิธีดูแลคุณชายอย่างนั้นหรือ
“เกรงว่าคงทำให้คุณหนูสามเสียเวลาเปล่าแล้ว อาการบาดเจ็บของคุณชายซ่ง ท่านหมอกงกล่าวว่าไม่อาจรักษาได้”
“แต่ฟื้นฟูได้”
“ฟื้นฟู...”
“ใช่! ข้าอ่านเจอตำราเล่มหนึ่งเล่าเรื่องการดูแลคนป่วยเช่นคุณชาย ที่แม้ไม่อาจกลับมาแข็งแรงเช่นเดิมแต่ช่วยฟื้นฟูได้”
อนุเซียวมองแววตามั่นคงจริงจังของอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจยาว เช่นนั้นลองดูก็ไม่นับว่าเสียหายอะไร อีกอย่างคุณหนูหวังผู้นี้ก็เป็นคู่หมั้นของคุณชายซ่ง ชีวิตที่เหลือในภายภาคหน้าย่อมผูกติดกัน ให้นางดูแลคุณชายเสียตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน
หวังเหม่ยหลินยิ้มกว้างยามที่เห็นท่าทางอ่อนลงของอนุเซียว เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าอนุญาตในใจของนางก็คล้ายยกภูเขาลูกใหญ่ออกไป เพียงแต่ยามที่ก้าวเท้าเข้าเรือนเล็กกลับถูกต้อนรับเสียงลั่น
“ออกไป!”
.....................................................................................