Episode 03
Talk เบฬิน [เบ-ริน]
สวัสดีค่ะทุกคน เราชื่อเบฬินนะคะ อ่านออกเสียงว่า เบ-ริน
และเราก็คือผู้หญิงในตอนแรก ที่เปิดประตูออกมาก็พบสภาพผู้เป็นพ่อของตัวเองจมอยู่บนกองเลือดค่ะ
นับจากวันนั้นก็ผ่านมาได้สองปีแล้ว และยังคงไม่ทราบว่าพ่อของเราตายเพราะอะไรและเกิดอะไรขึ้น
อีกทั้งยังคงไม่รู้ด้วยความพ่อของเราไปทำอะไรเอาไว้ มีแค่คุณแม่ของเราเท่านั้นที่รู้เรื่อง แต่ท่านก็ไม่เปิดปริปากบอกเราเลยสักครั้ง เราเองก็ยังคงสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้…
แล้วพอมาวันนี้ก็ดันเคราะห์ร้ายโดนคนโรคจิตแอบตามติด ซึ่งโชคดีที่เราได้ผู้ชายคนนี้ช่วยเอาไว้
ไม่อย่างงั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เฮ้อ~
“ว่าแต่…คุณชื่ออะไรเหรอคะ?” เราหันไปถามเขาด้วยเสียงพูดที่เบา เนื่องจากกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะได้ยิน “หนูชื่อเบฬินนะ”
“ควินต์” เขาตอบ แววตาของเขาก็ยังคงเหลือบไปมองผู้ชายคนนั้นนิ่งๆ อย่างเป็นระยะ “เราเคยเจอกันที่เชียงใหม่นะ เธอจำได้หรือเปล่า”
“ที่เชียงใหม่…” เรานิ่ง และหันมาใช้ความคิดตอนที่ตัวเองไปเที่ยวที่เชียงใหม่ จนสุดท้ายก็นึกออกว่าเราเคยเจอกันจริงๆ
“จริงด้วย คุณคือผู้ชายคนนั้นที่หนูถอยหลังไปชน แฮะๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ หนูค่อนข้างจะซุ่มซ่ามน่ะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรอยู่แล้วล่ะ” เขาไหวไหล่อย่างไม่คิดอะไร ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นเมื่อรถไฟฟ้าแล่นมาถึงสถานีที่เราต้องลง “ไปกันเถอะ”
“ค…ค่ะ” เขาวางแขนลงมาที่ไหล่ของเราอีกครั้ง ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินออกมาจากรถไฟฟ้า แต่ทว่า…
ผู้ชายคนนั้นก็ยังคงเดินตามมาอยู่ไม่หยุด
พวกเราทำการคืนบัตรโดยสาร และเดินลงบันไดมา ผู้ชายคนนั้นก็ยังคงเดินตามไม่หยุด จนกระทั่งพวกเราเดินลงมายังด้านล่าง สุดท้ายของบันไดก็ได้เห็นชายชุดดำกลุ่มหนึ่งยืนอยู่สี่ห้าคน ซึ่งเราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะจิตใจมัวแต่วุ่นอยู่กับผู้ชายโรคจิตที่เดินตามมา
เมื่อเดินลงมาสุดทางบันไดจนถึงพื้น เราก็รู้สึกได้ถึงร่างสูงที่คว้าอะไรบางอย่างออกมาจากด้านในสูท แต่เรามองไม่ทันว่ามันคืออะไรก็ถูกเขาดึงตัวเราเข้าไปซบอก
“มึงตามมาทำไม!!!”
“อ…อึก!” และเมื่อหันออกมามองก็พบว่าสิ่งที่เขาคว้าออกมาจากด้านในสูทนั้นก็คือปืนกระบอกดำ นั่นนับว่าน่าตกใจมากแล้ว แต่มันก็ยังมีสิ่งที่น่าตกใจมากกว่าเพราะผู้ชายชุดดำที่เรากล่าวถึงเมื่อสักครู่นั้น พวกเขาก็ได้คว้าปืนออกมาจ่อที่ชายโรคจิตคนนั้นด้วยเช่นกัน
“ม…มาเฟียชัดๆ เลยนี่หว่า!” ชายโรคจิตคนนั้นเบิกตากว้าง ก่อนที่จะวิ่งหนีกลับขึ้นไปบนสถานี “ผมเปล่านะ ผ…ผมไม่ได้ตาม กลัว กลัวแล้ว!”
“เธอปลอดภัยแล้ว” เขาหันมาพูดกับเราทันทีที่ผู้ชายคนนั้นวิ่งหนีไป อีกทั้งยังเก็บปืนกลับคืนสูทของตัวเองอย่างนิ่งเฉย นี่เขา…เพิ่งจะคว้าปืนออกมาต่อหน้าสาธารณะเลยนะคะ
ทำไมถึงได้นิ่งแบบนี้กัน…?
“คุณคือ…มาเฟียจริงๆ เหรอคะ?”
“ไปเถอะ…ฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน” เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเรา และหันมาคว้ามือเราเดินไปขึ้นรถ ส่วนชายในชุดสูทสีดำที่เหลือ ก็พากันเดินตามหลังของเราทั้งคู่
แต่แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตอบอะไร เราก็รับรู้ได้ด้วยตัวเองอยู่ดี
ว่าเขา…เป็นมาเฟีย