เรือนขนาดกลางด้านหลังจวนสกุลจั๋วถูกปรับปรุงให้เป็นเรือนหออย่างเร่งด่วน จั๋วเหรินหาวนั่งยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องหอก่อนจะก้าวเท้าซวนเซเล็กน้อย มิตรสหายในสำนักมือปราบเมืองหลวงล้วนหน้าตาเบิกบานเข้ามา อวยพรเจ้าบ่าวผู้โชคดีอย่างเขากันทั่วหน้า ชายหนุ่มชนจอกสุราจนไม่รู้ว่าตนเองเริ่มเมาตั้งแต่เมื่อใด? รู้ตัวอีกทีจินวั่งซูก็บอกให้เพื่อนๆ มือปราบช่วยกันหาม ชายหนุ่มมาส่งถึงหน้าเรือนหอแล้ว
แอ้ด!.....
“ท่านมาแล้วหรือ?” ฉงหยวนหยวนไม่กล้าแหวกผ้าคลุมหน้าออกมาดูเจ้าบ่าว นางเห็นเพียงรองเท้าสีแดงปักลายนกอินทรีก็รู้แล้วว่านี่คือเขา
“มือปราบจั๋ว! คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองนะท่องเอาไว้!” เสียงสหายหนุ่มๆ ที่หามเขามาส่ง ส่งเสียงเฮฮาเย้าหยอกดังลั่น
ปังฮุ่ยกับปังหมิ่นยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องหันมายิ้มเมื่อเห็นเจ้าบ่าวหยิบคันชั่งขึ้นมาเปิดผ้าคลุมหน้าให้เจ้าสาว เสียงผู้คนที่ยืนมุงอยู่หน้าเรือนหอส่งเสียงฮือฮา
“สวยจริงๆ คุณหนูแปด สวยสมคำร่ำลือ!”
จั๋วเหรินหาวตะลึงมองดูเจ้าสาวในชุดแดงอร่ามตา เขารู้ว่านางเป็นสตรีที่สวยงามยิ่งนัก แต่ในยามที่อยู่ในชุดเจ้าสาวเช่นนี้ยิ่งสวยจนเกินจะบรรยาย เขายืนนิ่งมองดูนางอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใดต่อไปดี เพราะเขากับนางมิใช่เจ้าบ่าวเจ้าสาวตัวจริง เป็นแต่เพียงคู่กำมะลอที่วางแผนจับคนร้ายเท่านั้น
“ดื่มสุรามงคลกันก่อนสิ!” หัวหน้าโหยวอีแหวกคนที่รุมล้อมทั้งหมดเข้าไปในห้องแล้วเลื่อนถาดสุราที่มีจอกสีแดงวางคู่กันให้กับคนทั้งคู่ สองหนุ่มสาวสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นมือปราบจั๋วก็เป็นคนเทสุรามงคลแล้วยื่นให้นาง ทั้งสองคล้องแขนดื่มสุราท่ามกลางเสียงปรบมือของคนทั้งหลายที่ยืนมุงอยู่หน้าห้อง
“ขอให้พวกเจ้าครองรักกันราบรื่นดุจไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะ” หัวหน้าโหยวกล่าวอวยพรด้วยใบหน้าชื่นมื่น
จั๋วเหรินหาวขยับไปใกล้แล้วกระซิบ “ท่านจะเล่นสมบทบาทเกินไปนะขอรับหัวหน้าโหยว ข้าชักจะเริ่มอายแล้ว”
“เอาน่าๆ คืนนี้คืนเข้าหอของเจ้า ข้าไม่รบกวนนานจะดีกว่า” หัวหน้าโหยวหัวเราะเสียงดังลั่นห้องก่อนจะตบบ่าลูกน้องคนสนิทหนักๆ “คุณหนูแปด ข้าฝากจั๋วเหรินหาวด้วยก็แล้วกัน เขาอาจจะเป็นคนตรงไปตรงมามากหน่อยแต่จิตใจดีและเป็นคนรับผิดชอบสูงมาก ท่านฝากชีวิตไว้กับคนผู้นี้น่ะถูกแล้ว”
มือปราบจั๋วรีบกระตุกแขนของหัวหน้าตนเองเบาๆ เมื่อเห็นว่าโหยวอีฝากฝังราวกับเขาและคุณหนูแปดแต่งงานกันจริงๆ ครั้นโหยวอีเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมจะเรียกให้บุรุษทั้งหลายหลบออกไป
“ไปได้แล้วพวกเจ้า! ให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวได้อยู่กันลำพังบ้าง”
เสียงเฮฮาเมื่อครู่ค่อยๆ ลดลงพร้อมกับฝีเท้าคนจำนวนมากค่อยๆ ห่างออกไป พวกเขามุ่งหมายจะดื่มสังสรรค์กันต่อที่ด้านหน้า
“ขอให้นายท่านกับฮูหยินมีความสุขมากๆ นะเจ้าคะ” เสียงปังฮุ่ยกับ ปังหมิ่นดังขึ้นพร้อมกันก่อนที่พวกนางจะงับประตูหน้าห้องให้สนิท
“เฮ้อ! เสร็จเสียที!”
เสียงของฉงหยวนหยวนดังขึ้น นางลุกขึ้นสะบัดแขนไปมา เดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพยายามขยับเครื่องประดับที่ศีรษะอยู่ครู่หนึ่งก็หันมาหาชายหนุ่มในชุดแดงที่ยืนนิ่งมองอยู่ข้างหลัง
“ท่านไม่คิดจะมีน้ำใจมาช่วยข้าเอามันออกหน่อยหรือ? หนักจะตายข้าปวดคอจะแย่แล้วนี่! หากไม่เป็นเพราะฆาตกรบ้าๆ ข้าก็คงไม่ต้องมาทำเรื่องลำบากเช่นนี้แล้ว”
จั๋วเหรินหาวเดินทื่อๆ เข้าไปด้านหลัง ก้มๆ เงยๆ มองหาตำแหน่งที่จะช่วยปลดสิ่งที่รุงรังอยู่บนหัวนางออก
“ข้าก็ไม่เคยใส่ ทั้งไม่เคยช่วยผู้ใดถอด ต้องเริ่มจากที่ไหนก่อนล่ะ?”
เขาดึงส่วนที่รั้งอยู่ท้ายทอยของนางดึงอึก
“โอ๊ย! ท่านเบาๆ หน่อยสิ! นี่มันครั้งแรกของข้านะ” เสียงของฉงหยวนหยวนดังไปถึงหน้าประตู ปังฮุ่ยกับปังหมิ่นที่นั่งเฝ้าอยู่เก้าอี้ด้านหน้าถึงกับหันมามองหน้ากัน ใบหน้าของสองสาวร้อนผ่าว
“ขอโทษๆ ข้าจะค่อยๆ ทำก็แล้วกัน” เสียงของเจ้าบ่าวดูเกรงอกเกรงใจ
เสียงของคนทั้งสองจิ๊จ๊ะๆ กันอยู่เป็นระยะๆ ปังฮุ่ยหัวเราะคิกๆ
“เจ้าว่าคุณชายจั๋วดูเหมาะสมกับคุณหนูแปดหรือไม่?”
“เหมาะสิ! ฝ่ายชายดูเคร่งขรึมเจ้าระเบียบ ฝ่ายหญิงเอาแต่ใจเรื่องมาก ข้าว่าคราวนี้ล่ะ คุณหนูจะเจอคนที่กำราบลงได้สักที”
เมื่อนางปลดเครื่องประดับได้หมดแล้ว ยังขอให้เขาช่วยถอดเสื้อผ้าที่ซ้อนกันหลายชั้นออกด้วย “ข้าจะหายใจไม่ออกแล้ว ท่านมาช่วยปลดออกที”
จั๋วเหรินหาวทั้งเมาทั้งมึนทั้งงง ก้มๆ เงยๆ ช่วยนางถอดเสื้อผ้าที่ซับซ้อนออก นางก็พอให้เขาพอ ก่อนจะเดินไปล้างหน้าเปลี่ยนชุดนอนหลังฉาก เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หัวโล้นข้างโต๊ะกลมก่อนจะรินน้ำชาดื่มอีกสองอึก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องอยู่ตามลำพังในห้องกับหญิงสาว หนำซ้ำยังเป็นหญิงสาวที่งดงามมากเสียด้วย เมื่อนางก้าวออกมาเห็นเขานั่งโงนเงนอยู่ก็รีบเอ่ยเตือน
“ท่านไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียสิ ไม่ต้องกระดากหรอก เราสองคนคงต้องร่วมมือกันไปอีกพักใหญ่ ข้าเตรียมที่นอนให้ท่านไว้พร้อมแล้ว” นางพูดจบก็ก้มลงลากแคร่เตี้ยกว้างที่ซ้อนอยู่ใต้เตียงนอนใหญ่ออกมา ข้างบนมีฟูกหนาปูอยู่พร้อมทั้งหมอนและผ้าห่มเสร็จสรรพ
จั๋วเหรินหาวหันไปเห็นที่นอนที่นางเตรียมไว้ให้ก็อ้าปากค้าง “ยังดีที่ท่านไม่คิดจะให้ข้านอนพื้น มิน่า! ผ้าคลุมเตียงถึงได้ชายยาวเชียว”
เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปหลังฉาก เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ออกมาล้มตัวลงนอนบนแคร่ไม้ไผ่ที่มีฟูกปูไว้อย่างสบายใจ ไม่แม้แต่จะเหลือบมองสาวงามที่นอนทำตาปริบๆ อยู่บนเตียงด้วยความระมัดระวังเพราะเกรงชายหนุ่มที่ดูเมามายผู้นี้จะคิดเกินเลยกลับตน ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเขากรนเบาๆ คุณหนูแปดคนงามถึงกับต้องชะโงกหน้าก้มลงมาดูเขาแทน
“นี่ข้าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเลยนะ!”
**********************