บทที่ 5 ข่าวร้าย
ณ โรงพยาบาลเจนเทอรัล
“ว่ายังไงนะหมอ หมอบอกว่าผมจะไม่สามารถมีลูกได้อีกงั้นเหรอ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามแพทย์หนุ่มเสียงดัง ซึ่งคุณหมอท่านนี้เป็นเพื่อนสนิทของหมิงเผิงด้วย
“ครับผม”
“ดูเอกสารผิดหรือเปล่าวะ วินิจฉัยผิดหรือเปล่า”
หมิงเผิงถามย้ำอย่างไม่เชื่อสักเท่าไหร่ ในขณะที่คนอื่น ๆ ในห้องก็ช็อคไปตาม ๆ กัน
“ผมเรียนจบเฉพาะทางมานะครับคุณหมิงเผิง จะมาวินัยฉัยผิดได้ยังไง คุณรอดมาได้โดยไม่เป็นเจ้าชายนิทรามันคือเรื่องปาฏิหาริย์แล้วครับ”
“นี่มันเวรกรรมอะไรของผมวะเนี่ย”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา สบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย
“โอ้ย ฉันจะเป็นลม”
เสียงผู้เป็นมารดาถอนหายใจ พลางยกมือมากุมขมับเอาไว้ เหมือนจะรับความจริงไม่ได้ เพราะหมิงเผิงเป็นลูกชายเพียง
คนเดียวของคุณหญิงกานดา หากตระกูลไร้หลานสืบทอด เกรงว่าตระกูลไพศาลคงจะจบแค่รุ่นของลูกชายแล้ว
“คุณป้าคะ อย่าเครียดไปเลยค่ะ บางทีเราอาจจะมีวิธีแก้ไข้ให้กลับมาเหมือนเดิมได้นะคะ”
เสียงยี่หวาผู้จัดการฝ่ายการตลาด อีกทั้งเป็นเพื่อนบ้านของ
หมิงเผิง เธอแอบรักผู้ชายตรงหน้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ เอ่ยขึ้นมาให้กำลังใจคุณหญิง พร้อมทั้งเอื้อมมือขาวเนียนไปโอบไหล่ของหญิงวัยเกือบ 50 ปีเอาไว้ ยี่หวาแอบหวังเอาไว้ลึก ๆ ว่า คุณหญิงจะเอ็นดูเธอ แล้วให้หมั้นกับหมิงเผิง
“เอ่อ คุณหมอคะ พอจะมีวิธีบ้างไหมคะ ลูกชายของฉันถึงจะมีลูกได้”
กานดาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่น คงไม่มีแม่คนไหนรับได้ที่ลูกตื่นขึ้นมาแล้วมาเจอกับเรื่องแบบนี้
“หากไร้สมรรถภาพทางเพศไปแล้ว ยังไม่มีโรงพยาบาลที่ไหนสามารถทำให้กลับมาเหมือนเดิมได้ กลับกันหากเป็นคนปกติ แล้วไปทำหมันสามารถทำได้ครับ”
“คุณหมอหมายความว่าลูกชายของฉันจะไม่สามารถ มีลูกได้อีกต่อไปใช่ไหมคะ” ผู้เป็นแม่ถามย้ำ
“ประมาณนั้นครับ แต่ลองหมั่นมาตรวจร่างกายหน่อยก็
ดีครับ เผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์อีก”
หมอเชนพูดพลางยักคิ้วหลิ่วตาใส่เพื่อนของตัวเองอย่างลับ ๆ เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนของตัวเองมีนิสัยเป็นอย่างไร โดยเพื่อนของเขานอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เผลอ ๆ อาจจะไข่ทิ้งเรี่ยราดเอาไว้
“ไอ้หมอ เงียบปากไปเลย”
เสียงทุ้มอันเย็นเยียบของหมิงเผิง พร้อมทั้งสายตาแข็งกร้าวส่งเตือนเพื่อนสนิทว่าอย่าพูดอะไรให้ผู้เป็นแม่ได้ยินไปมากกว่านี้
“พูดกับหมอดี ๆ สิลูก ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้คุณหมอทำงานอยู่ให้เกียรติหมอหน่อย อีกอย่างคุณหมอเชนเป็นคนช่วยชีวิตลูกเอาไว้นะ”
กานดาเอ็ดผู้เป็นลูกชายเบา ๆ พร้อมกับส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้หมอเชน เพื่อเป็นการขอโทษแทนลูกชาย
“ผมไม่ถือสาหรอกครับคุณแม่ ฮ่า ๆ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว
นะครับ ดูจากสุขภาพและสกิลปากแล้ว คงจะกลับบ้านได้วันนี้แหละครับ”
หมอเชนพูดกับคุณแม่ของหมิงเผิง ก่อนจะหันไปพูดแซะเพื่อนสนิทหนึ่งที จากนั้นหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
“เอ่อคุณแม่กับยี่หวาออกจากห้องไปก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะคุยกับสาลี่เรื่องงานก่อน”
ทันทีที่หมอเชนเดินออกไป หมิงเผิงพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนหยุดงานเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน อีกทั้งก่อนที่เขาจะเกิดอุบัติเหตุ สาลี่ที่มีตำแหน่งเป็นเลขาคนสนิท โทรมาบอกว่าจะมีเรื่องสำคัญคุยด้วย แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“โอเคจ้ะ ถ้าอย่างนั้นแม่กลับก่อนนะ จะออกจากโรงพยาบาลเลยไหม แม่จะได้ทำเรื่องให้ หมอเชนบอกว่าร่างกายแข็งแรงดี สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
“แต่ยี่หวา....”
เสียงของยี่หวาทักท้วงขึ้น เพียงชั่วพริบตาก็ได้เงียบลง เพราะถูกสายตาอันคมกริบของหมิงเผิงติติง เดิมทีเธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะมาคุยกับชายหนุ่มคนรักให้นาน ๆ เสียหน่อย ทว่าระหว่างมากลับชนเข้ากับผู้หญิงบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ ทำให้มาช้าไม่ทันได้คุย จนตอนนี้ได้แต่หงุดหงิดไม่หาย
“ครับ รบกวนทีนะครับ” หมิงเผิงกล่าว
เป็นเวลาไม่ถึงสามนาที สาลี่ก็เริ่มเปิดประเด็นเรื่องสำคัญที่
จะคุย
“คือเรื่องเมื่อหนึ่งเดือนก่อนน่ะค่ะ ที่สาลี่โทรไปหาคุณหมิงเผิง...”
“ครับ ว่า เรื่องที่บริษัทเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ”
ชายหนุ่มถามเสียงนิ่ง ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใด ๆ หากเป็นเรื่องงานแล้ว ปัญหาใด ๆ เขาไม่เคยสะทกสะท้าน
“ทุกอย่างที่บริษัทปกติดีค่ะ”
“ครับ เข้าประเด็นเลยครับ เรื่องสำคัญคืออะไร”
“สาลี่จะบอกคุณว่าขอลาออกค่ะ”
“อะไรนะครับ นี่อำผมเล่นใช่ไหม”
“ไม่ได้อำ หรือว่าล้อเล่นค่ะ”
“ขอเหตุผลด้วยครับ ที่บริษัทให้เงินเดือนคุฯไม่พอ หรือผมใช้งานคุณหนักไปหรือเปล่า”
“ไม่ใช่เรื่องบริษัทค่ะ ไม่เกี่ยวกับบริษัท เป็นตัวสาลี่เองทั้งนั้นค่ะ คุณหมิงเผิงคงจะทราบดีนะคะว่า เมื่อปีที่แล้ว ฉันได้แต่งงานไป”
“ครับ”
“ค่ะ แล้วตอนนี้ฉันมีน้อง”
สาลี่พูดพลางยกมือเรียวขึ้นมาจับที่ท้อง ซึ่งคนฟังก็เข้าใจได้ในทันที
“ท้องก็ทำงานต่อได้นี่ครับ ผมไม่ได้ว่าอะไร แถมบริษัทให้ลาคลอดได้ 3 เดือน เงินชดเชยก็ได้เต็มอีก ถ้าหากคุณลาออก ผมจะหาเลขาที่ทำงานได้เนี๊ยบแบบคุณมาจากไหนล่ะครับ”
“ฉันทราบค่ะ แต่สามีของฉันให้ฉันพักผ่อน ไม่ให้ทำงานอีกต่อไปแล้วค่ะ ส่วนเรื่องเลขาคุณไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ วันพรุ่งนี้ฉันนัดสัมภาษณ์มาหลายคนแล้ว ฉันจะฝึกฝนมอบหมายงานให้เลขาคนใหม่ให้ดี ก่อนจะลาออกอย่างเป็นทางการค่ะ”
“ครับ ถ้าคุณพูดแบบนั้นผมค่อยสบายใจขึ้นหน่อย นึกว่าคุณจะลาออกวันนี้ แล้วไปสิ้นเดือนเลย ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมเข้าไปที่บริษัทก็แล้วกัน”
“จะมาดูเลขาคนใหม่เหรอคะ”
“ไม่เชิงหรอกครับ จะเข้าไปช่วงบ่ายนะครับ พอดีช่วงเช้าผมจะแวะไปที่ ฟ็อกซี่บาร์สักหน่อย”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัว”
สาลี่พูดเสียงนิ่ง ก่อนจะโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการเคารพอย่างที่เคยทำ
ในขณะเดียวกันคนตัวสูงที่นั่งอยู่บนเตียงเหมือนฉุกคิดอะไร
ขึ้นได้ ว่าคืนวันนั้นถุงยางอนามัยที่เขาพก มันหมด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ป้องกันกับผู้หญิงแปลกหน้า หากเขาไปที่บาร์อีกครั้ง ไม่แน่ว่าจะได้พบกับผู้หญิงคนนั้นก็ได้
อีกอย่างหากโชคดีหน่อย เธอก็น่าจะตั้งท้อง ดังนั้นเขาจะรับผิดชอบลูกของเธอและให้เงินก้อนกับผู้หญิงร่างบอบบางนั่น ถือเสียว่าเป็นค่าอุ้มท้องของเธอก็แล้วกัน
ทว่าหากจะให้หมิงเผิงแต่งงานด้วย คงจะไม่มีทางอย่างแน่นอน