บทที่ 6 สัมภาษณ์งานที่น่าผิดหวัง
1 วันผ่านไป
ในช่วงเช้าท้องฟ้าปลอดโปร่งค่อนข้างสดใส มีกลุ่มเมฆสีขาวจับกลุ่มกันเป็นก้อน ๆ กระจายอยู่บ้างประปราย บรรยากาศโดยรอบไม่มืดครึ้มเหมือนเมื่อวาน ราวกับว่าท้องฟ้าที่สดใสในวันนี้จะเป็นการต้อนรับยินดีกับงานใหม่ของเธอ
น้ำค้างมีนัดสัมสัมภาษณ์งานที่บริษัทเอ็มพีกรุ๊ป ซึ่งบริษัทนี้ใคร ๆ ก็ต่างอยากเข้ามาทำงาน เพราะจากจะได้ค่าตอบแทนที่
สูงลิ่ว สวัสดิการของบริษัทยังดีมาก ๆ อีกด้วย อีกอย่างหากเธอเรียนจบที่นี่ก็เป็นตัวเลือกอันดับแรกที่เธอจะเข้ามาทำงานเช่นกัน
การมาสัมภาษณ์งานในครั้งนี้ เจ้าของใบหน้าสวย ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเบาบางไม่เข้มมาก หญิงสาวรวบผมและเก็บผมให้เรียบร้อยเป็นอย่างดี อีกทั้งสวมชุดสูท ใส่กระโปรงเหนือเข่าสีน้ำเงินเข้ม เพื่อให้ดูเรียบร้อยให้ได้มากที่สุด โดยรวม ๆ แล้วชุดที่เธอใส่มันขับผิวสีนวลผ่องให้สะดุดตาขึ้นมาทันที
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบริษัทน้ำค้างไม่ลืมโค้งศีรษะและคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ส่งให้กับคนที่มองมาทางเธอ ก่อนดวงตาคู่สวยจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ หาลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 40 ห้อง 2014 ตามที่คนนัดสัมภาษณ์ได้แจ้งเอาไว้
เป็นเวลาไม่ถึง 10 นาที น้ำค้างก็ได้มาถึงห้อง ๆ หนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงครึ่ง มีนัดสัมภาษณ์ 8 โมงเช้า ไม่น่าเชื่อว่าเธอได้มาก่อนครึ่งชั่วโมงแท้ ๆ ยังมาทีหลังคนอื่นอยู่อีก
ภายในใจของคนตัวเล็กเริ่มหวาดหวั่น เมื่อเห็นหลายต่อหลายคนนั่งเรียงแถวรอสัมภาษณ์ยาวเหยียด ใครมาก่อนได้สัมภาษณ์ก่อนไม่มีการเรียกว่าจะเชิญใครเข้าไปสัมภาษณ์ที่ห้องด้านในอีกชั้นหนึ่ง
พอดูจากหัวแถวยันท้ายแถวแล้ว ดูท่าน้ำค้างจะเป็นคนสุดท้ายอย่างแน่นอน และแต่ละคนดูเหมือนเป็นคนมีฐานะ จบการศึกษาดี ๆ ทั้งนั้น พอลองย้อนมามองตัวเองแล้ว ก็อดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้
ไม่รู้ว่าบริษัทนี้จะให้โอกาสเธอเข้าทำงานหรือเปล่า เพราะเธอเรียนก็ยังไม่จบ วุฒิการศึกษาตอนนี้ก็อยู่แค่มัธยมศึกษา
ตอนปลาย ข้อดีของเธอมีแค่ เป็นคนหัวไว พัฒนาได้ไว อดทนกับการทำงานแค่เท่านั้นเอง
“เฮ้อ”
เรียวปากสีหวานพลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ แต่เมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายของคุณยาย และลูกที่จะเกิดมา มันทำให้เธอฮึดสู้
อีกครั้ง เธอจะไม่ยอมแพ้หากไม่ได้ลองดูสักตั้ง
ผ่านไป 2 ชั่วโมง
หลังจากที่ชะเง้อชะแง้อยู่นานว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวสัมภาษณ์สักที จนในที่สุดก็ถึงคิวของน้ำค้าง
สองเท้าเล็กก้าวเข้าสู่พื้นที่ของห้องสัมภาษณ์งาน ด้วยท่าทีที่นอบน้อม สองมือเล็กยกขึ้นมาไหว้ พลางโค้งศีรษะเล็กน้อย แล้วยื่นเรซูเม่ส่งให้คนด้านหน้า จากนั้นค่อย ๆ หย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ที่บริษัทจัดไว้ให้
ไม่นานผู้ชายวัย 40 ปีต้น ๆ ในชุดสูทสีดำเข้ม สวมแว่นหนาเตอะ เงยหน้าขึ้นมาถามร่างเล็กว่า
“คุณยังไม่ได้เรียนจบอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ ฉันยังเรียนไม่จบ ดรอปเรียนไว้หนึ่งปี”
“ครับ มหาลัยที่เรียนก็เป็นมหาลัยทั่วไป ไม่ได้เป็นมหาลัยอันดับต้น ๆ ของประเทศ ไปเรียนให้จบแล้วค่อยมาสมัครงานใหม่ดีกว่าไหมครับ”
น้ำเสียงที่ราบเรียบ พร้อมทั้งสายตาดูถูกของคนตรงหน้า ทำเอาน้ำค้างหน้าเสีย คิดไม่ถึงว่าบริษัทใหญ่ขนาดนี้ จะมีคนชอบดูถูกเหยียดหยามแบบนี้อยู่ในบริษัทด้วย
“แต่บริษัทของคุณเป็นคนนัดฉันมาสัมภาษณ์นะคะ
แบบนี้แสดงว่าฉันยังมีโอกาสไหมคะ อีกอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกใครนะคะ”
“ผมพูดไปตามสภาพครับ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนนัดคุณมาที่นี่ แต่คุณสมบัติของคุณไม่ผ่าน”
“ฉันอยากทราบเหตุผลค่ะ ว่าทำไมฉันถึงไม่ผ่าน”
“แค่เรียนไม่จบก็ไม่เหมาะกับที่นี่แล้วครับ”
เสียงของชายตรงหน้าพูดอย่างไม่แยแส
“แต่ในนั้นไม่มีข้อไหนระบุว่าต้องใช้วุฒิการศึกษาไหนนี่คะ ในนั้นบอกแค่ว่า ขอคนที่สามารถอดทนกับการทำงานได้ มีความรู้ ความอดทน พูดและอ่านภาษาอังกฤษได้ เวลาทดลองงาน 3 เดือน”
น้ำค้างพูดแย้งเพราะก่อนที่จะยื่นใบสมัครเธออ่านรายละเอียดชัดเจนดี เพราะหากเธอได้ทำงานที่นี่ ค่าตอบแทนฝึกงาน 3 เดือนนี่เทียบเท่ากับค่ารักษาพยาบาลของยายได้เลย
“คงจะอ่านผิดแล้วล่ะครับ พนักงานทั่วไปขั้นต่ำยังต้องจบปริญญาตรีขึ้นไปเลย”
“ไม่ผิดนะคะ นี่ไงคะ ฉันยังมีหลักฐานตอนสมัครเลย”
เรียวปากสีหวานเม้มริมฝีปากแน่น พยายามใจเย็นให้ได้มากที่สุด มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเตรียมจะหยิบหลักฐานขึ้นมาโชว์
“ผมไม่ดูครับ ผมเป็นผู้จัดการแผนกนี้ ผมมีสิทธิ์ที่จะไม่รับคุณเข้าทำงาน”
“ให้โอกาสฉันเถอะนะคะ ฉันมั่นใจว่าไม่ว่างานจะหนักแค่ไหนฉันสามารถทำได้ และทำมันได้ดีแน่นอน ขอร้องนะคะ ฉันมีความจำเป็นจริง ๆ ”
เมื่อเจ้าของใบหน้าสวยเห็นว่าชายตรงหน้ายอมหักไม่ยอมงอ ทำให้เสียงของน้ำค้างนิ่มลง ขอร้องเขา เพราะนี่เป็นโอกาสเดียว
ของเธอ
“อย่างนั้นเหรอครับ”
ชายวัย 40 ปี ถามย้ำก่อนจะสำรวจร่างกายของหญิงสาวตรงหน้า สายตาหื่นกระหายอย่างปิดไม่มิด ทำเอาน้ำค้างต้องถอยหลังไปหลายก้าว ด้วยความหวาดกลัว
“ค ค่ะ”
เรียวปากสีหวานพูดเสียงสั่น ถึงจะรู้สึกกลัวขึ้นมา แต่ก็ทำใจดี
สู้เสือ
“ถ้าอย่างนั้นมาเป็นเด็กของผมไหมครับ เย็นนี้เจอกันที่โรงแรมไอยรา หลังจากนั้นผมจะพิจารณาอีกที”
ชายสวมแว่นพูดพลางเดินเข้ามากระซิบข้างหูของน้ำค้าง พร้อมทั้งใช้มืออ้วนจับไปที่ต้นขาของหญิงสาว
เพี๊ยะ!
ด้วยความมือไว น้ำค้างจึงยกมือขึ้นมาตบใบหน้าของคนหื่นกามตรงหน้าโดยอัตโนมัติ แม้ว่าเธอจะต้องการทำงานที่นี่แค่ไหน แต่จะไม่ยอมลดตัวทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองแน่นอน
“ฝันไปเถอะ”
หญิงสาวพูดเสียงแข็ง ในขณะเดียวกัน ชายผู้ที่ถูกตบค่อย ๆ หันมาจ้องใบหน้างามด้วยแววตาที่เอาเรื่อง
“นี่มึงกล้าตบกูเหรอ รู้ไหมว่ากูเป็นใคร กูเป็นผู้จัดการ
นะโว้ย”
เขาตวาดลั่น ใช้มือชี้หน้าน้ำค้าง พลางเดินปรี่ไปหาเธอ
กรี๊ด !
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ”
“ก็ลองดูสิวะ ว่าตำรวจมันจะเชื่อใคร ระหว่างคนอย่างเธอกับคนมีตำแหน่งอย่างผม”
“ฮึก”
น้ำค้างตัวสั่น น้ำตาไหลพราก เธอแค่อยากจะได้งาน แต่กลับมาเจอคนไม่ดี
อีกด้านหนึ่ง
สาลี่เดินออกจากห้องสัมภาษณ์งานมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก นั่นเป็นเพราะว่า คนที่นัดสัมภาษณ์ในวันนี้ไม่ถูกใจสักคน จนกระทั่งเดินผ่านห้องสัมภาษณ์ห้องหนึ่งของผู้จัดการ
แผนกหนึ่ง มันเสียงดังผิดปกติ สาลี่จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
“ทำอะไรกันน่ะ”
สาลี่ตะโกนถามเสียงเข้ม ดูจากสถานการณ์แล้ว น่าจะพึ่งมี
เรื่องกัน
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วยค่ะ”
เสียงหวานพูดเสียงฉัน เธอวิ่งมาหลบทางด้านหลังของสาลี่ด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
“เกิดอะไรขึ้น”
สาลี่ถามเสียงนิ่ง พยายามฟังความทั้งสองข้าง โดยเอ่ยถามผู้หญิงหน้าตาดีคนนี้ก่อน
“คือน้ำค้างมาสัมภาษณ์งานค่ะ ในใบสมัครไม่จำกัดวุฒิการศึกษา แต่คุณคนนี้เขาบอกว่าไม่รับฉันเข้าทำงานเพราะยังเรียนไม่จบ แต่เขาจะลองพิจารณาดูถ้าน้ำค้างยอมไปโรงแรมกับเขาเย็นนี้ เขาไม่พูดเปล่านะคะ ยังเอามือมาจับที่ขาของฉันด้วย แบบนี้มันล่วงละเมิดกันชัด ๆ”
“ไม่จริงครับคุณสาลี่ นังเด็กนี่เสนอตัวให้ผมเอง พอผมบอกว่า ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เธอก็สร้างสถานการณ์ขึ้นมาครับ อย่างที่เห็นเมื่อครู่เลย เมื่อครู่ผมพยายามจะปลอบให้เธอใจเย็น ๆ ครับ ไม่ได้คิดจะทำอะไร”
ผู้จัดการแผนกดำเนินเอกสาร แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ซึ่งสาลี่มองออกตั้งแต่แรก เลยไม่ปักใจเชื่อ เพราะเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ทว่าผู้ชายตรงหน้ายังไม่ปรับนิสัย
“ถ้าอย่างนั้นมาดูกล้องวงจรปิดก็ได้มั้งคะ ว่าใครพูดความจริง”
“อะไรนะครับ กล้องวงจรปิดงั้นเหรอ”
“ค่ะ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ เมื่อก่อนไม่เห็นมีนี่ครับ ไหนบอกห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของผู้จัดการแผนก แน่นอนว่าห้องส่วนตัวต้องไม่มีกล้องอยู่แล้วจริงไหมครับ แหะ ๆ”
ชายวัย 40 ปี หน้าซีดเผือดทันใด พร้อมกับยิ้มเจื่อนส่งให้สาลี่
“เรื่องนั้นไปถามคุณหมิงเผิงนะคะ ว่าเพราะอะไร หากเรื่องนี้ไปถึงหูประธาน คุณก็เตรียมรับมือดี ๆ นะคะ ตำแหน่งอาจจะอยู่ได้ไม่นาน”
สาลี่พูดเสียงเข้ม เธอไม่ได้ขู่เพราะหมิงเผิงจะจัดการคนที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหาย อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะมีหน้าตาในบริษัทแค่ไหน สำหรับประธานอย่างหมิงเผิงแล้ว ก็แค่พนักงานคนหนึ่ง
“ผมขอโทษครับ คุณสาลี่ ผมทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ อย่าให้ประธานรู้เลยนะครับ”
“มันหลายครั้งแล้วค่ะ ยังไงก็ต้องจัดการเด็ดขาด คนจะได้ไม่เอาไปพูดต่อได้ ส่วนเธอวางใจเถอะ ฉันจะทวงความยุติธรรมให้”
สาลี่พูดกับผู้จัดการแผนก ก่อนจะหันไปพูดกับน้ำค้างเสียงอ่อน เพื่อให้เธอผ่อนคลายอาการหวาดกลัว และเปลี่ยนทัศนคติมองบริษัทใหม่ทั้งหมด