บทที่ 05 ผู้ชายนิสัยไม่ดี
สองวันต่อมา
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงรองเท้าส้นสูงของฉันตกกระทบพื้นในขณะที่ฉันกำลังก้าวขาออกมาจากห้องสตูดิโอ เมื่อถ่ายแบบเสร็จ ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูที่บ่งบอกเวลาเที่ยงตรง ที่ฉันรีบเดินแบบนี้เพราะวันนี้ฉันมีนัดเอาเสื้อช็อปตัวปัญหาไปคืนให้นายคนนั่นน่ะสิ รีบๆ เอาไปคืนจะได้จบๆ สักที ไม่มีเรื่องอะไรติดค้างกันอีก
"เฟรย่า" เสียงของพี่อิงฟ้าตะโกนตามหลังของฉัน ทำให้ฉันหยุดชะงักหมุนตัวหันไปมอง ก็เจอพี่อิงฟ้ากำลังวิ่งตามมา ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉัน "รีบไปไหนคะเนี่ย"
"เฟรมีธุระค่ะ พี่ฟ้ามีอะไรรึเปล่าคะ?"
"ธุระอะไรคะ ทำไมรีบร้อนแบบนี้" ฉันก็เงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไป ก่อนที่พี่อิงฟ้าจะยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน ทำให้ฉันเลิกคิ้วยุ่ง นี่ฉันรีบจนลืมโทรศัพท์เลยเหรอเนี่ย "รีบจนลืมของเลยนะเราเนี่ย"
"อุ๊ย ขอบคุณนะคะ" ฉันรีบกล่าวคำขอบคุณ เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือจากมือพี่อิงฟ้ามาถือไว้ "งั้นเฟรไปก่อนนะคะ"
"ค่ะ" พี่อิงฟ้ายกยิ้ม ฉันจึงหมุนตัวเดินไปที่โรงจอดรถ
"มาถ่ายแบบที่นี่เหรอ?" ฉันหยุดชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวขาไปที่รถของตัวเอง เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมปรากฎตัวผู้ชายรูปร่างสูง หุ่นดี หน้าตาหล่อเหลาสไตล์ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวกางเกงสแล็คสีดำ สบายๆ แต่มันกลับทำให้เขาดูดีมากๆ
"อือ" ฉันตอบกลับอินทิชเพื่อนในวงการออกไปสั้นๆ
"เย็นนี้ไปดื่มหน่อยไหม ฉันกับเธอเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่องานเดินแบบแบรนด์น้ำหอม สองเดือนก่อน"
"หึ" ฉันแค่นหัวเราะขึ้นเบาๆ "คิดถึงฉัน?"
"..." อินทัชกระตุกยิ้มร้าย ก้าวขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ในระยะประชิดตัว โดยที่ฉันก็ไม่ได้ถอยห่างออกไปแต่อย่างใด "คิดถึงไม่ได้รึไง"
"ถอยออกไป" ฉันออกคำสั่งเสียงเรียบ โดยที่อินทัชก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ยอมถอยห่างออกไปจากตัวของฉัน
"ถ้าไม่ใช่เวลางานฉันคงเข้าใกล้เธอในระยะประชิดไม่ได้สินะ" อินทัชเอ่ยขึ้นพร้อมส่ายหน้าไปมา
ฉันกับอินทัชเราเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ทำให้เราสองคนสนิทกันพอสมควร แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาเจอกันเท่าไหร่ ด้วยความที่เวลาไม่ค่อยตรงกัน และเมื่อกี้ที่อินทัชเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน ฉันรู้ว่าเขาต้องการแกล้งฉันไปงั้นแหละ
"..." ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไป ยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นดู ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าอินทัชอีกครั้ง "ฉันต้องไปแล้ว"
"ตกลงเย็นนี้เธอจะมาไหม?"
