“เห็นชอบทำตัวเป็นคนแบด ๆ นึกว่าชอบแบบนี้” เขามองใบหน้าหวานแต่ชอบเก๊กหน้าเข้มเป็นทอมบอย
“ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย อย่ามายุ่ง” เจนิตากอดอกไขว้ขาปรายตามองเขาไม่ชอบใจ
“เห็นโดนจูบยังอ่อนขนาดนั้น แน่ใจเหรอว่าไม่ชอบ”
คนเคยโดนจูบใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที นี่เขาจะพูดขึ้นมาทำไมกัน เจนิตาเม้มปากแน่น มือทั้งสองกำจนเส้นเลือดขึ้น คิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที
“ถ้าฉันชอบจริง คุณคงไม่โดนหักคอน้องชาย”
คำพูดของเธอเล่นเอาชวีขำออกมา หักคอน้องชายอย่างนั้นเหรอ จะว่าไป เธอก็เกือบทำสำเร็จนะ เพราะวันนั้นถึงจะไม่แรงมาก แต่ก็เล่นเอาเขาจุกจนแทบลุกไม่ขึ้นไปหลายนาที
“ถ้าอยากหักคอน้องชายผมจริง ใช้เข่าคงไม่ได้ แต่ถ้าอย่างอื่นก็ไม่แน่” สายตาท้าทายถูกส่งมาอีกครั้ง ชวีมองคนหน้าแดงก่ำที่ตอนนี้มันลามไปถึงลำคอ และใบหู
“ต้องการอะไร” เจนิตาตัดสินใจถามออกไปเมื่อเห็นเขากวาดตามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ และดูออกว่าคนที่นั่งตรงข้ามต้องการอะไรมากกว่าการบังเอิญมาเจอกันแน่ ๆ
“คบกันไหม” ถามออกไปแล้ว ชวีก็กอดอกมองหน้าคนที่กำลังอ้าปากค้าง
“ไอ้...ไอ้บ้า” เจนิตาด่าออกไปทันที คบบ้าคบบออะไร เธอกับเขาเพิ่งเจอกันครั้งที่สอง แล้วเขาก็ห่างไกลกับคำนิยามของคนที่เธอจะคบด้วยลิบลับ
“ด่าทำไม ไม่คบก็ไม่คบ ว่าแต่นอนด้วยกันไหมล่ะ แค่เซ็กซ์”
คำพูดของเขาทำให้เธอกะพริบตาปริบ ๆ จะมีใครบ้า หน้าด้าน หื่นไม่เลือกที่ยิ่งกว่าเขาอีกไหม อยู่ดี ๆ มาขอคบไม่พอ ยังมาขอนอนด้วยอีก
“ไอ้เลว!” คำด่าของเจนิตามาพร้อมกับน้ำเย็นผสมน้ำแข็งกระทบใบหน้าหล่อเหลา จนคนหล่อถึงกับร้องเสียงหลง
น้ำเย็นและเปียกไม่ว่า แต่มาพร้อมน้ำแข็งนี่สิ เขาเกือบตาบอดเพราะยายทอมบ้าแล้ว
“หึ ฝากไว้ก่อนเถอะ!” ชวีดึงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหน้าอย่างโกรธเคือง
ถ้าไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ที่ภาคเสนอ เขาจะลากแม่นี่ขึ้นห้องแล้วกระแทกให้จมเตียง ยิ่งคิดยิ่งโมโห ผู้หญิงบ้าอะไรเล่นตัวชะมัด ชวนคบก็ไม่คบ ชวนนอนด้วยก็ไม่นอน
ท่ามกลางผู้คนมากมายในไนต์กู๊ด มีผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งนั่งดื่มเงียบ ๆ เหมือนอย่างทุกครั้ง มาคนเดียว อยู่ในที่คนเยอะ ๆ เผื่อความเหงาจะจางหายไปบ้าง แต่ทำไมนะ ความเหงากับความว้าเหว่ยังคงมีมากเหมือนเดิม หรืออาจจะมีมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เสียงเพลงเร้าใจ เสียงผู้คนคุยกันเสียงดัง หลาย ๆ คู่กอดจูบกันราวกับเป็นคู่รัก ทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่เกินครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเพราะความชอบส่วนตัวที่ทำให้พวกเขาปล่อยตัวปล่อยใจได้ขนาดนั้น
เจนิตานั่งมองแก้วเหล้าในมือ นึกถึงคำพูดของพ่อกับพี่ชายเมื่อตอนบ่ายของวัน เพราะอย่างนี้ไง เธอถึงไม่อยากเป็นผู้หญิง และที่ไม่อยากเป็นที่สุดคือลูกสาวของตระกูลคนจีนซึ่งผู้ชายเป็นใหญ่
‘ฉันอยากให้แกเลิกเป็นทอม จะได้แต่งงานมีครอบครัว’
ใช่ แรก ๆ เธอทำเพราะเรียกร้องความสนใจ ทำเพราะประชดผู้เป็นพ่อ ทำเพราะหวังว่าสักวันแม่จะกลับมาหา ชีวิตที่ไม่มีใครต้องการมันเป็นอย่างนี้สินะ ไม่มีใครต้องการเธอเลยสักคน เพื่อนที่เคยมี แฟนที่เคยคบ ทำไมทุกอย่างดูผิดพลาดไปหมด
“กระดกขนาดนี้ อยากตายก่อนเมาหรือไง” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้เจนิตาต้องหลับตาลงระงับอารมณ์ เขาสะกดรอยตามหรืออย่างไรถึงได้รู้ว่าเธออยู่ที่นี่เวลานี้ เธอขยับออกห่างจากเขา แต่เนื่องจากโซนนี้เป็นด้านข้างเวที นักเที่ยวราตรีจึงแน่นขนัดทุกตารางนิ้ว ขยับได้เพียงเล็กน้อยก็โดนคนอื่นชนเข้า
“ระวัง!”
ชวีรับตัวเธอที่กระเด็นตามแรงชนของสาวเจ้าเนื้อคนหนึ่งตามสัญชาตญาณ จากที่พยายามหนีห่างวงแขนอีกฝ่ายในคราแรก กลายเป็นว่าตอนนี้เธอกลับตกอยู่ในอ้อมกอดเขาแล้ว ลำแขนใหญ่โอบแน่นรอบเอวเป็นปราการปกป้องได้เป็นอย่างดี เจ้าของร่างเพรียวบางถึงกับเผลอลืมหายใจ
“เจ็บไหม” เขาก้มลงมากระซิบถามเพราะหัวของเธอสูงแค่คางของเขาเท่านั้น เธอเป็นคนสูงถ้าเทียบกับผู้หญิงด้วยกัน แต่เขาเหมือนจะสูงกว่าเธอไปอีกหลายเซนติเมตร
“ปล่อย! อย่าแกล้ง!”
“ไม่ง่ายมั้ง นี่มันถิ่นใคร” ชวีดึงเสียงให้เหี้ยมโหดที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่าจะทำให้ยายนี่กลัว
“ต้องการอะไร!” เธอจิกเล็บลงบนแขนของเขา แขนที่พ้นออกมาจากเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ หลังของเธอแนบกับอกแกร่ง แม้ไม่ได้เห็นหน้าเขา เธอก็เดาออกว่าตอนนี้ไอ้คนเลวทำหน้าอย่างไร คงอยากจะจับเธอหักคอถ้าทำได้ หรือเขาจะทำได้ล่ะ
“ถ้าบอกแล้วจะให้ไหม” เพราะเสียงเพลงที่ดังเกินไป ทำให้เขาต้องโน้มใบหน้าลงพูดใกล้หูคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นเธอหดคอหนี เอียงหน้าไม่ให้เขาเข้าใกล้ คนอยากแกล้งก็อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“อี๋ ไอ้บ้า แกทำอะไร!” เจนิตาขนลุกชันเมื่อสัมผัสกับลิ้นเรียวของเขาตวัดเลียเบา ๆ ที่ใบหูขาวเนียน
ชวีได้แต่ก่นด่าตัวเอง เขามันโรคจิตชัด ๆ หากไม่อยากให้คนอื่นเห็นความโรคจิตของตนเองมากกว่านี้ คงต้องไปคุยกันในที่ส่วนตัวน่าจะสะดวกกว่า
“ไปข้างบนกัน” คำพูดเขาทำคนฟังตัวแข็งทื่อ
ข้างบน? ข้างบนไหน แล้วจะไปทำไม
“ไม่ไป! ไอ้บ้า!” เจนิตาพยายามดิ้นรนออกจากแขนแกร่ง แต่เขากลับรัดแน่นกว่าเดิม