“ฮัดเช้ย!...ฮะ...ฮัดเช้ย!”
เสียงจามที่ดังต่อเนื่องกันหลายครั้งจากห้องนอนของสิตามนินท์ทำให้ปราการที่กำลังวางถ้วยใส่ซุปร้อน ๆ ลงบนโต๊ะในห้องครัวต้องรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของผู้เป็นน้องสาว
เมื่อเข้าไปภายในนั้นเขาก็เห็นว่าหญิงสาวร่างบางในชุดกระโปรงนั่งขยี้จมูกอยู่บนเตียง ท้องฟ้าภายนอกมืดลงแล้ว อากาศยังคงหนาวเหน็บเพราะอุณหภูมิติดลบอยู่ที่ประมาณลบสององศา ถึงแม้ภายในห้องจะเปิดฮีทเตอร์ทำความร้อนแต่ก็ดูเหมือนอาการของน้องสาวจะยังย่ำแย่เพราะเธอแพ้อากาศตั้งแต่ตอนเดินทางมาถึงที่นี่
“นิน...เป็นยังไงบ้าง พี่ทำซุปร้อน ๆ ไว้ให้นินแล้วนะ”
ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ หญิงสาวที่หยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดจมูกโด่งเล็กที่ตอนนี้เป็นสีแดงเรื่อ แม้แต่แก้มนวลก็แดงก่ำขึ้นมาด้วย
“พี่ปราการคะ นินจะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ย?”
เธอถามขณะแปะทิชชูแผ่นนั้นไว้บนจมูก ปราการยิ้มอ่อนโยนก่อนตอบ
“ไม่หรอกจ้ะ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ร่างกายของนินกำลังปรับตัว เชื่อมั้ยล่ะว่าตอนพี่มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ พี่แพ้อากาศมากกว่านินเสียอีกนะ”
“แล้วอย่างนี้นินจะออกไปเที่ยวกับพี่ปราการได้รึเปล่าคะ นินคงต้องนอนอยู่ในนี้เป็นอาทิตย์แน่ ๆ เลย”
“ไนพี่ดูหน่อยซิว่านินตัวร้อนหรือเปล่า”
ชายหนุ่มแนบหลังมือลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาและรับรู้ถึงความอุ่นบนผิว
“ตัวไม่ร้อน แค่อุ่น ๆ “
“พี่ปราการคะ” สิตามนินท์จับมือของชายหนุ่มที่ยังอยู่บนหน้าผากของเธอเอาไว้ ในวินาทีนั้นเองที่ปราการรู้สึกเหมือนมีประกายไฟแล่นมากจากตัวของหญิงสาวและพุ่งเข้าช็อตตัวเขา
“นิน” เขาครางออกมาแต่ไม่ได้ดึงมือออกจากหน้าผากเกลี้ยงมน สิตามนินท์จับมือของเขาไว้ก่อนลดมันลงมาแนบกับแก้มเนียน
“พี่ปราการเป็นห่วงนินจริงหรือคะ พี่ปราการไม่ได้แกล้งทำให้นินดีใจใช่ไหมคะ?”
“ทำไมพี่ต้องแกล้งนินด้วยล่ะ” เสียงทุ้มลึกสั่นเลกน้อย “นินไม่สบายอย่างนี้จะไม่ให้พี่เป็นห่วงนินได้ยังไง”
“ไม่ใช่ค่ะ...นินไม่ได้อยากให้พี่ปราการแค่เป็นห่วง”
หญิงสาวกล่าวพลางขยับตัวเข้าใกล้ร่างสูงที่นั่งอยู่ขอบเตียงและหันหน้ามาหาเธอ ร่างแน่งน้อยกุมมือหนานั้นแนบแก้มและยกมือของเธออีกข้างลูบบนสันกรามแกร่งของเขา
“พี่ปราการคะ รู้มั้ยคะว่าตอนที่พี่ปราการไม่อยู่ นินคิดถึงพี่มาก นินคิดว่าพี่มาอยู่ที่นี่แล้วพี่จะได้พบกับแหม่ม มีแฟนเป็นแหม่มและแต่งงานอยู่ที่นี่ พี่ไม่รู้หรอกค่ะว่านินกลัวแค่ไหนที่จะได้รับรู้ข่าวนี้ ทุกครั้งที่พี่ติดต่อไปหาคุณแม่ นินก็จะเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อว่าพี่ปราการจะกลับบ้านเมื่อไหร่ จะกลับไปคนเดียวมั้ย พี่ปราการจะพาใครกลับไป หรือว่า...”
เสียงของเธอขาดหายไปในลำคอเมื่อกลีบปากนุ่มถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากหนาด้วยความนุ่มนวล สิตามนินท์เบิกตากว้าง ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้รับจุมพิตแรกจากคนที่เธอเรียกเขาว่าพี่ชายมาเกือบยี่สิบปี
หลังจากนั้นหญิงสาวจึงหลับตาลง รับจูบอันนุ่มละมุนของเขาที่ประจงมอบให้ ลิ้นอุ่นของเขาแทรกเข้าไปในปากจิ้มลิ้ม ซอกซอนไปทุกที่ในอุ้งปากเล็ก สิตามนินท์รับจุมพิตนั้นอย่างสะเปะสะปะ ก็เธอไม่เคยจูบใครนี่นา ไม่สิ...นี่เธอถูกเขาขโมยจูบต่างหาก แต่ปราการคือขโมยที่เธอยินยอมและเต็มใจให้เขาจูบเธอเนิ่นนานเท่าที่เขาปรารถนา
“อืม...อือ” สิตามนินท์ครางในลำคอเบา ๆ กับประสบการณ์ที่เธอไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้รับจากเขา นี่เป็นสิ่งที่เธอรอคอยมาเนิ่นนานไม่ใช่หรือ หญิงสาวเบียดตัวเข้าหาร่างสูง โอบลำแขนเรียวไปรอบลำคอ ปราการจูบเธอเนิ่นนาน และเหมือนเขาหิวกระหาย มันเป็นจูบแสนรัญจวนหัวใจ จูบกับผู้ชายมันเป็นแบบนี้นี่เอง
ปากและลิ้นของปราการทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกถึงความปั่นป่วนในช่องท้อง มันไม่ใช่แค่ความหวั่นหวามธรรมดา แต่มันเป็นรสชาติละมุนละไมที่ปลุกไฟร้อนในกายเธอให้ค่อย ๆ ลุกโพลงขึ้น
“พี่ปราการ” สิตามนินท์ยังกอดชายหนุ่มไว้แน่นเมื่อเขาถอนริมฝีปากออกจากกลีบปากของเธอ
“นิน...พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ” ปราการหอบหายใจหนัก ลมหายใจของเขารดอยู่บนปลายจมูกของหญิงสาว
“ไม่ค่ะ...พี่ปราการไม่ต้องขอโทษ นินเต็มใจค่ะ พี่ปราการคะ นินเต็มใจอย่างที่สุดค่ะ”
“พี่ทำผิดนะนิน...นินเป็นลูกของผู้มีพระคุณของพี่ พี่ไม่ควรทำอย่างนี้เลย”
“อย่าค่ะ..พี่ปราการ” หญิงสาวรั้งเขาไว้ด้วยลำแขนเรียวราวลำเทียนทั้งสองข้างที่กอดกระหวัดไว้แนบแน่น
“พี่ปราการจะทิ้งนินไปเหมือนตอนที่พี่มาเรียนที่เยอรมันอย่างนั้นหรือคะ”
สิตามนินท์ตัดพ้ออยู่ชิดริมฝีปากของเขา ดวงตากลมโตมีรอยน้ำรื้นขึ้นมาและมันฉุดความรู้สึกต่อต้านของชายหนุ่มให้อ่อนยวบ
“พี่ปราการใจร้ายที่สุดเลย พี่มาเรียนที่เยอรมันจบแล้วก็ทำงานที่นี่ ไม่ยอมแม้แต่จะโทรหานินสักครั้ง นินคิดถึงพี่มากแค่ไหนพี่รู้ไหมคะ”
“นิน...นินไม่รู้หรอกว่าพี่คิดถึงนินมากแค่ไหน” ปราการกอดเธอตอบในที่สุด เบียดอกกว้างกับอกนุ่มนิ่ม เขาปฏิเสธหัวใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
“นินไม่รู้หรอกว่าเวลานั้นสำหรับพี่มันทุกข์ทรมานมากแค่ไหน กับการที่เราต้องพยายามทำเป็นไม่สนใจ พยายามไม่คิดถึง และพยายามที่จะพาหัวใจตัวเองหนีไปให้ไกล”
“พี่ปราการ” สิตามนินท์ชะงักไปชั่วขณะ ปราการแนบริมฝีปากลงกับกลีบปากนุ่มอีกครั้ง ดูดดื่มยิ่งกว่าครั้งแรก
“พี่ปราการหนีอะไรคะ?”