POISON EP.6 Don’t be nosy

1468 คำ
EP.6 -หนึ่งสัปดาห์ต่อมา- เอวารีบตื่นแต่เช้าตรู่ วันนี้เธอมีสอบโทอิค และได้รับเมลจากฝ่ายบุคคลเมื่อวานว่าการสอบในวันนี้จัดขึ้นที่ห้องบอลรูมชั้นที่สิบห้า และต้องมาก่อนเวลาสอบครึ่งชั่วโมง ถ้ามาสายเกินกว่ากำหนด ถือว่าสละสิทธิ์ เอวาเลยต้องเร่งทำเวลา ตื่นเช้ากว่าปกติ ขับรถจากบ้านเธอมาที่บริษัท ไหนจะฝ่ารถติดอีก รถยนต์ยุโรปขับเคลื่อนเข้าลานจอดภายในอาคารจอดของบริษัทช่วงเวลาแปดโมงยี่สิบนาที เท่ากับว่าเธอเหลืออีกแค่สิบนาทีเท่านั้น เอวาเร่งฝีเท้า เธอกลัวว่าถ้าสายเกินแปดโมงครึ่งเธอจะหมดสิทธิ์สอบ จนกระทั่งเธอมาทันเวลา เข้าห้องบอลรูมที่เป็นสนามสอบในเวลาแปดโมงยี่สิบเจ็ดนาที เธอผลักประตูบานใหญ่เดินตรงเข้าไปที่โต๊ะจุดลงทะเบียนพลางมองไปโดยรอบ นักศึกษาสอบแค่สิบคนทำไมต้องจัดสถานที่สอบใหญ่ขนาดนี้ "เอวา พิทักษ์สกุลค่ะ" เธอบอกชื่อรายงานตัว เซ็นชื่อเธอลงกระดาษ แล้วเดินไปประจำที่นั่ง จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงตรง สาวสวยในชุดสูทสีขาวปากแดง รองเท้าส้นสูงสีแดง เดินไปที่กลางเวทีและเอ่ยต้อนรับนักศึกษาทั้งสิบคนที่ได้รับการคัดเลือก "ฉันเพิ่งได้รับคำสั่งจากคุณมาวิน ประธานบริษัท ท่านแจ้งการเปลี่ยนแปลงคะแนนสอบโทอิค จากเดิมเก้าร้อยคะแนน เป็นสองพันคะแนน ใช้เวลาสอบทั้งหมดสามชั่วโมง ช่วงพักเที่ยงเราให้พวกคุณเบรคได้ภายในห้องบอลรูมนี้เท่านั้น อาหารเที่ยงและของว่าง เราจัดเตรียมพร้อมให้พวกคุณแล้ว และการสอบจะเริ่มอีกครั้งในเวลาบ่ายโมงตรง นั่นเท่ากับว่าคุณเหลือเวลาทำข้อสอบอีกเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น บ่ายสองโมงตรงพวกคุณต้องวางปากกาและหยุดทุกการกระทำ" "ฉันหวังว่าพวกคุณทั้งสิบคนจะเต็มที่กับการสอบคัดเลือกในครั้งนี้ และหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันในอนาคต ขอให้โชคดี" พนักงานเดินมาแจกข้อสอบ และการนั่งสอบของทั้งสิบคน กระจัดกระจายโดยรอบและอยู่ห่างไกลกันมาก "สองพันคะแนน บ้าหรือเปล่าคุณมาวิน" เอวาพึมพำเสียงเบา เปิดกระดาษข้อสอบที่ได้มา มีทั้งหมดยี่สิบหน้า แค่เห็นเธอก็เริ่มท้อ แต่ก็ต้องลงมือทำข้อสอบแล้ว -หลายชั่วโมงผ่านไป- "ตอนนี้เหลือเวลาอีกสิบนาที" เสียงของหญิงสาวคนเดิมเอ่ยขึ้นพร้อมกับบอกเวลา ผ่านไปครบสิบนาทีสุดท้ายเสียงกริ่งดังขึ้น สาวสวยคนเดิมพูดผ่านไมค์บอกนักศึกษาทั้งสิบคนให้หยุดทำข้อสอบ ฟู่ว~ เอวาพ่นลมหายใจ เธอทำข้อสอบข้อสุดท้ายเสร็จทันเวลาพอดี แล้วยื่นข้อสอบให้กับพนักงานที่เดินมาเก็บ "ผลคะแนนสอบทางเราจะแจ้งผ่านเมล ถ้าคนไหนที่สอบผ่าน ได้คะแนนตามเกณฑ์ให้แจ้งเมลตอบกลับ แต่ถ้าใครไม่ผ่านไม่ต้องแจ้งกลับมานะคะ ขอให้เข้าใจตรงกัน" "การสอบในครั้งนี้ดิฉันรู้ว่าทุกคนคงมีข้อสงสัยอีกมาก แต่บริษัทเราต้องการคนที่มีศักยภาพในการทำงาน เก่ง ฉลาด และมีคุณภาพ เรื่องการตรงต่อเวลาก็สำคัญมากเช่นกัน เราถึงต้องมีข้อกำหนดในเรื่องเวลาอย่างชัดเจน" "การฝึกงานสำหรับที่นี่คือการปฏิบัตจริง ไม่มีการโอนอ่อนใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าพวกคุณจะเป็นลูกคนรวย ครอบครัวมีชื่อเสียง เราไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ง่าย ๆ ไม่มีการใช้เส้นสาย การฝึกงานของพวกคุณเราประเมินตามผลงานจริง พวกคุณมีคำถามอะไรอีกไหมคะ" "..." "ถ้าไม่มี ดิฉันขอตัว สวัสดีค่ะ" "ขอโทษนะครับ พี่ชื่ออะไรครับ" ชายหนุ่มนักศึกษายกมือถาม ในจังหวะที่หญิงสาวบนเวทีกำลังจะเดินออกจากห้องบอลรูม "ถ้าคุณสอบผ่าน ดิฉันจะบอก" สาวสวยหันมาตอบเสียงเรียบ พลางส่งยิ้ม ๆ บาง ๆ ให้กับชายหนุ่มนักศึกษาที่เอ่ยถาม ก่อนจะเดินออกจากห้อง -Part Mavin- สายตาคมจ้องมองจอมอนิเตอร์ดูเหล่านักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือก และแน่นอนว่าคนที่อยู่ในจอ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าประธานบริษัทกำลังจับตาดูพวกเขาอยู่ "ตั้งใจดีนี่" มาวินยกยิ้ม ถึงแม้จะเป็นภาพในมุมไกล เขาก็ยังเห็นเอวาที่นั่งอยู่หน้าสุดใกล้ ๆ กับเวที และแน่นอนว่าที่ที่เอวานั่ง เขาเป็นคนกำกับบอกกับแอลลี่ สาวสวยที่ขึ้นพูดบนเวทีในวันนี้ แอลลี่ เธอทำงานในตำแหน่งเลขาคนที่สองรองจากวินโซ เอกสารทุกอย่างก่อนจะถึงมือเจ้านาย ต้องผ่านเธอก่อนทั้งหมด จากนั้นก็จะโอนงานให้กับวินโซดูแลต่อ เรียกง่าย ๆ ว่าทุกอย่างต้องถูกคัดกรองจากเธอทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องบนเตียง "แอลลี่ทำได้ดีไหมคะ คุณมาวินได้ดูหรือเปล่า" หญิงสาวเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน พร้อมกับเดินไปหาเจ้านาย หย่อนสะโพกสวยลงบนหน้าตัก "เธอทำมันได้ดีมาตลอดแอลลี่" มาวินเอ่ยชม เธอทั้งสวย ทำงานเก่ง ฉลาด และมีไหวพริบที่ดีเยี่ยม เขาจึงเลือกเธอให้มาเป็นเลขาคนที่สอง ช่วยจัดการเรื่องบางเรื่องที่ผู้ชายอาจจะทำได้ไม่ดีเท่าผู้หญิง เรียกว่าช่วยแบ่งเบาภาระวินโซไปได้มากพอสมควร "ว่าแต่ เด็กที่ชื่อเอวาคือใครคะ" แอลลี่ถามอย่างสงสัย ตั้งแต่มาวินสั่งเรื่องการจัดที่นั่งให้กับเอวา "ก็แค่เด็ก ถามทำไม" "เปล่าค่ะ" "ฉันไม่ชอบให้ใครมาสงสัยในสิ่งที่ฉันสั่ง คนไทยเขาเรียกว่าอะไรนะ..." "..." "Don’t be nosy!" มาวินพูดเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อต้องการให้เธอแปลเป็นภาษาไทย "อย่าสอดรู้สอดเห็นค่ะ” แอลลี่ตอบไม่เต็มเสียง นั่งหน้าเจื่อนเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากหน้าตักเขา แล้วเปลี่ยนมายืนข้าง ๆ แทน "...สอดรู้สอดเห็น คำนี้แม่ฉันเคยพูดบ่อย ๆ" ในสมัยที่เขายังเป็นเด็ก มาวินช่างถาม ช่างสงสัย ทำให้คุณแม่พูดคำนี้กับเขาอยู่บ่อยครั้ง กรรณิการ์ เคลเน็ธ คือชื่อคุณแม่ของมาวิน เธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ในช่วงที่เขาเพิ่งอายุเพียงสิบสองขวบ หลังจากที่คุณแม่ของเขาลาจากโลกนี้ไป มาวินอยู่กับเลนอลเพียงแค่สองคน เขาจึงได้ใช้ภาษาอังกฤษมากว่าภาษาไทย เพราะเลนอลพูดภาษาไทยไม่ได้ ถึงจะได้ก็แค่คำง่าย ๆ เท่านั้น และที่เขายังใช้ภาษาไทยได้และพูดได้ชัดก็เพราะกรรณิการ์เป็นคนสอน คำบางคำอาจจะลืมเลือนไปบ้าง แต่ยังไงเขาก็มีเชื้อสายคนไทยจากแม่ของเขาอีกครึ่งหนึ่งในเลือดเนื้อเชื้อไข เลนอลและกรรณิการ์ พบรักตอนเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ และได้มาเจอกับคุณพ่อเลนอล ทั้งสองเรียนในคลาสเดียวกัน เลนอลเป็นฝ่ายเข้าไปทำความรู้จักกรรณิการ์ก่อน เรียกง่าย ๆ ก็คือเข้าไปจีบ จนเวลาผ่านไปทั้งสองก็ได้ครองคู่กัน มีเขาเป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่เพียงแค่สิบสองปีเท่านั้นที่มาวินได้อยู่กับคุณแม่ และหลังจากคุณแม่เสีย เลนอลก็ไม่คิดมีภรรยาใหม่ เขามุ่งมั่นกับการทำงาน สานต่อธุรกิจของครอบครัวจนประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้ "ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปได้" "ค่ะ ว่าแต่คืนนี้คุณมาวินจะไปหาแอลลี่ไหมคะ" "ถ้าฉันไปเธอก็เห็นเอง" "ค่ะ" หญิงสาวได้คำตอบไม่เป็นที่พอใจ แต่ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ แล้วพาตัวเองออกจากห้องทำงาน "บอกไปก็ไป ไม่ไปก็ไม่ไป จะพูดกำกวมทำไม" แอลลี่ยืนพึมพำอยู่หน้าห้องทำงาน แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าเขาหล่อ รวย เป็นถึงอภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลก เธอคงไม่ยอมตกเป็นทาสเรื่องเซ็กซ์ให้กับเขาแน่ แต่เพราะมาวินให้ของมีค่ากับเธอมากมาย ที่ผู้หญิงทุกคนอยากได้ อยากมี แอลลี่จึงต้องคอยปรนเปรอความสุขให้กับเขา ถ้าเขาต้องการตัวเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม