“มันต้องแบบนี้สิ!” หลังจากที่เจนิสเอ่ยพลางมองไปยังไคลน์ด้วยความรู้สึกสะใจ ครืดดด~ เสียงโทรศัพท์ของเคลย์ที่นั่งอยู่ด้านข้างใบข้าวก็ดังขึ้น ทำให้มือแกร่งเอื้อมลงไปหยิบขึ้นมากดรับสายด้วยใบหน้าเรียบนิ่งปกติ ก่อนจะกรอกเสียตอบกลับยังปลายสาย “อืม เดี๋ยวไป” พูดจบ นิ้วหนาก็จัดการกดตัดสายคนที่โทรเข้ามาพร้อมกับหันบอกกับทุกคนที่นั่งอยู่ “เดี๋ยวต้องไปก่อน” “พี่เคลย์จะไปแล้วเหรอ” เจนิสถามด้วยโทนเสียงท่าทีเต็มไปด้วยความดูเสียดายชัดเจน วินเซนต์ที่เห็นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “แล้วจะไปยุ่งอะไรกับมันนัก” “ไม่ใช่เรื่องของพี่วินเซนต์!…” ร่างบางหันไปตอบกลับใส่รุ่นพี่หนุ่มที่ตัวเองยังคงมีความตั้งใจโกรธเคืองอยู่ทันควัน พลางหันไปพูดคุยกับเคลย์ต่อ “แล้ววันอาทิตย์พี่เคลย์จะมาช่วยจัดซุ้มไหม” “ถ้าว่างจะไป” “ต้องมานะ” เจนิสเอ่ยบอกรุ่นพี่หนุ่มด้วยความอยากให้อีกคนมา พลางไม่รอช้าที่จะหันไปหาใบข้าว “พูดอะไรกับพี่เ