EP 9

1287 คำ
3 รถเอ็มพีวีสัญชาติยุโรป แล่นเข้าไปจอดช่องประจำ อาชามองไปยังช่องจอดของประธานกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร รวมทั้งช่องของคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการผู้ตรวจสอบ และช่องประจำของผู้มีตำแหน่งสำคัญๆ หลายคน ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูก รปภ. นำกรวยมาตั้งกันไม่ให้คนมาจอดเหมือนวันอื่นๆ ที่จะอนุโลมให้ ลิฟต์ผู้บริหารโดยเฉพาะ เขาเลือกใช้งานในเช้านี้ เพราะรีบขึ้นไปเตรียมตัว สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี เพื่อรายงานผลประกอบการให้ประธานใหญ่กับคณะกรรมการบริษัท เมื่อก่อนก็ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายมาก แต่พอจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วเท่านั้น สารพัดเรื่องก็ประดังเข้ามา ถ้าไม่ตั้งรับดีๆ มีหวังพังเป็นแถบ “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านประธาน” ราตรีเงยหน้าจากงานเมื่อเจ้านายเดินเข้ามา สิรภพกับชลกรหิ้วของเข้าไปวางไว้ในห้องให้ตามเคย แล้วก็รีบผละไปทำงานอื่นตามเคย “เก็บไว้เรียกท่านประธานใหญ่ดีกว่านะครับคำนี้” อาชายิ้มน้อยๆ ให้เลขาผู้เก่งกาจและรอบคอบ แถมโคตรรู้ใจเขาอีก เรียกว่ายังไม่ทันได้สั่ง ก็จัดการไว้รอแล้ว เพราะราตรีเคยเป็นเลขาคนใหม่ของพ่อ ส่วนคนเก่าคือปภาวี ซึ่งพ่อได้ไปเป็นเมียใหม่ เลยต้องรับราตรีเข้ามา แล้วเขาก็ได้รับเป็นมรดกตกทอดมา เมื่อพ่อวางมือจากงานปฏิบัติเมื่อสี่ปีก่อน เหลือแค่ตำแหน่งประธานบริหาร กับคณะกรรมการบริษัทเท่านั้น “รับมื้อเช้าเลยมั้ยคะ” “ครับ” อาชาตรงเข้าห้อง ข้าวของทุกอย่างจัดวางไว้เป็นระเบียบด้วยมือของผู้ช่วยเลขา แฟ้มรายงานการประชุมของวันนี้ ถูกคว้าขึ้นมาอ่านทวนอีกรอบ หลังจากเมื่อวาน ก่อนกลับ อ่านไปแล้วหลายรอบ และสั่งให้เลขาแก้ไขข้อผิดพลาดไปแล้วเมื่อคืน ไม่กี่อึดใจ มื้อเช้าจากร้านอาหารในตึก ก็ขึ้นมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ เขาพยักหน้าขอบคุณเลขาที่เข้ามาอำนวยความสะดวกให้ “เช้านี้ตุ่มสั่งแบบจัดเต็มนะคะ เผื่อมีใครเกเรในห้องประชุม จนคุณปั่นไม่มีเวลาได้กินมื้อเที่ยงค่ะ” เพราะครั้งก่อนต้องคอยตอบข้อซักถามต่างๆ จากผู้ถือหุ้นหรือคณะกรรมการหลายคน จนให้สิ้นข้อสงสัยในหลายๆ ครั้งที่เคยประชุมมา เลยไม่มีกระจิดกระจิดกะใจจะกินข้าวเที่ยง “ขอบคุณครับ” อาชาลงมือกินมื้อเช้าแบบอังกฤษแท้ๆ จานใหญ่ ประกอบไปด้วย ไข่ดาว เบคอน ไส้กรอก มะเขือเทศ เห็ด ทุกอย่างถูกย่างแทนการทอด ถั่วอบ ขนมปังปิ้งสองแผ่น สลัดผักสด น้ำแร่กับน้ำผลไม้ ทุกอย่างถูกตักด้วยมือเพียงข้างเดียว เพราะอีกข้างยังคงมีแฟ้มให้เขาไล่กวาดสายตาตามตัวอักษรไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน “คุณท่านมาแล้วค่ะ” ก่อนเวลาประชุมสิบห้านาที ราตรีเข้ามาบอก เขาต้องวางแฟ้มลง แล้วรีบออกไปต้อนรับตามมารยาท เพราะถือว่าเป็นเจ้าของสถานที่ ส่วนเรื่องที่บ๊งเบ๊งกับแม่อาทิตย์ก่อน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องอดีตไป และเป็นแบบนี้ตลอดมา นับตั้งแต่เขาตัดสินใจหนีไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้ว กลับมาก็ยังเป็นอยู่ และคงจะเป็นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าจะมีความตายมาพรากจากกัน “สวัสดีครับท่านประธานบริษัท” กระพุ่มมือไหว้แม่ และคณะกรรมการคนอื่นที่เดินมาถึงหน้าห้องพอดี “สวัสดีค่ะท่านประธานบริหาร” อาภัสสราส่งเสียงเนิบนาบกับใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ ให้รู้ว่าเรื่องอาทิตย์ก่อน เลือนหายไปจากใจแม่แล้ว ส่วนใจลูกจะยังไง แม่ก็จะต้องปล่อยผ่านเท่านั้น และได้แต่หวังว่าสักวัน แผลที่มีร่วมกันจะหายไป “ท่านประธานกรรมการบริษัทจะรับเครื่องดื่มอะไรมั้ยครับ” อาชาล้อแม่อีกรอบ ถึงจะรวบอำนาจบริหารไว้ทั้งหมดคนเดียวนับตั้งแต่พ่อวางมือ แต่ก็เถียงไม่ได้จริงๆ ว่าแม่ยังคงมีอำนาจอยู่ทุกหย่อมหญ้า ก็ในเมื่อบริษัทนี้ ก่อตั้งขึ้นมาด้วยเงินทุนของท่านกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนพ่อก็ทำหน้าที่บริหารให้เติบโตขึ้น แล้วเขาก็มาช่วยพ่อห้าปีตั้งแต่เรียนจบ และฉายเดี่ยวแทนพ่อในอีกห้าปีต่อมา เรียกว่าสิบปีที่บริหาร ไม่มีงานไหนที่เขาจะไม่รู้จักเลย “เป็นยังไงบ้างคะคุณปั่น ไม่ไปหาคุณแม่เลยนะ” อาภัสสราส่งเสียงเนิบหวาน ตามปกติ กับอ้าแขนรับเอาตัวลูกมากอดด้วยความคิดถึง แม้ไม่แน่ใจว่าลูกจะคิดถึงเหมือนกันหรือเปล่า “ผมยุ่งมากครับคุณแม่ เพราะเตรียมรายงานประจำปีนี่ไงครับ” “สวัสดีท่านประธานกรรมการบริหาร” อาภัสสราหันไปหาคนคุ้นเคย ที่เดินเข้ามาใหม่ ทุกคนเลยหันไปตามเสียง ก็เห็นชาครีย์ อัศรากรณ์ ยิ้มให้ “สวัสดีครับท่านประธานใหญ่” เขามองอดีตภรรยาแล้วยิ้มน้อยๆ “สวัสดีค่ะ มาช้านะคะ” “รถติดครับ” “อีกแล้ว ข้ออ้างนี้ยังไม่เลิกใช้กับปลื้มเหรอคะ ฮึ” อาภัสสราทำสีหน้าแบบว่ารู้ทันกัน แล้วหันไปคุยกับคณะกรรมการท่านอื่น “สวัสดีครับท่านประธานบริหาร หล่อมาเลยนะครับ” อาชากระพุ่มมือไหว้พ่อ แล้วเข้าไปสวมกอดกัน บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นพ่อลูกผูกที่สนิทกันขนานแท้ ซึ่งมักจะขัดกับหลายๆ ครอบครัว เวลาพ่อแม่แยกทางกัน ส่วนใหญ่ลูกจะสนิทกับแม่ แต่บ้านนี้ไม่ “น่าจะหล่อน้อยกว่าลูกชายแล้วล่ะ” ชาครีย์ตบบ่าลูกชายเบาๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจยิ่ง “ท่านประธานใหญ่ไม่ได้หนีบใครมาด้วยเหรอครับ” แล้วก็หันไปหาอดีตภรรยาอีกครั้ง ใบหน้าที่ยังมีเค้าโครงความหล่อเหลาอยู่ยิ้มน้อยๆ “ไม่ต้องแซวปลื้มเลยนะคะคุณชัค แล้วไม่ได้หนีบใครมาเหรอคะ” อาภัสสราพยายามมองหาคนเคียงข้างอดีตสามี แต่ครั้งนี้ไม่เห็น “ครับ พอดีมีสายรายงานผมไป ว่าคุณปลื้มไม่ได้หนีบใครมา ผมก็เลยไม่หนีบบ้างไงครับ” ชาครีย์แซวกลับบ้าง ทั้งที่อดีตภรรยาก็เลิกรากับสามีคนที่สองไปแล้วเป็นปี “จริงๆ ก็หนีบมาเหมือนกันล่ะค่ะ” “ชักอยากเห็นแล้วสิครับ ว่าจะหล่อแค่ไหน อายุอานามเท่าไหร่” ชาครีย์เสียงเบาลงกว่าเดิม ตาก็มองอดีตภรรยากำลังหันซ้าย แลขวาหาใครสักคนอยู่ “น้องรักมานี่จ้ะ” รักศิกาญจน์กำลังคุยกับปอป่าน ซึ่งเป็นเด็กรับใช้มีหน้าที่ตามมาดูแลอาภัสสราอยู่ ก็เลี่ยงมา เมื่อถูกกวักมือเรียก “คะคุณท่าน” “จำได้มั้ยจ๊ะว่านี่ใคร” “สวัสดีค่ะคุณท่าน” แม้ผู้ใหญ่ทั้งสองจะเลิกรากันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่รักศิกาญจน์ไม่มีทางลืมแน่ๆ เลยรีบกระพุ่มมือไหว้ด้วยกิริยางดงาม ตามที่ได้ถูกสอนมา “สวัสดีจ้ะ ใครกันล่ะเนี่ย” เป็นชาครีย์เองที่จำไม่ได้ “น้องรักไงคะ ลูกของแรม คุณชัคลืมแล้วเหรอคะ” “อ้อๆ จำได้แล้ว ยัยแคระนี่เอง” คนถูกทักหน้าม่อย ทำเอาประธานหนุ่ม ที่ยืนคุยอยู่กับคณะกรรมการบริษัทหันมามอง ริมฝีปากหยักได้รูปยกขึ้นนิดหนึ่ง เห็นมะ ใครๆ ก็เรียกยัยแคระกันทั้งนั้น ก่อนจะหันกลับไปหาคู่สนทนาต่อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม