คำขอของมารดา
บางทีโลกใบนี้ก็ช่างใจร้าย ผู้ที่กำหนดดวงชะตาก็ช่างลำเอียงกับเธอเหลือเกิน เมื่อหญิงสาวที่เคยมีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น เพียบพร้อมทุกอย่าง เมื่อผู้เป็นบิดาจากไปหายนะกำลังจะคลืบคลานเข้ามาเยือนชีวิตของเธอ ชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยพบหน้า เขาไม่ต่างจากปีศาจร้ายในครสบของเทพบุตร แต่ใครหลายคนต่างชื่นชมในชีวิตที่สมบูรณ์แบบของชายหนุ่ม ทั้งที่จริงแล้วเนื้อแท้ของเตชินร้ายกาจยิ่งกว่าอสุรกายร้ายเสียอีก
แพทย์หญิงพุฒตาลกำลังนั่งเอนหลัง พร้อมทั้งพักสายตาที่อ่อนล้า อยู่ในห้องพักแพทย์ หลังจากที่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด ความมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความรู้ของเธอไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อหมอพุฒตาลตั้งใจที่จะสละเวลาที่มีทั้งหมดอุทิศตนเพื่อส่วนรวม เมื่อเธอเคยสูญเสียบิดาไป หมอสาวจึงเข้าใจหัวอกของคนไข้ ซึ่งฝากความหวังไว้ทั้งหมดกับหมอ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! แกร๊ก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูดังตามมาติดๆ ก่อนที่ร่างของหญิงวัยกลางคนจะโผล่เข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆ หมอสาว
“เหนื่อยไหมลูก” คำถามของมารดาดังขึ้น เมื่อเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวนั่งหลับตาเหมือนกับอดหลับอดนอนมาทั้งคืน
“นิดหน่อยค่ะแม่” หมอสาวตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ
"แม่มีธุระสำคัญจะคุยกับหมอสะดวกไหม”
"ตาลพอมีเวลาอีกประมาณสามสิบนาทีค่ะ แม่มีอะไรก็ว่ามาได้เลยค่ะ" หมอสาวพูดพร้อมกับหยิบผลไม้ที่แม่เตรียมมาให้เข้าปาก
“ถ้าแม่จะขออะไรจากหมอเรื่องหนึ่งจะได้ไหม” ผู้เป็นแม่พูดอย่างหยั่งเชิงลูกสาวเพราะสิ่งที่จะให้หมอพุฒตาลทำนั้นสำหรับแม่แล้วก็ลำบากใจอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่มีทางอื่นให้เลือก
“อะไรหรอคะแม่ว่ามาเลยค่ะ” หมอสาวพูดทั้งที่ปากก็ยังเคี้ยวผลไม้ตุ้ย ๆ อยู่เต็มปาก
“แม่จะขอให้หมอแต่งงานกับลูกชายเพื่อนแม่จะได้ไหม”
“ฮ๋า! แม่ว่าอะไรนะคะ” หมอสาวตกใจจนวางผลไม้ในมือลง อยู่ ๆ แม่จะให้แต่งงานมันเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในหัวเธอเลย
“พ่อเสียที่บ้านเราก็มีปัญหาเรื่องการเงิน แม่เลยไปหยิบยืมเขามาจ่ายค่าบ้าน แล้วก็ส่งเสียให้หมอเรียน ทั้งต้นทั้งดอกตอนนี้ก็เกือบยี่สิบล้านแล้ว”
“ฮ๋าา!... เขาคิดดอกรายวันเหรอคะแม่ ถึงได้เยอะแยะขนาดนั้น” เงินเกือบยี่สิบล้านเธอจะมีปัญญาไปหามาจากไหน งานก็เพิ่งทำได้เพียงแค่สองปี
“แม่กู้เขามาเกือบสิบปีแล้วนะ ถ้าเป็นคนอื่นดอกเบี้ยคงบานกว่านี้ นี่ถือว่าเป็นเพื่อนกัน” ผู้เป็นมารดาชี้แจงออกไป ให้ลูกสาวฟังถึงสาเหตุของการเป็นหนี้ก้อนโต
“แม่เป็นคนเสนอเงื่อนไขนี้ให้กับเขา หรือว่าทางโน้นเขาเสนอมาคะแม่” หมอสาวถามออกไปด้วยความสงสัย เธอจะทำยังไง หากการแต่งงานครั้งนี้ มันกระทบงานของเธอ แน่นอนหมอพุฒตาลรักอาชีพหมอมาก เธอสามารถอุทิศตนให้อาชีพนี้ได้ แล้วคนในครอบครัวของเขา ผู้ชายคนนั้น ที่ชื่อว่าสามี เขาจะเข้าใจเธอไหม หากเธอกลับบ้านไม่ตรงเวลา งานที่มีกะเช้ากะเย็นไหนจะเข้าเวรดึกๆ อีก
“เพื่อนของแม่เขาเป็นคนเสนอมา ตอนเล็ก ๆ แม่เคยเจอเตชิน เพราะแม่เขาพามาเล่นที่บ้านเราประจำ เขามีพี่ชายชื่อเตชิตตอนนั้นหนูยังไม่เกิดก็เลยไม่เจอกัน” ผู้เป็นมารดาอธิบายให้ลูกสาวฟัง เพราะเตชินน่าจะอายุห่างจากเธอประมาณปีสองปีได้
“เขามีเงื่อนไขอะไรหรือเปล่าคะแม่” ในโลกใบนี้คงจะไม่มีผู้หญิงคนไหน ใจเย็นเท่าหมอพุฒตาลอีกแล้ว นั่นคือเหตุผลที่มารดาของเตชินต้องการได้เธอไปเป็นลูกสะใภ้ เพื่อกำราบนิสัยของเตชิน ความใจเย็นของหมอพุฒตาลจะทำให้คนใจร้อนขวางโลกอย่างเตชินนั้น สงบลงได้ในความคิดของผู้เป็นมารดา
“หนี้สินทั้งหมดจะกลายเป็นศูนย์ หากลูกแต่งงานกับเตชิน”
“แล้วถ้าตาลไม่แต่งล่ะคะแม่” หมอสาวลุ้นคำตอบจากผู้เป็นมารดา ถ้าเธอไม่แต่งแล้วเขายืดระยะเวลาชำระหนี้ได้ เธอก็ยินดีจะหาเงินมาให้เขา ไม่ว่าจะต้องทำงานหนักแค่ไหนก็ตาม
“บ้านที่เราอยู่ก็จะถูกยึดไปทันที แม่ก็จะไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอน หนี้ทั้งหมดเขาจะฟ้องเรา และจะต้องไปขึ้นศาล เพื่อไกล่เกลี่ย ซึ่งแม่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาสู้คดี เพราะสู้ยังไงก็แพ้เขาอยู่ดี” คำพูดของผู้เป็นมารดาชั่งเป็นทางเลือกที่ดีให้เธอเหลือเกิน เพราะนั่นหมายถึงมันมีทางเดียว คือเธอต้องแต่งงานกับเขา ไม่อย่างนั้นมารดาของเธอก็ต้องย้ายบ้าน หาที่อยู่ใหม่ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งเธอก็อยากรักษาสมบัติชิ้นเดียว ที่บิดามีไว้ให้กับความผูกพัน ของคำว่าครอบครัว ที่อยู่ในบ้านหลังนั้นตั้งแต่เล็กจนโตเอาไว้
“ตกลงค่ะแม่ ตาลจะแต่งงานกับเขา” “จริงหรอลูก ขอบใจมากนะ ขอบใจที่ช่วยแม่” ผู้เป็นมารดาโอบลูกเข้าไปในอ้อมกอด นางจะรู้ไหมว่าหมอพุฒตาล ต้องฝืนความรู้สึกตัวเองแค่ไหน กับการแต่งงานครั้งนี้ เมื่อผู้เป็นมารดาออกจากห้องไป หมอพุฒตาลเอนหลังลงกับโซฟาอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ นึกถึงเหตุการณ์ในอนาคต ที่กำลังจะเกิดขึ้น กับอิสรภาพที่เคยมีกำลังจะจบสิ้นลงในไม่ช้านี้