“น้องรักต้องไปที่ห้องท่านประธานแล้วล่ะค่ะ”
เข้ามายังไม่ทันได้นั่งด้วยซ้ำ ดวงใจก็ยื่นแฟ้มให้พร้อมกับบุ้ยหน้าไปหาห้องที่เธอไม่อยากเข้าไปเลย
“ทำไมล่ะคะพี่ดวง”
“พี่ไม่ทราบค่ะ คุณท่านเพิ่งโทรสั่งเมื่อกี้เอง ตามมาค่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ไม่กี่อึดใจ ก็มายืนอยู่หน้าโต๊ะของราตรีเรียบร้อยแล้ว พร้อมกระเป๋าสะพาย กระเป๋าโน้ตบุ๊กและแฟ้มที่ดวงใจยัดใส่มือให้
“เชิญค่ะคุณน้องรัก”
รักศิกาญจน์ยังไม่ได้ถามไถ่ใดๆ ราตรีก็ผายมือไปประตูห้องท่านประธานแล้ว
“คุณน้องรักมาแล้วค่ะบอส”
เห็นคนส่วนใหญ่เรียกแบบนี้ ราตรีเลยเปลี่ยนมาเรียกบ้าง จะได้เหมือนคนอื่น เพราะดูทรงแล้ว รักศิกาญจน์น่าจะเป็นบุคคลที่คุณท่านให้ความเอ็นดูมากเป็นพิเศษ การไหลไปตามน้ำ ไม่เอาเรือไปขวางน้ำกำลังเชี่ยว เป็นคุณสมบัติพิเศษที่เลขาของท่านประธานบริหารจะต้องมีติดตัว
“คุณน้องรัก” ทำเอาเจ้านายที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ถึงกับนิ่วหน้า แล้วเงยขึ้นไปหาเลขา
“ตุ่มเห็นว่าเรียกแบบนี้น่ารักดีค่ะ แล้วก็เหมือนสนิทกันมากด้วย เลยเรียกบ้าง”
หึ
เจ้านายหนุ่มกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง แล้วก้มไปหาเอกสารต่อ ส่วนราตรีก็รีบออกจากห้อง เพราะมีงานค้างอีกเพียบ
“เชิญ อยากนั่งตรงไหนเลือกเอาตามสบาย”
มือผาย ปากส่งเสียงห้วน แต่หน้าไม่ได้เงยขึ้นด้วยซ้ำ รักศิกาญจน์ยืนเคว้งอยู่ตรงประตู ตาก็มองหาว่าจะนั่งตรงไหนดี ชุดรับแขกหนังสีน้ำตาล ตัดกับพื้นห้องสีขาว ผนังสีครีมเหรอ?
ไม่เอาอะ เผื่อมีแขกอีคุมปั่นมา ขี้เกียจย้าย
โต๊ะประชุมยาวเฟื้อย ชนิดนั่งได้ไม่ต่ำกว่าสิบหรือมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้ๆ ผนังห้องงั้นเหรอ?
ไม่เอาอะ เผื่ออีคุมปั่นเรียกใครมาประชุม ก็ต้องย้ายอีกแหละ
จุดหมายเลยเหลือสอง นั่นคือโต๊ะสูงระดับเอว มีเก้าอี้สี่ตัว ตรงกลางมีกระปุกเล็กกระปุกน้อยตั้งอยู่ เดาว่าคงเป็นที่กินข้าวหรือของว่างเขา ส่วนอีกชุด ระดับความสูงเท่าสะโพก อาร์มแชร์สามตัว พอนั่งลงไปก็สูงระดับเดียวกับโต๊ะกลางเท่านั้น ทำงานก็คงไม่ถนัด อีกอย่างจะมีหลายชุดไว้เพื่อ?
ตรงนี้ก็ได้วะ ไกลอีคุมปั่นหน่อย ทนๆ นั่งไป อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้กลับบ้านละ
คนมีรองเท้าสีน้ำตาลอ่อนๆ หุ้มอยู่ เยื้องย่างอย่างสง่างาม ไปหาจุดหมายที่ตั้งมั่นไว้ วางทุกอย่างลงกลางโต๊ะอย่างเบามือและเป็นระเบียบเรียบร้อย ตามนิสัยที่ถูกผู้ใหญ่อบรมมาตั้งแต่เด็กๆ
“ไปนั่งไกลขนาดนั้น แล้วจะคุยกันรู้เรื่องเหรอ”
กำลังจะหย่อนบั้นท้ายลงแล้วเชียว เสียงห้วนๆ ก็ดังขึ้น พอหันไปมอง ก็เห็นหน้าหล่อๆ แต่เรียบตึงจ้องอยู่ก่อนแล้ว
“รออะไรล่ะ มานี่สิ”
คนสั่งปรายตาไปตรงอาร์มแชร์หน้าโต๊ะทำงานของเขา ไม่รู้ว่าจะมีใหญ่เวอร์วังอลังการไปไหน
“คุณบอกอยากนั่งตรงไหนให้เลือกเอานี่คะ”
จริงๆ ก็ว่าจะเรียกคุณปั่นตามคำสั่งแม่อยู่หรอก แต่เห็นท่าทีคุณของแม่ละ
ไม่เอาดีกว่า
หมั่นไส้
และด้วยความที่ห้องนี้กว้างขวาง (เกินความจำเป็น) จุดที่ยืนอยู่นั้น ห่างจากโต๊ะเขาเป็นสิบเมตร เลยต้องส่งเสียงดังกว่าปกติหน่อย
“ฉันจะไปรู้เหรอ ว่าเลขาส่วนตัวคุณแม่ จะคิดไม่ได้ ว่ามาให้คนอื่นสอนงานแล้ว จะต้องนั่งใกล้คนสอนขนาดไหน อย่ามัวโอ้เอ้ รีบๆ มา ฉันมีเวลาน้อย”
ปากอย่างนี้มันน่าเรียกนายนี่ตามเดิมนัก
รักศิกาญจน์ลอบถอนหายใจหนัก แล้วหิ้วของทุกอย่าง เดินไปหาอาร์มแชร์หน้าโต๊ะเขา ซึ่งมีไว้ถึงสี่ตัว จะมีไว้เยอะๆ
เพื่อ?
แต่ถามไปมีหรือเขาจะตอบ เลยค่อยๆ นั่งลง เอาแฟ้มกับโน้ตบุ๊กวางไว้บนโต๊ะ ถ้าลองได้เรียกมานั่งใกล้ๆ อย่างนี้ ก็คงไม่หนีได้ต้องเลคเชอร์ยาวแน่
“ฉันอยากได้ report ของ Air Emissions, Water Discharge, BOD, COD แล้วก็ Material Consumption ช่วยออกไปเอากับพี่ตุ่มให้ที”
นั่งยังไม่ทันถึงนาที ดันสั่งรัวเร็ว แล้วกดมือถือโทรออกเฉย จะถามย้ำก็ไม่ได้ เลยต้องทวนความจำเอาเอง แล้วรีบออกไปหน้าห้อง เลยไม่ได้เห็นหน้าหล่อๆ ยิ้มเย้ยตาม
"จบโทจากอังกฤษนี่ แค่นี้จำไม่ได้ก็เสียดายเงินทุนคุณแม่แย่ละ”
ริมฝีปากหยักได้รูปกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนจะให้ความสนใจกับปลายสาย สลับกับคอยมองประตูและนาฬิกา ว่าเลขาส่วนตัวแม่ จะได้ของที่ให้ไปหาหรือเปล่า
เฮ้ย!
แค่ห้านาที ก็เห็นร่างผอมสูงกลับเข้ามาในห้องพร้อมแฟ้ม เลยแกล้งคุยกับปลายสายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงราวกับเป็นเจ้าของภาษานานเกือบยี่สิบนาที จนอีกคนนั่งรอซะเบื่อเลย
“ใช่แฟ้มนี้หรือเปล่าคะ”
วางสายสักที เฮ้อ จะคุยอะไรนักหนาวะ จากนั้นรักศิกาญจน์เลื่อนแฟ้มแข็งตรงหน้าห้าอันไปให้เขา ในใจก็บ่นไปด้วย ว่าสรุปจะให้มาทำอันกันแน่
“ความจำดีนี่” ส่งหน้าเรียบๆ กับรวมแฟ้มเข้าหาตัว
“แล้วตกลงคุณให้ฉันเข้ามาหาทำไมคะ”
ปกติแล้วรักศิกาญจน์จะแทนตัวเองว่าน้องรักกับทุกคน แม้แต่กับเขา(เมื่อก่อน) แต่เพราะความทรงจำจากวีรกรรมแย่ๆ ตอนเขามีต่อคุณท่าน ก่อนจะหนีไปอยู่อเมริกาหลายปี และระดับความกวนประสาทของเขา ที่มีต่อเธอเมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
ไหนจะช่องว่างระหว่างวัย ที่ห่างกันถึงสิบปี แถมคนละเพศอีก เลยจูนกันไม่ติดเหมือนเมื่อก่อน แต่จะว่าไป มันก็ไม่เคยจะจูนกันติดหรอกนะ
ก็เขาน่ะจะคอยแกล้งเธอตล๊อดตลอดตอนเด็กๆ
แล้วก็ชอบเรียกยัยแคระขี้ฟ้องบ้างล่ะ ยัยกุ้งแห้งบ้างล่ะ ยัยไม้เสียบผีบ้างละ ชอบแอบดึงผมเปียบ้างล่ะ ที่เลวร้ายสุดๆ ชอบโยนเธอลงสระน้ำกับสระบัวตลอด
‘ฉัน’
นี่แหละเหมาะกะนายนี่สุดๆ ละ สบโอกาสเหมาะเมื่อไหร่ แม่จะเอาคืนให้หมดหล่อเล๊ย สองแสบของนายด้วย แล้วก็เพื่อนนายด้วย ชื่ออะไรนะ ใช่ๆ ไอ้คุณอ้วน หรือเปล่าวะ อย่าให้ได้เจออีกเชียว ยัยรักจะเล่นให้คางเหลืองยกก๊วนเล๊ย
“ไม่ได้อยากให้มาหรอก คิดว่าฉันอยากเห็นหน้าเธอเหรอ ขี้เหร่จะตาย หาความสวย ความเป็นกุลสตรีไม่มีเลย เห็นแล้วต่อมสืบพันธุ์ฉันเสื่อมหมด”
ฮ๊ะ ปากเหรอเนี่ย
หาเมียให้ได้สวยเท่าฉันเหอะ
ชิ
อีกอย่างที่ถาม ก็เพราะมันข้องใจนี่นา ถ้านั่งอ่านแฟ้มจากพี่ดวง ป่านนี้จบไปหลายแฟ้มแล้ว