"ที่ไหน ไม่ไปผับพ่อฉันนะ"
"คลับเดิม" อินทัชตอบสั้นๆ ฉันจึงพยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินไปขึ้นรถ แล้วขับรถออกไปทันที
ตู้ดดดด~ ตู้ดดดด~
ระหว่างที่ฉันขับรถมุ่งหน้าไปที่มหา'ลัย ฉันก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกหาลิลิน ลูกสาวของคุณอาฟีนิกซ์ เพื่อนของพ่อฉัน
(ฮัลโหลค่ะพี่เฟรย่า) เสียงเล็กเสียงน้อยดังเล็ดลอดเข้ามาด้วยท่าทางเอ็นดู ซึ่งมันทำให้ฉันยกยิ้มออกมาบางๆ
"ลินว่างไหมพี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อย" ลิลินคือคำตอบสุดท้ายของเรื่องนี้ ที่จริงฉันจะโทรหาวิลเซอร์นะ แต่ฉันคิดว่าถึงฉันจะโทรจนสายไหม้คาหู วิลเซอร์ก็ไม่ยอมรับหรอก ถึงยอมรับวิลเซอร์ก็จะตอบสั้นๆ ว่า ไม่ และมันจะทำให้ฉันอารมณ์เสีย เลยเลี่ยงไอ้น้องนิสัยไม่ดีคนนั้นดีกว่า
(ตอนไหนคะ ถ้าตอนนี้ลินไม่ว่างค่ะ) คำตอบของลิลินมันเหมือนมีไม้หน้าสามมาทุบที่ศีรษะของฉันอย่างแรง
"แค่สิบนาทีไม่ได้เหรอคะ พี่เดือนร้อนจริงๆ"
(สิบนาทีเหรอคะ ว่าแต่พี่เฟรมีอะไรให้ลินช่วยคะ?) ฉันยกยิ้มออกมาทันทีราวกับคนมีหวัง
"พอดีพี่ต้องเอาเสื้อไปคืนที่คณะวิศวะฯ มหา'ลัยที่ลินเรียนค่ะ เลยอยากให้ลินพาพี่สาวคนนี้ไปหน่อยได้ไหมคะ พี่ไม่รู้จักเลย"
(ทำไมพี่เฟรไม่โทรหาพี่วิลคะ พี่วิลเรียนที่คณะนั้นไม่ใช่เหรอ?)
"วิลไม่ชอบรับสายพี่" พูดแล้วอยากจะฆ่าน้องบ้าคนนั้นให้ตายไปเลย
(แต่ตอนนี้ลินไม่ได้อยู่ที่มหา'ลัยค่ะ พี่เฟรลองโทรหาพี่วิลอีกครั้งไหมคะ)
"งั้นลินช่วยโทรหาวิลให้พี่หน่อยได้ไหม ถ้าเป็นสายของลินโทรไปวิลอาจจะรับก็ได้นะ"
(อย่าว่าแต่รับเลยค่ะ ขนาดเดินผ่านกันพี่วิลยังเมินลินเลย ลินไม่อยากกวนพี่วิลค่ะ)
"พี่จะทำยังไงดีเนี่ย" ฉันพำพึมอย่างคนหมดหวัง ก่อนจะตบไฟเลี้ยวเข้าไปในมหา'ลัย พร้อมจอดเทียบที่ข้างฟุตบาท ซึ่งอยู่ที่ไหนในมหา'ลัยก็ไม่รู้ ก็ฉันไม่เคยเรียนที่นี่หนิ ฉันจบนอกนะเว้ย
(งั้นลินช่วยบอกทางดีไหมคะ ตอนนี้พี่เฟรอยู่ตรงไหนเหรอคะ)
"ได้ค่ะ พี่เพิ่งเข้ามาในรั่วมหา'ลัยเอง จอดอยู่ข้างฟุตบาทเนี่ย"
(อ๋อ พี่เฟรขับตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ แล้วมันจะมีป้ายชี้ไปที่คณะวิศวะฯ พี่เฟรไปตามป้ายได้เลย แค่คณะนี้จะไกลนิดหน่อยนะคะ)
"ได้ค่ะ ขอบคุณนะ"
(ยินดีค่ะ ถ้าหลงหรืออะไรโทรหาลินได้นะคะ)
"ค่ะ"
"เฮ้อออ" ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ เมื่อฉันกดวางสายจากลิลินเรียบร้อย ก่อนจะทิ้งโทรศัพท์ลงที่เบาะข้างคนขับ จากนั้นก็ขับรถตรงไปเรื่อยๆ และไปตามป้ายที่ลิลินบอก
จนกระทั่งฉันขับมาเรื่อยๆ จนมาถึงป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ ฉันจึงยกยิ้มออกมาบางๆ ขับรถเข้าไปจอดเทียบฟุตบาท ก่อนจะใช้สายตาสอดส่องหาผู้ชายคนนั้น
แต่ฉันลืมอะไรไปรึเปล่าเนี่ย ฉันมาหาผู้ชายคนนั้นทั้งๆ ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่มีเบอร์ติดต่อ ไม่รู้ว่าเขามีเรียนกี่โมงอย่างนี้น่ะเหรอ
ฉันจึงเบือนสายตากลับมา หันไปจดจ้องที่เสื้อช็อปวิศวะฯ ที่วางอยู่ที่เบาะรถข้างคนขับ มือเล็กเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะเลิกคิ้วยุ่งเมื่อเห็นด้ายสีขาวปักอยู่ที่หน้าอกด้านขวาคำว่า 'Martin'
"ชื่อมาร์ตินงั้นเหรอ" ฉันพึมพำเบาๆ ละสายตาจากเสื้อช็อปมองออกไปที่นอกกระจกรถอีกครั้ง แต่ก็ไร้วี่แววของผู้ชายคนนั้น
"ฉันมารออะไรเนี่ย" ฉันบ่นพึมพำอีกครั้งเมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อฉันนั่งรอผู้ชายที่ชื่อมาร์ตินมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ฉันจึงใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ บริเวณนี้อีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูลงไป โดยที่มือของฉันก็ถือเสื้อช็อปตัวนี้ไม่วาง
"กรี๊ดดดดด!" ฉันกรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ ในระหว่างที่ฉันกำลังจะก้าวขาข้ามถนนเพื่อที่จะเดินเข้าไปในตึกเรียนของคณะวิศวะฯ ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่จังหวะที่สองเท้ากำลังจะก้าวไป อยู่ๆ ก็มีรถสปอร์ตหรูคันนึงวิ่งเข้ามาตัดหน้าฉันจนฉันต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ และหวาดกลัว
"เอาคืนมา" เสียงเข้มของใครบางคนดังขึ้น ดึงสติของฉันให้กลับมา ก่อนที่ฉันจะหันขวับไปมองยังต้นเสียงนั้น ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อผู้ชายคนนั้นคือมาร์ติน แถมเขายังเดินลงมาจากรถคันที่เกือบจะชนฉันเมื่อกี้ด้วย
"ขับรถบ้าอะไรของนาย นายไม่เห็นคนรึไง" ฉันต่อว่าออกไป โดยที่ยังไม่ได้คืนเสื้อช็อปวิศวะฯ ให้เขา
"เห็น" คำพูดสั้นๆ หลุดออกมาจากปากของมาร์ติน มันยิ่งทำให้ฉันอยากจะร้องกรี๊ดด้วยความโมโห แสดงว่าเขาเห็นและตั้งใจจะชนฉันงั้นเหรอ
"ถ้าฉันบาดเจ็บ ฉันไม่ไว้หน้านายแน่"
"เอาเสื้อคืนมา" เขาไม่ได้สนใจฉันเลยสักนิด
"ทำไมนายเป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้ มาร์ติน" ฉันกระแทกเสียงออกไป ยื่นเสื้อช็อปให้เขาอย่างไม่เต็มใจนัก โดยที่เขาก็เอื้อมมือมารับ
"เหอะ" มาร์ตินหัวเราะในลำคอเบาๆ "รู้จักฉันแล้วเหรอ ถึงมาว่าฉันนิสัยไม่ดี"
"ไม่ต้องรู้จักมาก ฉันก็รู้ว่านายนิสัยไม่ดี"
"ฉันอาจจะไม่ได้แค่นิสัยไม่ดีก็ได้" รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นมาที่ใบหน้าของมาร์ติน เขาจับเสื้อช็อปขึ้นพาดที่ไหล่ หมุนตัวจะเดินไปขึ้นรถ
หมับ!
"เดี๋ยว" แต่ฉันไม่ยอมให้เขาเดินหนีไปง่ายๆ หรอก ถ้าเกิดว่าเขายังไม่ขอโทษที่เมื่อกี้เกือบจะขับรถชนฉัน ฉันจึงใช้มือไปจับแขนเขาเอาไว้ โดยที่เขาก็หันมามอง ใช้สายตาลงมองที่มือของฉันที่จับแขนเขาอยู่ ก่อนที่ฉันจะรีบปล่อย "นายควรขอโทษฉัน"
"เรื่อง?"
ยังมีหน้ามาถามอีกนะ ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ ว่านายนี่ต้องนิสัยไม่ดีมากๆ
"นายยังกล้าถามอีกเหรอ?" ฉันยกมือขึ้นกอดอกมองหน้ามาร์ตินนิ่งๆ "เมื่อกี้นายตั้งใจขับรถจะชนฉัน นายต้องขอโทษ"
"ถ้าขึ้นชื่อว่าตั้งใจ ทำไมต้องขอโทษ" มาร์ตินเลิกคิ้วขึ้นด้วยใบหน้าไม่สะทกสะท้าน หรือรู้สึกผิดอะไรเลยสักนิด
"นี่มาร์ติน!" ฉันกระแทกเสียงออกไปอีกครั้ง "เป็นเด็กเป็นเล็กทำผิดควรขอโทษนะ อย่าให้ฉันต้องโมโหไปมากกว่านี้ เพราะชีวิตนายอาจจะไม่สงบสุขอีกต่อไป"
"อย่าพยศให้มันมาก เจ็บมามันไม่คุ้ม" มาร์ตินพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวในคำพูดของฉันเลย แต่ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป เขาก็เดินไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว โดยที่ฉันได้เพียงแค่ยืนกำหมัดแน่นมองตามรถของเขาที่วิ่งออกไป
นายนี่ไม่รู้เลยเหรอว่าฉันออกปากแค่คำเดียว เขาก็สามารถหายไปจากโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย