บทที่ 2 แอบมองแบบห่าง ๆ [1/2]

1370 คำ
ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันสนใจในตัวพี่เหมันต์ สายตาของฉันก็เอาแต่มองหาพี่เหมันต์ตลอดเวลา ทั้งคอยแอบมองทั้งแอบส่องเหมือนเป็นยัยโรคจิต ไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าวเที่ยงหรือแม้แต่ตอนเรียนที่ฉันมักขอทีชเชอร์ไปเข้าห้องน้ำแล้วเนียนเดินผ่านหน้าห้องของพี่เหมันต์ ฉันปิดหนังสือวาดภาพแล้วหยัดกายลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องศิลปะ เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้ว ตึง...ตึง...~ ขณะที่กำลังเดินลงบันไดมา เสียงดีดกีตาร์ก็เรียกความสนใจของฉันจนต้องเดินตามเสียงของมันมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเท้าหยุดอยู่ที่หน้าห้องซ้อมดนตรีที่เปิดประตูค้างไว้ มองเข้าไปในห้องก็เห็นร่างสูงกำลังนั่งเล่นกีตาร์ในเพลง Acoustic อยู่แบบเพลิน ๆ ซึ่งเขาก็คือพี่เหมันต์นั่นเอง ฉันจำรูปร่างของพี่เหมันต์ได้ดี ตอนนี้พี่เหมันต์นั่งหันหลังจึงไม่เห็นว่าฉันกำลังแอบดูอยู่ ฉันแอบยืนมองพี่เหมันต์ที่กำลังเล่นกีตาร์อย่างเคลิบเคลิ้มเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไม่รู้ว่านานขนาดไหน รู้ตัวอีกทีเสียงกีตาร์ก็หยุดลง ฉันรีบหลบหลังบานประตูเมื่อจู่ ๆ พี่เหมันต์ก็วางกีตาร์ลงแล้วเดินออกมาจากในห้อง และเดินผ่านหน้าฉันลงบันไดไปโดยไม่เห็นฉัน เมื่อเห็นว่าพี่เหมันต์เดินไปนานแล้ว ฉันก็ออกจากหลังบานประตู แล้วก้มลงมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ พอเห็นเวลาดวงตาก็ต้องเบิกโพลงโตเมื่อเห็นว่าถึงเวลาเรียนคาบบ่ายแล้ว ขาเรียวสั้นรีบวิ่งลงบันไดตึกกิจกรรม แล้วออกแรงวิ่งขึ้นตึกเรียนต่อ พอมาถึงห้องก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะโชคดีที่ทีชเชอร์ยังไม่เข้าห้อง “ตัวไปแอบวาดรูปมาอีกแล้วเหรอแยมโรล” ยาหยีเอ่ยถามฉันขณะที่ฉันกำลังหยิบหนังสือภาษาอังกฤษออกมาเตรียมไว้ “อื้ม ห้องศิลปะเงียบดี” ตอบยาหยีไปพลางหอบแฮก ฉันชอบแอบไปนั่งวาดรูปที่ห้องศิลปะตึกกิจกรรมตอนพักเที่ยงเป็นประจำ เพราะมันเงียบสงบและทำให้ฉันมีสมาธิดี “หลอนจะตาย ไม่เห็นจะมีใครไปใช้ห้องนั้นนอกจากตัว” ยาหยีพูดพลางเอามือลูบแขนตัวเองเหมือนขนลุกขนชัน และไม่แปลกที่ยาหยีจะพูดแบบนี้ เพราะตึกนั้นแทบไม่ค่อยมีคนไปใช้สักเท่าไหร่ มันเป็นตึกเก่าน่ะ และจะครึกครื้นเป็นพิเศษเฉพาะเวลามีจัดแข่งงานศิลปะหัตถการหรือช่วงมีงานกิจกรรมของโรงเรียน หลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษเสร็จก็เป็นคาบว่างพอดี ฉัน ยาหยี และหมิว จึงมานั่งจับกลุ่มคุยเล่นกัน หรือเรียกว่าการนั่งเม้าท์มอยนั่นแหละ “บ้านตัวเลี้ยงแมวเหรอยาหยี เราเห็นตัวลงสตอรี่ไอจีเมื่อคืน” “ใช่ ชื่อน้องยี่หวา” “ชื่อแมวตัวคล้ายชื่อตัวเลย” “แม่เราตั้งไง เราอ่ะอยากตั้งชื่อชาเย็นมาก แต่แม่ไม่ยอม ก็เลยทำใจ” “ฮ่าฮ่าฮ่า” “เราชอบมินกยูอปป้ามาก” “เราก็ชอบมินกยูอปป้า แต่ชอบอึนอูอปป้ามากกว่า” เราสามคนนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องทั่วไปจนกระทั่งลามไปถึงอปป้าไอดอลเกาหลี และฉันก็ตัดสินใจพูดบางอย่างออกไปให้เพื่อนทั้งสองคนได้รู้หลังจากทำใจมานาน “เราว่าเราชอบพี่เหมันต์เข้าแล้วจริง ๆ” พูดจบก็ทำเอาสองคนนั้นหันมองหน้ากัน ก่อนจะขำก๊ากออกมาอย่างดูตลกขบขัน “ฮ่าฮ่าฮ่า...พวกเราสองคนรู้ตั้งนานแล้วตัว” “......” ได้ยินหมิวตอบมาแบบนั้นฉันก็อ้าปากเหวอ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนทั้งสองจะรู้ เพราะตอนแรกฉันบอกเพื่อนว่าแค่สนใจพี่เหมันต์เฉย ๆ ยังไม่ได้ชอบ “ตัวแสดงออกชัดขนาดนี้ ใครดูไม่ออกบ้างถามจริง ถ้าไม่ได้กินหญ้าเป็นอาหาร” ยาหยีพูดพลางส่ายหัวไปมา “งั้นเหรอ” ฉันยิ้มแหยและขำแห้งให้หมิวกับยาหยีแก้เขิน “ตัวจะชอบพี่เหมันต์ก็ไม่แปลกหรอก พี่เขาออกจะหล่อละมุนและใจดีขนาดนั้น ถึงแม้ว่าตัวกับพี่เขาจะแตกต่างกันมากก็ตาม แต่ถ้าตัวอยากสู้คว้าหัวใจพี่เขาแล้วมีอะไรให้พวกเราช่วยก็บอกได้เลยนะ” ยาหยีพูดอย่างเข้าใจฉันดี ซึ่งทำให้ฉันดีใจมาก ๆ ที่เพื่อนไม่ห้าม แถมยังสนับสนุนอีกด้วย ฉันไม่ได้หวังสูงที่จะให้พี่เหมันต์หันมาสนใจฉันด้วย แต่แค่อยากแอบชอบแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะพี่เหมันต์ถือเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันชอบ และการชอบพี่เหมันต์มันให้อารมณ์เหมือนกับในหนังรักแอบชอบรุ่นพี่ที่ฉันชอบดูมาก และแค่ได้แอบชอบและมองดูพี่เหมันต์แบบห่าง ๆ ก็ทำหัวใจฉันกระชุ่มกระชวยแล้วล่ะ “งั้นขอถามหน่อย พวกตัวคิดว่าเรากดแอดเพื่อนในเฟสบุ๊กพี่เขาไปดีไหม?” ฉันเอ่ยถามความเห็นของหมิวและยาหยี ที่จริงก่อนหน้านี้กดฟอลโล่ในอินสตาแกรมของพี่เหมันต์ไปแล้วเพราะเปิดเป็นสาธารณะ และพี่เหมันต์ก็ไม่ได้ฟอลโล่ฉันกลับ ฉันจึงอยากลองแอดเฟซบุ๊กไปดู เผื่อจะมีโอกาสได้ทักไปคุยเล่นกับพี่เหมันต์ “เอาสิถ้าตัวอยากคุยกับพี่เขา” ยาหยีตอบ สีหน้าไม่ได้ขัดอะไร “แต่เราหน้าตาบ้าน ๆ มากเลย พี่เขาจะยอมกดรับแอดเราไหมอ่ะ” “ตัวก็แต่งรูปให้สวย ๆ แล้วเอาไปตั้งรูปโปรไฟล์ดิ” หมิวเสนอ แต่ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ เพราะหน้าตาฉันต่อให้แต่งรูปมากแค่ไหนก็ยังไม่สวยอยู่ดี “ตัวพูดเหมือนง่ายเลยหมิว” “ก็ถ้าตัวอยากให้พี่เขากดรับก็ต้องทำ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเองไง” “ลองดูก็ได้” คิดตามคำพูดของหมิวแล้วฉันก็อยากลองดู แม้จะดูเป็นการหลอกลวงก็เถอะ “มา เดี๋ยวเราช่วยถ่ายรูปกับแต่งรูปให้ตัว” หลังจากที่หมิวถ่ายรูปและแต่งรูปให้ฉันเสร็จ ก็จัดการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ให้ฉันเสร็จสรรพ ก่อนจะนั่งเท้าคางมองจ้องหน้าฉันอย่างพินิจพิจารณา “จะว่าไปตัวก็น่ารักนะ แต่ถ้าดั้งโด่งกว่านี้นิดนึง หน้าเรียวอีกนิด ปากกระจับนิดหน่อย ฟันเหยินน้อยลง แล้วก็ผมตรง...ตัวไปยืดผมดีป่ะ” “แม่เราไม่ให้ไปทำอ่ะ เคยขอแล้ว” “งั้นเดี๋ยวเรายกที่หนีบผมให้ตัวเอาไปใช้” ยาหยียื่นน้ำใจมาให้ แต่ฉันก็ปฏิเสธไป เพราะทั้งเกรงใจทั้งกลัวแม่บ่น “ไม่เป็นไร ถึงตัวให้เรามา แม่เราคงไม่ยอมให้ใช้อยู่ดี แม่เราอยากให้ตั้งใจเรียน ไม่อยากให้รักสวยรักงาม” “ถ้าตัวอยากอยู่ในสายตาพี่เหมันต์ก็ต้องสวยขึ้นบ้างไหมอ่ะ ตอนนี้ตัวโคตรดูธรรมดาเลยแยมโรล” “เรารู้ แต่เราก็อยากให้พี่เหมันต์มองเราที่เป็นแบบนี้ ถ้าพี่เหมันต์จะชอบก็คงชอบที่เราเป็นแบบนี้” ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่แม่ของฉันมีอิทธิพลต่อฉันมากกว่า ถ้าเห็นฉันแปลกไปคงไม่ชอบใจเป็นแน่ ฉันไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ “นี่ตัวกำลังคิดว่าตัวเองเป็นน้องน้ำของพี่โชนรึไง!” “เปล่าสักหน่อย ช่างมันเถอะ ว่าแต่วงอึนอูอปป้าจะมีคอนฯ อีกทีตอนไหน” ฉันรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพราะไม่อยากตอกย้ำตัวเองมากไม่กว่านี้ เราสามคนนั่งคุยเล่นกันอีกสักพักหนึ่งเสียงออดเปลี่ยนเวลาก็ดังขึ้น พวกเราจึงแยกย้ายกันไปเตรียมตัวเรียนคาบสุดท้าย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม