เด็กหญิงเดลลา

1448 คำ
Chapter 2 เดลล่าเป็นชื่อที่สลักอยู่บนสร้อยข้อมือที่ติดตัวเธอมา แต่สร้อยเส้นนั้นเป็นสร้อยที่มีเพียงเส้นเดียวในโลก ที่ถูกสั่งทำขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเท่านั้น เขาพยายามหาความหมายของข้อความที่สลักอยู่บนตัวสร้อย รวมไปถึงความต้องการที่น่าจะเป็นของบุคคลที่นำเด็กคนนี้มาวางเอาไว้พร้อมสร้อยที่หน้าคฤหาสน์ของเขา บางทีอาจจะแค่ต้องการสืบข้อมูลบางอย่าง บางทีก็อาจจะแค่ก่อกวน หรือบางทีมันอาจจะมีรายละเอียดลึกซึ้งมากกว่านั้น เขาไม่อาจคาดเดา และตอบได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ดวงตาสีมรกตของเขาละจากตัวอักษรที่สลักอยู่ สบตาบอดีการ์ดหนุ่มและส่งสร้อยเส้นนั้นให้คาเธอร์ “เอาสร้อยเส้นนี้ไปเช็กที มีฝังไมโครชิปอะไรเอาไว้ข้างในหรือเปล่า เก็บไว้เพียงตัวเด็กและสร้อยเส้นนี้ ส่วนสัมภาระที่ ติดตัวของเธอทั้งหมดก็ทำลายทิ้งให้หมด จากนั้นนายก็ช่วยจัดการเรื่องของใช้เด็กอ่อนให้เธอด้วย” ชายหนุ่มสั่งคาเธอร์เสียงเข้ม คนได้รับคำสั่งเพียงโค้งคำนับเพื่อเป็นการตอบรับ แต่ก็ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพื่อรอรับคำสั่งเพิ่ม “ไปจัดการตอนนี้เลย” ชายหนุ่มย้ำอีกรอบ “ครับ” คาเธอร์รับคำและเดินออกไปจัดการทันที หลังจากที่คาเธอร์เดินออกไป ซันเซสเบนสายตาคู่คมเพ่งมองไปยังเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่อยู่ในตะกร้า พูดกับเธอเบาๆ “เธอต้องการบอกอะไรกับฉัน...” เจ้าของดวงตาใสแจ๋วถูกพันตัวไว้กับผ้าผืนหนา และวางไว้ในตะกร้าอีกชั้น สิ่งที่โผล่พ้นออกมาให้เห็นมีเพียงดวงตาใส จมูกเล็กๆ ที่โด่งนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากสีชมพูสดเป็นกระจับรับกับพวงแก้มใสสีชมพูระเรื่อ ปากของเธอยังขยับร้องไม่หยุดตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ ชายหนุ่มเงยหน้าสบตากับบอดีการ์ดก่อนจะถาม “เด็กผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ ส่งตัวมาให้ฉันที ทำไมยังร้องอยู่” “เธอเป็นเด็กผู้หญิง อายุน่าจะเดือนเศษ ผมก็ไม่ทราบว่าเธอร้องเพราะอะไร ทั้งอุ้มทั้งปลอบก็ไม่หยุดร้องสักที” อดัมบอก ซันเซสพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ คงไม่มีใครเข้าใจอาการของเด็กที่ไม่สามารถพูดคุยหรือบอกอะไรได้ หากบุคคลพวกนั้นไม่ได้คลุกคลีอยู่กับเด็กและทารกจนสังเกตอาการออก อดัมยกตะกร้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะช้อนตัวสาวน้อยได้ถนัด ช้อนอุ้มตัวเด็กที่อยู่ในตะกร้าส่งให้เจ้านายหนุ่ม ทันทีที่เธอถูกส่งไปยังอ้อมกอดของ อีกคน เสียงร้องไห้จ้าเมื่อครู่ก็หยุดชะงักลงราวปิดสวิตช์ “อ้าว! หยุดร้องเลย” อดัมอุทานออกมามองหน้าเธออย่างแปลกใจ ท่ามกลางบรรยากาศตอนเช้ามืดในช่วงปลายซัมเมอร์อุณหภูมิเกือบสิบห้าองศา แต่ชายหนุ่มยังสัมผัสถึงความอุ่นในตัวของเด็กน้อย ร่างกายของเธอยังอุ่นอยู่ในตะกร้าผ้า นั่นก็แสดงว่า... หญิงสาวนางนั้นวางตัวเด็กคนนี้เอาไว้ไม่นาน ก่อนที่จะมีคนไปพบ “แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา” ชายหนุ่มบอกกับเจ้าของดวงตาใสแป๋วที่กำลังมองเขาอยู่ เพียงแค่เห็นดวงตาคู่นั้นเขาก็ทําร้ายไม่ลง ไม่น่าเชื่อว่าแม่ของเธอจะทิ้งลูกสาวไว้หน้าบ้านคนอื่นได้ลงคอ บอดีการ์ดหนุ่มยิ้มออกมา ในขณะที่ดวงตาของคนอุ้มนุ่มนวลลงอย่างเห็นได้ชัด หนูน้อยทำปากจู๋และดูดปากเล็กน้อยเหมือนเธอกำลังหิวนม ซันเซสเงยหน้าขึ้นมองบอดีการ์ด ลืมความโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่ไปชั่วขณะ “นายช่วยฉันดูหน่อยซิ อาการแบบนี้เธอหิวนมหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามบอดีการ์ดหนุ่ม อดัมชะเง้อคอไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าในอ้อมกอดของเจ้านาย เขาพยักหน้าคล้อยตามและตอบกลับไปทันที “เหมือนจะใช่ครับ” “นายชงนมเป็นไหม” อดัมส่ายหน้าหวือกับประโยคถัดมาของเจ้านายหนุ่ม พวกเขายังไม่เคยมีลูก แม้แต่ในคฤหาสน์ก็ไม่มีผู้หญิงสักคน แม้กระทั่งเชฟที่ทำอาหาร ก็ล้วนแต่เป็นทีมของผู้ชายทั้งสิ้น “ไม่ครับ” เขาตอบทันที “ผมไม่เคยมีลูก ไม่เคยต้องเลี้ยงเด็ก และที่นี่ก็ไม่มีนมผงสำหรับเด็กอ่อน” “ไม่เคย ก็ลองสิ ไปจัดการเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม “เราไม่มีนม เราไม่เคยซื้อนมเด็กอ่อนมาไว้” “ไม่เคยก็ไปซื้อ” ชายหนุ่มบอกกึ่งตวาด เพราะสาวน้อยเริ่มส่งเสียงร้องไห้อีกครั้ง หลังจากเงียบไปสักพัก อดัมย่นคิ้วอย่างใช้ความคิด และบอกเหมือนเพิ่งนึกได้ “ในกระเป๋าที่คาเธอร์ถือออกไปมีชุดขวดนมอยู่ในกระเป๋าอีกใบเตรียมมาด้วย” “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกคาเธอร์กลับมาก่อน” เมื่อมีคำสั่งต่อท้าย อดัมโค้งให้เจ้านายและรีบจัดการทันที หลังจากผ่านไปไม่นานทั้งหมดก็มารวมตัวกันอยู่ห้องโถง ของที่อยู่ในกระเป๋าสัมภาระที่ติดตัวสาวน้อยเดลล่าทั้งหมด ถูกนำมาวางกองเรียงไว้ด้านหน้า ทุกสายตาต่างจับจ้องและใช้ความคิด พวกเขาพูดคุยและถกเถียงกันพักใหญ่ถึงวิธีการชงนมเลี้ยงเด็กอ่อน แต่ทุกความเห็นกลับสวนทางกัน “มัวเถียงกันแบบนี้จะได้อะไรขึ้นมา ไปหาข้อมูลสิ ชงนมยังไง” ชายหนุ่มตวาดอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเห็นบอดีการ์ดหนุ่มยังยืนถกเถียงกันอยู่ “ครับๆ” อดัมตอบรับและรีบเดินออกไปก่อนเพื่อหาข้อมูล คาเธอร์เดินตามออกไป ในขณะที่ซันเซสอุ้มสาวน้อยเดินวนไปมาเพื่อปลอบให้เธอ หยุดร้อง สาวน้อยหยุดได้เพียงสักพักก็ร้องขึ้นมาอีก จนปัญญาที่คนอุ้มจะหาทางออกให้เธอหยุดร้องได้ทุกครั้ง เวลาผ่านไปนาน นมที่สั่งให้ชงก็ยัง ไม่เสร็จจนคนสั่งเริ่มหงุดหงิดหัวเสียขึ้นมาอีกครั้ง “หยุดร้องนะคนดี หยุดร้องนะครับ เดี๋ยวนมก็มาแล้ว จะได้หม่ำๆ กัน” ชายหนุ่มก้มลงบอกคนในอ้อมกอดเสียงนุ่มนวล แต่เพียงแค่เขายกตัวเธอขึ้นมาก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ “นี่กลิ่นอะไรอีกล่ะ” เขารำพึงเมื่อได้กลิ่นบางอย่างจากตัวเธอ และสาวน้อยก็ส่งเสียงร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาส่งเสียงตะโกนเรียกบอดีการ์ด ทุกคนที่อยู่ในบ้าน “ใครอยู่แถวนี้บ้าง ออกมาที่นี่ให้หมด” เสียงตะโกนของชายหนุ่มทำให้สาวน้อยยิ่งร้องไห้หนัก เพราะเธอตกใจกับเสียงของเขา หลังจากนั้นทั้งคฤหาสน์ก็วุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ชายฉกรรจ์ยืนล้อมสาวน้อยที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอร้องไห้จ้าในขณะที่พวกเขาทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าสาเหตุของการร้องไห้เกิดจากอะไร “ให้ไปชงนม ได้หรือยัง” ซันเซสตะโกนถามอย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้ง เขาเข้าใจว่าที่เธอร้องเป็นสาเหตุมาจากหิวนม ในขณะที่คนไปชงนมเงอะงะ ทำไม่ถูก “อุแว้ๆ” เด็กหญิงยิ่งแผดเสียงร้องหนักขึ้น เธอคงหวาดกลัวกับเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของชายหนุ่มด้วย เมื่อเห็นเด็กหญิงร้องไห้จ้า เขาก็ช้อนอุ้มตัวเธอขึ้นมาอีกครั้งพลางโยกตัวเบาๆ ไปด้วย “หยุดร้องนะคะ หยุดร้องนะคนสวย” ชายหนุ่มปลอบเสียงนุุ่ม เขาทำราวกับว่าสาวน้อยอายุเพียงเดือนเศษจะเข้าใจคำพูดของเขา แต่น้ำเสียงอ่อนโยนก็ทำให้เด็กหญิงหยุดมองเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้เธอหยุดร้อง แม้ว่าเขาจะทั้งปลอบ ทั้งโยกตัวเธอเบาๆสลับกับกอดแนบเธอเข้าลำตัว หรือแม้แต่ส่งเสียงจุปากให้เธอหยุดร้องก็ไม่เป็นผล เขาเดินวนรอบโต๊ะเพื่อเป็นการกล่อมให้สาวน้อยหยุดเสียงร้อง ซึ่งก็ได้ผลชั่วขณะ เมื่อเห็นบอดีการ์ดหนุ่มเดินออกมาเขาก็สบถคำรามในลำคอ “ให้ไปชงนมก็หายไปทั้งคู่ ฉันไม่ได้สั่งให้พวกนายไปทลายบ่อนเถื่อนนะ จะได้หายกันไปนานขนาดนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม