อลอนโซ่เดินตามออกมา เมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายเขาก็รู้ในทันทีว่าลูกชายกำลังแหย่เสือหลับ ซันเซสขึ้นชื่อว่าเป็นนักธุรกิจที่เก็บตัวเงียบและสุงสิงกับคนน้อยที่สุด เพราะเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง จึงเป็นการยากที่จะเข้าถึงเขา รวมถึงล้วงข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในทางธุรกิจ แตกต่างจากพ่อของเขา
“มาแล้วเหรอหลานชาย ไม่ได้เจอกันนานเป็นปีเลยนะ” อลอนโซ่เอ่ยทักทาย ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย แต่เขากลับถูกแขกเบรกกลับหน้าหงายเหมือนลูกชายที่โดนไปก่อนหน้า
“ต้องขอโทษด้วย ผมไม่นิยมนับญาติกับคู่ค้าทางธุรกิจ” เขาบอกด้วยใบหน้าและแววตาราบเรียบ ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกข้างใน แต่ก็น่าเกรงขามในที
สีหน้าของคนทักเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อถูกตอบกลับอย่างยอกย้อนทั้งที่อีกฝ่ายเป็นเด็ก เขาได้แต่กัดฟันกรอดและเก็บความโกรธเอาไว้ข้างใน
“นั่งก่อนสิ” เจ้าของอาณาจักรผายมือเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มนั่ง ก่อนจะตบมือให้จังหวะเรียกสาวงามจากด้านหลังออกมาบริการเขา เพราะคิดว่าอย่างไรผู้ชายก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้อยู่วันยังค่ำ
“เต็มที่เลยนะ อยากได้อะไรเพียงแค่เอ่ยปากบอก” อลอนโซ่บอกเหมือนสนิทสนมคุ้นเคยกับชายหนุ่มเป็นอย่างดี
ซันเซสเบือนหน้าหลบ พ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย คนพวกนี้ไม่เคยคิดอะไรสร้างสรรค์นอกจากเรื่องบนเตียงเลยจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรับนัดจากตระกูลคาซ่าเลย ทั้งที่อีกฝ่ายพยายามที่จะสร้างมิตรกับเขา หากแต่ครั้งนี้การนัดหมายกลับตรงจังหวะที่มีผู้หญิงนำเดลล่าไปวางไว้ที่หน้าคฤหาสน์ของเขา
เขากำลังสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นนางนกต่อของคาซ่า อาจจะมีแผนเบื้องลึกบางอย่างที่จะเข้าถึงตัวเขา เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครสามารถเข้าถึงตัวเขาได้เลย แม้กระทั่งการร่วมทุนธุรกิจ ซันเซสก็ไม่ยอมร่วมหุ้นกับเพื่อนเก่าของบิดาคนใดทั้งสิ้น
การมาครั้งนี้ของเขาก็เพียงแค่หยั่งเชิงอีกฝ่าย แต่ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะใช้วิธีการเดิมที่ใช้กับบิดาของเขา
“เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผมอยากรู้ธุระที่พวกคุณเชิญผมมา”
อลอนโซ่หัวเราะออกมา “จริงจังไปไหมหลานชาย ผ่อนคลายบ้าง”
ซันเซสหันมาสบตาผู้สนทนาอย่างไม่พอใจ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ผมจะกลับ” เขาบอกพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นยืน ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เตรียมจะก้าวขาออกไป แต่อีกคนก็ร้องทักเอาไว้เสียก่อน
“อาอยากจะซื้อหุ้นคาสิโนมาบริหารเอง” อลอนโซ่เข้าเรื่อง เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทางว่าจะยอมเจรจาด้วยดีๆ เขาจึงเข้าเรื่อง เขาเพิ่งได้สัมผัสความจริงจังของผู้นำคาร์ลอส ปาร์คคนใหม่ก็ตอนนี้เอง
ซันเซสหันกลับมามองคนพูด เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มให้ความสนใจ อลอนโซ่ก็รีบอธิบายต่อ “อามองว่าหลานไม่ชอบธุรกิจด้านนี้ ปล่อยวางและให้อามาบริหารตอบจะดีกว่า”
“พ่อของผมเป็นลูกชายคนเดียว ผมไม่มีอาที่ไหน” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ปรายตากลับมามองสองพ่อลูกก่อนจะทิ้งประโยคสุดท้าย
“ผมไม่คิดจะส่งต่อคาร์ลอส ปาร์คให้ใคร และแม้ว่าผมจะไม่ชอบและไม่ถนัดธุรกิจในด้านนี้ แต่ผมก็สามารถสร้างกำไรได้มากกว่าตอนที่พ่อของผมบริหารเกือบเท่าตัว” ชายหนุ่มทิ้งประโยคสุดท้ายอย่างหยิ่งทะนง
“คิดดีๆ นะ” อีกฝ่ายจ้องกลับด้วยแววตาไม่อ่อนข้อ
“ขอบคุณที่เชิญมาฟังแนวคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้ของพวกคุณ ผมลาล่ะ” ชายหนุ่มบอกและเดินออกไป เขายังคงทิ้งความหยิ่งทะนงเอาไว้เต็มเปี่ยม นั่นทำให้อลอนโซ่ยิ่งเจ็บแค้นหนัก เมื่อถูกนักบริหารรุ่นลูกข้ามหัวเหมือนเขาเป็นหัวหลักหัวตอ
หลังจากก้าวออกมาจากคาซ่า กรุ๊ป คาเธอร์ก็รีบรายงานคนเป็นเจ้านาย เขาได้รับรายงานจากที่บ้านว่าแม่หนูน้อยเดลล่าร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด ตั้งแต่ตอนที่ชายหนุ่มออกจากบ้านได้หนึ่งชั่วโมงแรก พี่เลี้ยงที่คอยดูแลอับจนหนทางที่จะปลอบเธอให้หยุดร้อง
“ทำไมเพิ่งจะบอกฉัน” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย ถ้าพวกเขาบอกเร็วกว่านี้ เขาจะไม่เสียเวลาพูดคุยกับคนของคาซ่าให้เสียน้ำลายเปล่า
“ผมเห็นบอสกำลังเจรจาธุรกิจ” คาเธอร์โค้งให้เจ้านายหนุ่ม บอกอย่างไม่เต็มเสียง
“กับคนที่พยายามจะนับญาติกับฉันเพื่อหวังผลประโยชน์นั่นเหรอ คนแบบนี้อย่าเรียกว่านักธุรกิจเลย” เขาบอก จังหวะที่เขาก้าวเข้าไปในรถ ชายหนุ่มรีบสั่งคนขับทันที
“กลับบ้าน”
คำสั่งของเจ้านายหนุ่มทำให้คนที่กำลังก้มมองตารางนัดหมายในหน้าจอเงยหน้าขึ้นมาค้าน
“บอสมีนัดดินเนอร์กับคุณเอเรียน่าต่อ”
“ยกเลิกนัด” เขาตอบโดยไม่ต้องคิด เพราะรู้ว่าฝ่ายนั้นก็ หวังผลประโยชน์จากเขาเช่นกัน แต่เมื่อเขาไม่ยอมตกลงดีๆ คนพวกนั้นก็ใช้ผู้หญิงอย่างเอเรียน่าเข้ามาหลอกล่อ
เกรซ ฮาลอนโซ่ เป็นรองประธานาธิบดีในตำแหน่ง แต่เขาก็เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของคาซ่า กรุ๊ปเช่นกัน แม้ว่าตอนนี้จะวางมือและหันไปเล่นการเมือง แต่เขาก็ยังมีหุ้นในคาซ่า กรุ๊ปไม่น้อย
ซันเซสเกลียดการใช้ผู้หญิงเข้ามาเป็นข้อต่อรองในธุรกิจ คนพวกนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชายพอที่จะต่อสู้ด้วยชั้นเชิงและความสามารถ
“แต่คุณเอเรียน่าเป็นหลานสาวของรองประธานาธิบดีนะครับ ผมเกรงว่าจะมีปัญหาตามมาภายหลัง”
“บอกไปว่าฉันป่วยกะทันหัน แล้วส่งช่อดอกไม้ไปขอโทษเธอด้วย” คนเป็นนายบอกต่ออย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่รู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนกับการนัดหมายครั้งนี้แม้แต่นิด
เอเรียน่าเป็นสาวสังคมที่ทุกคนลงความเห็นว่าเขาเหมาะสมและคู่ควรกับเธอ หญิงสาวทำตามความต้องการของคนเป็นลุง โดยที่เขาเองยังรู้สึกว่าเธอยังอยากมีชีวิตอิสระ และไม่ชอบผู้ชายเก็บตัวเงียบไร้สังคมแบบเขา โดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าต้องตกเป็นเหยื่อของคนหื่นกระหายเงินและอำนาจอย่างพวกนั้น
ที่จริงจะเรียกว่า... เขาเบื่อหน่ายสังคมต่างหาก เขาเกลียดสังคมของบิดาที่มักมีผลประโยชน์เข้ามาแอบแฝงเสมอ หากไม่มีเรื่องจำเป็น เขาคงทิ้งธุรกิจของบิดาให้คนอื่นสานต่อและอยู่ในสังคมของตัวเองต่อไป เขาชอบอยู่กับหนังสือเล่มโปรด ออกแบบโครงสร้างและสิ่งประดิษฐ์ของเขาในห้องมากกว่าจะออกไปพบปะผู้คน
หากแต่ความจำเป็นบีบบังคับ และเมื่อต้องออกมาโลดแล่นในโลกธุรกิจมืดของบิดา เขาก็พบว่ามันมืดดำจนทำร้ายสตรีเพศในวงกว้าง พวกนั้นจะไม่กลับเข้ามาข้องแวะและยุ่งเกี่ยวกับคาร์ลอส ปาร์ค ถ้าหากว่าตอนนี้ ซันเซสไม่กำลังแหย่หนวดเสืออยู่
ชายหนุ่มกลับไปที่บ้านอย่างเร่งรีบ พอกลับถึงบ้านก็เห็นอดัมยืนรอรายงานอยู่
“มีอะไร”
“เจอเบาะแสผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”
“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน”
“ประเทศไทย”
คนเป็นนายย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจ ถามย้ำอีกหน “ประเทศไทย!”
“ครับ... ประเทศไทย ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” อดัมรายงานต่อ
“แล้วฉันบอกนายอย่างนั้นหรือ ว่าฉันอยากรู้ว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหนของแผนที่โลก” ซันเซสถามย้ำอย่างหัวเสีย
“เอ่อ... ครับ” อีกคนเดาอารมณ์ของคนเป็นนายไม่ออก
“แล้วจะยืนเซ่ออยู่ทำไม... ต้องให้ฉันบอกนายด้วยหรือว่าต้องทำยังไงต่อ หรือฉันควรสั่งคนอื่นไปทำแทน ส่วนนายก็ปลดระวางตัวเองกลับไปปลูกแอปเปิลหรือทำพิซซ่าขายน่าจะดี”
แววตาของอดัมมีความลังเล แต่เขาก็ตัดสินใจบอกความจริงออกไป “ระยะทางจากอิตาลีไปเมืองไทยก็หลายชั่วโมง ผมคงพาเธอกลับมาไม่ได้ภายในสามวัน” ชายหนุ่มบอก พวกเขาไม่เคยถือวิสาสะใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของคนเป็นนาย
“หรือว่านายต้องการจะเขียนใบลาออกตอนนี้เลย”
“ครับ” อดัมโค้งให้เจ้านายหนุ่มและรีบเดินออกไปก่อนที่เขาจะตกงาน
คนเดินออกไปมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่มีทางที่เขาจะพาผู้หญิงคนนั้นกลับมาได้ภายในสามวันอย่างที่เจ้านายให้กำหนดเวลาไว้ เพราะนับระยะเวลาในการเดินทางไปกลับก็กินเวลาเกือบหมด ทางเดียวคือเขาต้องมีแผนเด็ดที่จะทำให้เธอรีบตามกลับมาอย่างเร็วที่สุดเท่านั้น