“ห่างสี่สิบสิดี นอนให้ปล้ำสองสามทีมันก็หัวใจวายตายห่าแล้ว” พรรณีกระซิบตอบลูกสาวคนเล็ก ลืมไปว่าเสี่ยไก่ชะเง้อคอมาแอบฟัง
“ถึงเสี่ยจะหกสิบแต่หัวใจยังวัยรุ่นอยู่นะจ๊ะ หึหึ น้องวา 19 แล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าพรรณีคุยน้องวาให้เสี่ยได้ เสี่ยยกหนี้ให้ แถมเงินให้อีกแสนหนึ่งเลยก็ได้นะ พรรณี เจ้าวิน กับน้องวิวจะได้สบายมีเงินใช้”
“ให้หนึ่งแสนเลยเหรอเสี่ย ตกลง ฉันตกลง ยกนังวาให้เสี่ยเลย!”
พรรณีตาโตกับจำนวนเงินกินเปล่าหลักแสน ตอบตกลงเร็วจนวรรณาห้ามไม่ทัน ลูกสาวคนเล็กจะอ้าปากคัดค้านตอนไหนพรรณีเอามือไปปิดปากไว้ หันไปส่งยิ้มให้ว่าที่ลูกเขยที่ดูเหมือนจะแก่จนเป็นตาของลูกสาวตนได้ แต่ช่างสิ ถ้ามีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ จะตาจะปู่ก็เอาเถอะ พรรณีพร้อมยกลูกสาวคนรองให้ไปอยู่กับเสี่ย เพื่อความสุขสบายของวริศราและเผื่อแผ่ความสุขนั้นมาถึงคนในครอบครัว
“แม่!” วรรณาเพิ่งปลดมือเค็มไพ่ของแม่ออกได้ เตรียมโวยวาย ไม่ยอมให้แม่ขายพี่สาวเหมือนผักปลา คราวนี้วรรณาถูกพรรณีฟาดแขนเข้าเต็มๆ ไม่ใช่แค่แกล้งจะตีแต่ไม่ตี วรรณาเบะปากเพราะเจ็บ โกรธเสี่ยไก่ โกรธแม่ และเจ็บใจในเวลาเดียวกัน
“เงียบ” พรรณีขึงตาดุ ไม่ให้ลูกสาวคนเล็กสอดปากเข้ามาตอนที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน ก่อนจะไปจ๊ะจ๋าพูดหวานกับเสี่ยไก่ “อย่าถือสาน้องวิวเลยนะคะเสี่ย น้องวิวยังเด็ก แกไม่เข้าใจหรอก เสี่ยไม่ต้องเป็นห่วง น้องวาพูดง่าย รอเลิกงาน พรรณีจะคุยกับลูกให้ลูกไปหาเสี่ย จะให้อยู่กี่วันดีเอ่ย อาทิตย์ละหนึ่งวัน สองวัน หรือสามวัน”
“เจ็ดวัน” เสี่ยไก่ตอบเร็ว เนื้อสาวสดๆ ซิงๆ แค่อาทิตย์ละ 2-3 วันจะไปพออะไร คนอย่างเสี่ยไก่ต้องนอนกกให้ครบ 7 วันต่อสัปดาห์ “ให้น้องวาลาออกจากงานได้เลย พรรณีไม่ต้องห่วงน้องวาจะขาดรายได้ เสี่ยจะให้ใช้เดือนละสี่ซ้าห้าหมื่น”
“อุ๊ย สี่ซ้าห้าหมื่นเลยเหรอเสี่ย ใจดีให้สินสอดน้องวาเยอะขนาดนี้ น้องวารู้เข้าต้องดีใจแน่เลย เสี่ยเตรียมห้องหอไว้รอเลยนะคะ ไม่เกินวันสองวันนี้พรรณีจะพาน้องวาไปส่งถึงบ้าน”
“ดีมาก พรรณีพานังหนูวาไปส่งให้เสี่ยที่บ่อนวันไหน รับเงินสดไปทันที หนึ่งแสน หึหึ” เสี่ยไก่ตบข้างขากางเกงอวดความหนักของกระเป๋าเงิน เขาลูบหนวดเครานัยน์ตาหวานเยิ้ม แค่นึกถึงใบหน้าสวยหวานของนังหนูวา ร่างกายแห้งเหี่ยวของเสี่ยไก่ก็กลับมากระปรี้กระเปร่า
“ไปดีมาดีนะคะเสี่ย ไว้วันหลังแวะเวียนมาเยี่ยมกันอีก” อารมณ์เสียจากเสียไพ่มาทั้งวันพรรณีเพิ่งจะกลับมาอารมณ์ดี เสี่ยไก่ลดกระจกลงโบกมือลาตนกับลูกสาวคนเล็ก พรรณีขี้ประจบ โบกมือตอบจนกระทั่งรถเอสยูวีคันใหญ่เลี้ยวพ้นรั้วไม้จึงลดมือลง ทว่าริมฝีปากแดงแจ๋นั้นยังยิ้มพราย ฝันกลางวันไปถึงเงินสดหนึ่งแสนที่จะได้รับ
“อีหนูวาลูกแม่ สมกับที่เป็นลูกรักของกูจริงๆ นังลูกมหาจำเริญ” ได้เงินมา พรรณีจะเปิดบ่อนเอาให้ลือลั่นไปทั้งตำบล ส่วนหนึ่งต้องเจียดเงินไปใต้โต๊ะ จะได้ไม่ต้องวงแตกวิ่งหนีจนไปตกบ่อเกรอะเหมือนรอบก่อน ที่ไม่รู้ว่าไอ้อีคนไหนมันเสียไพ่แล้วโทรไปแจ้งตำรวจ
“แม่โชคดี แต่พี่วาอะโชคร้าย ที่เกิดมาเป็นลูกแม่!”
“อ้าว อีนี่ เดี๋ยวหลังแหวนกูก็ฟาดลงหัวมึงอีกรอบหรอกอีวิว!”
“ฟาดเลย! ชาวบ้านจะได้รู้กันว่าแม่ใจร้ายมากแค่ไหน ที่ทั้งตีวิว ทั้งขายพี่วา แม่ทำได้ยังไง ทั้งที่พี่วามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“ไอ้หนึ่งน่ะเหรอ เหอะ อย่าพูดให้กูขำ! มันเป็นถึงลูกเจ้าของร้านขายเฟอร์นิเจอร์ มันไปเรียนกรุงเทพฯ ป่านนี้คงมีแฟนเป็นคนกรุงเทพฯ ไปแล้ว พอมันเรียนจบมา มันมีหน้ามีตา มีงานดีๆ ทำ ส่วนพี่วาของมึงเรียนจบแค่ชั้น ม.6 เป็นสาวโรงงานเงินเดือนแค่พอยาไส้ แม่ของไอ้หนึ่งมันคงจะยอมรับพี่สาวมึงอยู่หรอกมั้ง นังโง่ มึงเลิกพูด แล้วไปซื้อน้ำแข็งมาใส่กระติก กูหิวน้ำ! ซื้อมาแค่สิบบาทก็พอ มึงเอาเงินมึงนั่นแหละจ่าย ไม่งั้นก็ให้แม่ค้าลงสมุดไว้ รอพี่มึงว่างวันไหนจะให้มันไปจ่าย”
“สิบบาทยังเซ็น โธ่เอ๊ย วิวอยากหนีออกจากบ้านชะมัดเลยแม่!”
“มึงจะหนีไปไหนก็ไปเลย ดี จะได้ไม่ต้องมีใครมาหารค่าน้ำนมอีแต๋นอีแตนกับกู” พรรณีตะโกนด่าไล่หลังลูกสาวคนเล็กที่บิดมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปค่อนข้างแรง ให้ออกค่าน้ำแข็งแค่สิบบาททำเป็นบ่น ถ้ามีเงินก็ให้ไปแล้วสิ แต่ตอนนี้แค่เศษสตางค์ยังไม่มีเลยเถอะ พรรณีพลิกหาเศษเงินตามตะเข็บผ้าถุงแล้วกลับมาหงุดหงิดอีกครั้ง เพราะเสียไพ่เยอะจนไม่เหลือเงินไว้ซื้อข้าวกิน