“แต่เพราะคุณแม่สั่ง ให้ฉันช่วยสอนงานเธอหน่อย เห็นบอกว่าต้องเข้ามานี่ทุกวันศุกร์งั้นเหรอ”
“คุณท่านบอกว่างั้นค่ะ”
“เงินเดือนห้าหมื่นงั้นเหรอ”
“ไม่แน่ใจค่ะว่าคุณท่านจะให้เท่าไหร่...ค่ะ” ขืนบอกว่ารู้ คงถูกนายนี่ค่อนขอดอีก
“คุณแม่ไม่ได้เป็นคนจ่าย ฉันต่างหาก แล้วที่ฉันถามก็คือ มาทำงานแค่อาทิตย์ละวัน จะเอาตั้งห้าหมื่นเลยเหรอ”
“ฉันไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ว่าคุณท่านจะให้มาทำอะไรบ้าง หรือให้มากี่วัน และไม่ได้ขอเงินเดือนเองด้วยค่ะ ไม่ว่าจะจากที่นี่หรือที่บ้าน”
“ก็เพราะเธอรู้ดีน่ะสิ ว่าถึงไม่ขอ คุณแม่ก็ให้เยอะอยู่แล้วล่ะ ประสบการณ์ก็ไม่เห็นมีเท่าไหร่ แค่ฝึกงานตอนเรียนตรี กับจบโทจากอังกฤษมา ฉันจ้างคนอื่นยังได้ ไม่ต้องจ่ายเท่านี้ด้วย”
อันที่จริงเงินเดือนก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ AV สักเท่าไหร่หรอก แต่หมั่นไส้แม่ ที่ออกจะสปอยเด็กไปหน่อย ไม่รู้จะเอ็นดูอะไรกันนักหนา โน่นก็ให้ นี่ก็ให้ สองแม่ลูกเลยสบายไปกันยกใหญ่ อยากได้อะไรก็ไม่รู้จักหาเอง แค่ประจบนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้ละ
“ทำไงได้วะไอ้ปั่น ในเมื่อมึงมีคุณแม่สายเปย์นี่นา ว่าแต่มึงล่ะ เปย์เหมือนแม่ปะละ”
“งั้นคุณก็ไปคุยกับคุณท่านเองค่ะ เพราะฉันไม่ทราบรายละเอียด และเอาจริงๆ ที่ฉันทำงานนี้ก็เพราะคุณท่านขอให้มาช่วย ท่านไม่มีใคร คงไม่ต้องสงสัยนะคะ ว่าคนจบโทจากอังกฤษอย่างฉัน จะหางานทำไม่ได้ แล้วก็ไม่ต้องเป็นงานจับฉ่ายแบบนี้ด้วย”
“สรุปจะอวดว่าตัวเองเก่ง มีที่ไปเยอะเหรอ”
“เปล่าค่ะ แค่อธิบายให้คุณเข้าใจเรื่องเงินเดือนกับเหตุผลที่ฉันตัดสินใจทำงานนี้ ก็คุณบอกเองนี่คะ ว่าจ้างใครก็ได้ ฉันไปทำงานกับใครก็ได้เหมือนกัน ผิดเหรอคะ”
“เถียงคำไม่ตกฟากนะเดี๋ยวนี้ ทีเมื่อก่อนนี่เอาแต่ร้องไห้กับวิ่งไปฟ้องคุณแม่ท่าเดียว สมละที่ฉันเรียก ยัยแคระขี้ฟ้อง”
“คนเราก็ต้องพัฒนาการขึ้นบ้างสิคะ ใครจะยอมถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อนกันล่ะคะ”
“ใครจะรังแกเธอ นั่งห่างกันเป็นเมตรขนาดนี้”
“การรังแก ไม่ได้หมายความว่าจะกระทำต่อร่างกายเท่านั้นนี่คะ ด้านจิตใจก็ทำได้”
“อย่ามาต่อปากต่อคำผู้ใหญ่ เอาเป็นว่าห้าหมื่น ทำงานวันศุกร์กับฉัน งั้นเหรอ”
“ตอนแรกคุณท่านบอกว่าทำกับพี่ดวงค่ะ”
“ไปถามคุณแม่ใหม่ เพราะเมื่อกี้เพิ่งโทรสั่งฉันหยกๆ ไม่งั้นฉันไม่เสียเวลามานั่งคุยกับคนแคระหรอก จบนะ ทีนี้ก็เอาแฟ้มพวกนี้ไปอ่าน”
แฟ้มที่เพิ่งได้มา ถูกเขาเลื่อนกลับมาให้หนึ่ง
“อ่านเพื่ออะไรคะ”
เพราะเห็นว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับงานในส่วนของเลขาส่วนตัวท่านประธานกรรมการบริษัทสักเท่าไหร่
“เพื่อเธอจะได้เข้าใจว่าผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างคุณแม่ จะต้องรู้อะไร โฟกัสส่วนไหนไงล่ะ”
“แฟ้มการบริหารจัดการของเสียอย่างยั่งยืนนี่เหรอคะ ที่ฉันจะต้องอ่านแล้วเอาไปเรียนให้คุณท่านทราบ ฉันเข้าใจว่าท่านน่าจะอยากรู้ Turnover หรือ Annual หรือ Quarter financial statement มากกว่า”
“นั่นมันสำหรับองค์กรที่แสวงหาแต่ผลกำไรเป็นเรื่องแรก ส่วน AV ไม่ได้มองแค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะยอดขายเราคงที่หรือมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่ต้องเสียเงินโปรโมตด้วยซ้ำ ได้เยอะแล้ว เราเลยต้องหันมาคืนกำไรให้สังคม และการห่วงใยสิ่งแวดล้อม ก็เป็นอีกเรื่องที่เราใส่ใจไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เรื่องนี้คุณแม่ต้องชอบแน่ๆ เมื่อกี้ในที่ประชุม จำได้มั้ย ว่ามีอยู่ใน Development Planing ด้วย”
“ค่ะ”
“แน่ใจเหรอ เห็นนั่งนิ่งๆ”
“แน่สิคะ”
“ไม่ใช่แอบหลับหรอกนะ”
“ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ”
“อืม! นั่นสินะ โตแล้วจริงๆ ด้วย”
คนว่ากระตุกยิ้มตรงมุมปากแค่นิดเดียว ขณะสายตาแกล้งมองไปยังท่อนบนของเลขาส่วนตัวแม่ ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่ไม่เลิก แต่เขาหรือจะแคร์ ขอแค่ให้ได้ป่วน หมั่นไส้มานานละ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เถียงฉอดๆ อย่างนี้ พ่อจะดึงแกะให้ร้องจ๊าก หรือไม่ก็แบกไปโยนลงสระว่ายน้ำเลย
“คุณมองอะไร แล้วยิ้มอะไร”
มือบางยกขึ้นปิดหน้าอกอย่างลืมตัว เมื่อเห็นคนตรงหน้ามองด้วยสายตามีเลศนัย
“ยิ้มไม่ได้หรือไง”
“ก็คุณยิ้มแปลกๆ นี่คะ”
“ตรงไหนว่าแปลก”
“ก็นี่ไงคะ” หน้าหวานๆ บุ้ยใส่หน้าหล่อๆ
“ฉันก็ยิ้มปกติ เธอน่ะสิแปลกเอง สรุปที่ว่าจำได้น่ะ ไหน! ลองบอกมาซิ ว่าเป็นยังไง”
แล้วหน้าหล่อก็กลับมาตึงเรียบดังเดิม
“ก็ประมาณว่า AV ให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำแบบยั่งยืน โดยมีนโยบายการจัดการน้ำอย่างเด่นชัด และปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานสากลและข้อบังคับในประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อแสดงสังคมเห็นว่าต้องการจะเป็นผู้นำด้านการใช้น้ำอย่างรับผิดชอบในอันดับต้นๆ ของกลุ่มผู้ประกอบการ ถูกต้องมั้ยคะ”
“ก็ไม่ได้ผิด แต่ก็ยังไม่หมด แล้ว Policy การใช้น้ำล่ะ มีอะไรบ้างล่ะ”
“ก็จะมี Reduce Resuse Recycle เพื่อให้การใช้น้ำ มีประสิทธิภาพ ถูกต้องมั้ยคะ”
“ก็พอได้ แล้วทำยังไงถึงจะให้ 3Rs เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่ขายฝันหลอกสังคมไปวันๆ เท่านั้น”
“ก็คุณรายงานเอง ว่าปีที่แล้วได้สร้างโรงบำบัดน้ำเสียเพิ่มขึ้นอีกสาขาละหนึ่งแห่ง จะได้ช่วยในการนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำอีก และช่วยให้ระบบการรีไซเคิลเร็วขึ้นอีกนี่คะ ไม่ทราบว่าฉันเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าคะ”
“ก็โอเค๊ สำหรับการนั่งฟังรายงานไม่กี่ชั่วโมง แต่ยังไม่รู้ลึกหรือละเอียดเลยสักนิด"
“ต้องรู้ลึกหรือรู้ละเอียดเลยเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอเป็นเลขาส่วนตัวคุณแม่ ได้ใกล้ชิดกับท่านมากกว่าฉัน ถ้าเธอรู้ไม่ลึก รู้ไม่ละเอียดและรู้ไม่ดีพอ แล้วเอาไปถ่ายทอดให้ท่าน มันจะเข้าทำนอง Don’ t jump to conclusions ยังไงล่ะ ซึ่งฉันไม่ชอบเอามากๆ ด้วย จำไว้ให้ดีนะข้อนี้”
“คุณว่าฉัน ‘ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด’ เหรอคะ” หน้าหวานๆ งอง้ำใส่เขาทันที
“ฉันไม่ได้ว่า แค่เปรียบเทียบให้ฟัง” ใครจะเชื่อ แต่เบื่อที่จะไล่บี้ ก็นี่ถิ่นเขา เลยขอเงียบเอาไว้ก่อน
“มีแฟนหรือยัง” ที่ถามน่ะไม่ได้อยากรู้หรอกนะ อย่าสำคัญตัวเองผิดเชียว แต่เป็นเพราะห่วงแม่ล้วนๆ
“คะ”
ปากเหรอนั่นน่ะ ถามได้ไง เกี่ยวกับงานเหรอยะ เย็นไว้นะน้องรัก
“อย่าทำหน้าแบบนั้น ตอบ”
“ต้องขอทราบเหตุผลด้วยค่ะ เพราะนี่เป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ”
เกลียดจริงนายนี่ เผด็จการไม่เคยเปลี่ยน ไม่รู้อีคุณระกับอีคุณชลทนอยู่ด้วยได้ยังไง ไม่รำคาญเลยเร๊อะ อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา แค่ฉันได้มานั่งใกล้ๆ ก็เบื่อจะแย่ละ