“คุณชัคนี่ ใช้ไม่ได้เลย มาว่าน้องรักได้ยังไงคะ” อาภัสสราทำตาเขียวใส่
“ก็มันจริงๆ นี่นา ไม่เจอกันนานมากเลย โตเป็นสาวขนาดนี้เชียว แล้วก็สูงด้วย”
เพราะตอนเลิกกับภรรยา ชาครีย์ยังจำได้ว่าเด็กคนนี้ตัวเท่าลูกแมวเอง ไม่เจอกันเท่าไหร่ เป็นสาวสวยขนาดนี้ได้ยังไง
“ใช่ค่ะ สูงแล้วก็สวยด้วย ต่อไปห้ามเรียกแบบเมื่อกี้อีกนะคะ ไม่งั้นปลื้มจะโกรธแทนน้องรักเลยค่ะ”
“ไม่เรียกก็ไม่เรียกครับ ว่าแต่คุณปลื้มหนีบมาด้วยทำไมครับ” ตอนแรกนึกว่าอดีตภรรยาจะหนีบสามีเด็กคนใหม่มาซะอีก
“น้องรักเป็นเลขาส่วนตัวของปลื้มค่ะ แล้วก็เป็นผู้ช่วยของคุณดวงด้วย เดี๋ยวบ่ายนี้จะทิ้งไว้ให้เรียนรู้งานทั้งหมดของ AV คุณแม่ฝากช่วยดูแลด้วยนะคุณปั่น”
“ขอรับท่านประธานใหญ่”
อาชามองคนที่เขาเพิ่งถึงบางอ้อ ว่าผู้ช่วยเลขาท่านประธานกรรมการบริษัท ที่ฝ่ายเอชอาร์บอกว่ารับเพิ่มนั้นเป็นใคร กวาดตามอง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างรวดเร็ว
สูทสีเบจเทา สองกระดุมใหญ่เรียงกันตรงเอวเล็ก เตะตาเมื่อแรกเห็น แขนเสื้อแขนห้าส่วน สื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ใช่สาวออฟฟิศเต็มรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้มาเล่นๆ
กระโปรงสีเดียวกับชุดสั้นระดับเข่า สื่อให้เห็นว่าไม่ได้อยากอวดเรียวขาขาวๆ เหมือนสาวออฟฟิศที่เห็นเกลื่อนเมือง ผิวเนียนๆ นั้นไม่มีถุงน่องห่อหุ้มไว้ ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่าของจริงไม่จกตา ส่วนนิสัยใจคอจะดีเหมือนผิวหรือเปล่า ยังไม่ฟันธง
ถึงจะเห็นมาตั้งแต่ยังไม่เกิด แต่คนเราตอนเด็กก็จะมีนิสัยอีกแบบ พอโตก็จะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ แล้วแต่สภาพแวดล้อมที่พบเจอมา เรียกว่าเขาคงต้องดูกันไปยาวๆ แต่เท่าที่ดูจากการที่แม่พามาด้วย ก็ช่วยบอกได้ระดับหนึ่งล่ะ ว่าแม่ต้องเห็นอะไรดีๆ พอสมควร
"อย่าดีแตกก่อนก็แล้วกันยัยแคระขี้ฟ้อง”
ค่อนขอดคนกำลังกระพุ่มมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยกิริยามารยาทเรียบร้อยเว่อร์ โดยมีแม่คอยแนะนำด้วยน้ำเสียงนุ่มเนิบ และฝากฝังกับดวงใจ ซึ่งเป็นเลขาของแม่ และทำงานอยู่ห้องใกล้ๆ เขานี่แอง
“ฝากคุณดวงช่วยสอนน้องรักด้วยนะคะ จะได้เก่งๆ เหมือนคุณดวงค่ะ”
เขาเลยไม่เข้าใจว่าจะตั้งผู้ช่วยดวงใจมาเพื่อ?
“นี่คุณลุงไกรสรนะ เพื่อนคุณท่านไง จำได้มั้ย ตอนน้องรักเด็กๆ คุณลุงไปเที่ยวหาคุณท่านบ่อยๆ ยังเคยซื้อขนมไปฝากน้องรักด้วยเลย จำได้หรือเปล่า”
"จำได้ค่ะ สวัสดีค่ะคุณลุง”
“น้องก้อยเป็นยังไงบ้างคะคุณไกร กลับมาหรือยังคะ”
อาภัสสรามองเลขาไหว้ด้วยกิริยามารยาทเรียบร้อย ก็พึงพอใจไม่น้อย แต่ไม่ได้แสดงออกอะไร นอกจากยิ้มให้ไกรสรเท่านั้น
“กลับมาได้จะสามเดือนแล้วครับ”
“ปลื้มไม่รู้เลยค่ะ”
“มาแบบไม่กระโตกกระตากครับ แล้วก็ทำงานที่บริษัททันที เลยยังไม่มีเวลาไปไหว้คุณปลื้มครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หลานทำงานนี่คะ แต่ถ้าจะไปจริงๆ เป็นเดือนหน้าดีมั้ยคะ เดี๋ยวปลื้มจะให้ในครัวทำของโปรดไว้ต้อนรับเลยค่ะ”
“ยังไม่รับปากนะครับ เดี๋ยวผมไลน์ไปบอกก็แล้วกันนะครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวปลื้มขอพาน้องรักไปรู้จักท่านอื่นๆ ก่อนนะคะ”
“ครับๆ”
“น้องรักจ๊ะ ตามคุณท่านมาจ้ะ”
“ค่ะ”
รักศิกาญจน์ยังคงไหว้ทุกคนที่คุณท่านแนะนำให้รู้จัก แม้จะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง
“ได้เวลาแล้ว เรียนเชิญทุกท่านเลยค่ะ”
ราวสิบนาที ราตรีก็มาเชิญทุกคนไปยังห้องประชุมใหญ่
“น้องรัก มานั่งใกล้ๆ คุณท่านดีกว่าจ้ะ”
เมื่อประธานบริหารบริษัทสั่ง ทีมจัดห้อง ก็ต้องวุ่นวายเพิ่มที่ให้เลขาส่วนตัวของท่าน นั่งเยื้องไปทางด้านหลังฝั่งซ้าย ส่วนเลขาใหญ่อย่างดวงใจก็อยู่ขวา
“ตั้งใจฟังดีๆ นะ ไม่ต้องจดอะไรมากมาย เพราะคุณดวงจัดการอยู่แล้ว น้องรักแค่พยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาคร่าวๆ ก่อน แล้วค่อยเรียนรู้เพิ่มเติมทีหลัง” อาภัสสราใช้มือป้องปากแล้วกระซิบเบาๆ
“ค่ะ”
เลขาส่วนตัวก็รับคำด้วยระดับเสียงเดียวกัน ก่อนจะหันไปมองประธานบริหาร ซึ่งจะนั่งคู่กับชาครีย์ผู้พ่อ มีทีมงานคอยช่วยหลายคน ทั้งราตรีกับผู้ช่วย แล้วยังมีสองหนุ่มกับการแต่งกายเรียบหรู อย่างสิรภพกับชลกร ดูทรงแล้วอาจจะอยู่ในตำแหน่งใหญ่พอสมควร เพราะเห็นเข้ามากระซิบกระซาบกับเขาบ่อยครั้ง
“ท่านประธานคะ สักพักจะถึงคิวเปิดประชุมนะคะ” ดวงใจลุกจากเก้าอี้ด้านหลัง เข้ามาย่อกายใกล้เจ้านาย แล้วย้ำเบาๆ
“จ้ะ”
อาภัสสราก้มไปหาเอกสารตรงหน้า ตามป้ายชื่อแล้ว ก็ใช้เวลาเพียงครู่เดียวในการอ่าน
“สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาวอาภัสสรา ราชรักษ์ คณะกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริษัท ขอต้อนรับทุกท่านทั้งที่เป็นผู้ถือหุ้นและผู้รับมอบฉันทะ ที่กรุณาให้ความสนใจและเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ค่ะ...”
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่รักศิกาญจน์ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่ เลยเก็บประสบการณ์ใหม่ ตลอดจนความรู้ใหม่ด้านวงการบรรจุภัณฑ์ของ AV และได้เห็นท่าที่จริงจังของอีคุณปั่น ในมาดประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรียกว่าควบสองตำแหน่ง แถมยังเห็นเขามีรายชื่อเป็นคณะกรรมการบริษัทด้วย
งกตำแหน่งซะจริง ไม่เป็น รปภ. ไปด้วยเลยล่ะ
ค่อนขอดอีคุณปั่นด้วยความหมั่นไส้แล้ว ก็ต้องรีบดึงสติกลับมาที่เนื้อหาการประชุม ต่อให้เจ้านายสั่งว่าอย่าจดใดๆ แต่บางเรื่องก็กลัวลืม เลยต้องใช้ปากกาไอแพดโน้ตไว้หน่อย
“เลขาส่วนตัวของคุณท่านจะต้องรู้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นที่ AV ที่มูลนิธิฯ ในบ้านนี้ และกิจการใหม่อีกอย่างที่คุณท่านอยากทำ เวลาคุณท่านถามอะไร ก็อยากได้คำตอบแบบเร็วๆ และอยากถามแค่คนเดียว ไม่ใช่อยากรู้เรื่อง AV ต้องหาคุณดวง อยากรู้เรื่องมูลนิธิฯ ต้องไปหาแรม อยากรู้เรื่องในบ้านก็ต้องปาน อยากรู้ว่าเมนูอะไรก็ต้องไปหานิ่ม แบบนี้ปวดหัว ไม่เอาๆ ขอให้รวมอยู่ในคนเดียวก็พอ งานอาจจะเยอะและยาก แต่ก็แค่ช่วงแรกๆ นี่ล่ะ ถ้าลงตัวแล้ว ก็จะเบาหน่อย”
ไม่แน่ใจว่าจะเบาได้เมื่อไหร่ เพราะมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้ ให้ต้องจดจำ และให้ต้องทำมีมากมายเหลือเกิน ลำพังแค่จะจดจำรายละเอียดในบ้าน คนในบ้าน หน้าที่การงานของคนในบ้าน ก็ลมจะจับอยู่แล้ว
“ไหวป่าวเนี่ยน้องรัก”
หลังประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเสร็จ ทุกคนต่างลงไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านประจำในตึก รักศิกาญจน์ได้นั่งโต๊ะเดียวกับดวงใจกับราตรี รวมทั้งชลกรและสิรภพ ทุกคนคุยกันด้วยเรื่องสบายๆ พอเจ้านายอิ่ม รักศิกาญจน์ลงไปส่งถึงประตูรถ แล้วต้องกลับขึ้นมาเรียนรู้งานกับดวงใจ และจะต้องมาในทุกๆ วันศุกร์ ถ้าไม่มีงานด่วนอื่นๆ แทรก