Chapter 2

1470 คำ
ถึงจะมั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะไม่เป็นฝ่ายติดต่อไปหาเธอก่อน เพราะการที่เขาตกกระไดพลอยโจนแสร้งตีเนียนขอเบอร์โทรไปในวันนั้น มันเป็นเพราะเขาเห็นอินคิวบัสมาป้วนเปี้ยนกับเธอต่างหาก ที่เขาทำไปก็เพราะต้องการปกป้องคนไข้ของตัวเอง ไม่ได้คิดเป็นอื่นเป็นไกลสักหน่อย ทว่าถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่อังเดรก็รู้สึกว่าจิตใจไม่สงบเอาเสียเลย จากที่เป็นคนนิ่งเฉย ไม่สนใจกับการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งใด ก็กลายเป็นว่าหงุดหงิดงุ่นง่านเสียจนอยู่กับที่ไม่ได้ พอได้ยินว่าสหายเก่า วงไฮโซของตนจัดงานเลี้ยงสังสรรค์อีกแล้ว เขาก็โทรไปหาอีกฝ่ายทันทีโดยไม่แม้แต่จะสนใจด้วยว่างานเลี้ยงที่ว่าคืองานอะไร รู้แต่เพียงเขาต้องการให้ตัวเองมีอย่างอื่นทำ เพื่อให้ลืมเจ้าของดวงหน้าสดสวยที่ชื่อโมราเท่านั้น เพราะเหตุนั้น อังเดรจึงมานั่งแกร่วอยู่ในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในกลุ่มภราดรนิรันดร์ มือใหญ่ถือแก้วไวน์ที่ไม่พร่องลงเลยแม้แต่น้อยแกว่งไปมา สายตามองตรงนิ่งไปยังผู้คนในชุดสวยหรูที่พากันอวดโฉมเฉิดฉาย บ้างก็ทักทายพูดคุยกันตามประสา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ก่อนจะได้สติเมื่อเจ้าของงานเลี้ยงเดินมาทรุดตัวลงนั่งยังโซฟาเบื้องหน้า “ไม่คิดจะไปทักทายคนอื่นสักหน่อยเหรอ คุณพ่อมด” เจ้าของเสียงคือ ‘วาเลนไทน์ บลัดดี้’ ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสี บลอนด์สว่างที่มาพร้อมกับดวงตาสีฟ้าสุกสกาว พ่วงมาด้วยตำแหน่งผู้ดีมีสกุลที่มีอิทธิพลในวงการภาพยนตร์และแฟชั่นของเวซาน่าที่ได้รับการโหวตจากบรรดาสาวๆ ทั่วประเทศว่าเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่และเสน่ห์เหลือร้ายที่สุดในทศวรรษนี้ และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปเช่นกัน... บลัดดี้...ชื่อตระกูลก็บ่งบอกว่าเขาเป็นพวกชอบเลือดสีแดงสด ซึ่งใช่...เขาคือแวมไพร์ แต่จะเป็นอะไร อังเดรก็ไม่สน เขาเพียงเหลือบมองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของวาเลนไทน์เล็กน้อย จากนั้นก็ตอบกลับเสียงเรียบ “ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย” “ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่นายดันมาร่วมงานเลี้ยงของฉันที่ขึ้นชื่อว่าโคตรจะวุ่นวายเลยเนี่ยนะ? ตลกดี” วาเลนไทน์หัวเราะ เอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ “คงจะมีเรื่องอะไรทำให้นายว้าวุ่นใจล่ะสิ เรื่องอะไรล่ะ” “นายไม่จำเป็นต้องรู้” “เรื่องผู้หญิงล่ะสิ” ถึงจะไม่บอก วาเลนไทน์ก็รู้ทันเขาเสียอย่างนั้น อังเดรหรี่ตามอง ไม่ชอบเลยที่เจ้าตัวดูดเลือดตรงหน้ารู้ทันเขาไปเสียหมดทุกอย่าง แต่เขาก็ ไม่มีอารมณ์จะมาเล่าให้ฟังหรอกว่าเรื่อง “นานทีปีหน นายจะมีเรื่องผู้หญิงมาให้กลุ้มใจทั้งที มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้ ฉันมันช่ำชองเรื่องผู้หญิง นายก็รู้” วาเลนไทน์เสนอตัวอย่างขบขัน เรียวคิ้วของอังเดรย่นยู่แล้ว ดูท่าทางเขาน่าจะคิดผิดที่มาร่วมงานเลี้ยงนี่ ไปๆ มาๆ คนตรงหน้าเขา น่ารำคาญกว่าความหงุดหงิดในใจเสียอีก “อย่าแกล้งหมอนี่นักเลยน่า นายก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างหมอนี่มองผู้หญิงเป็นอย่างคนอื่นที่ไหน” เสียงของใครบางคนดังขึ้นขัด เรียกสายตาให้ชายหนุ่มทั้งสองซึ่งนั่งอยู่ก่อนหันไปมอง เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าสวมแว่นสายตาไร้กรอบ ดวงตาสีอความารีนมีแววเจือขบขันอยู่ ไม่น้อยทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายออกปากปรามเพื่อน ซึ่งนั่นทำให้อังเดรต้องขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม “ถ้านายไม่อยากให้วาเลนไทน์แกล้งฉัน นายก็ควรจะหยุดแขวะฉันด้วย โรมิโอ” ‘โรมิโอ ซีวาร์ด’ ชายหนุ่มผู้ซึ่งสืบทอดเชื้อสายมาจากตระกูลเงือกหัวเราะในลำคอ ขณะที่ใครอีกคนซึ่งยืนอยู่หลังเขาหัวเราะอย่างไม่ปกปิด “นายก็อีกคน ปารีส หยุดเลย” อังเดรว่าเสียงแข็ง ทำให้ ‘ปารีส แมดด็อกซ์’ เดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ยกแขนพาดไหล่ของสหายอย่างสนิทสนม “เอาน่า นานๆ พวกเราจะได้เห็นนายออกจากรังสักที แกล้งนิดแกล้งหน่อยก็อย่าหัวเสียไปเลย อีกอย่างนะ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลย มาดักคอกันอย่างนี้ไม่แฟร์นี่หว่า” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระ มืออีกข้างก็เสยเส้นผมสีดำสนิทที่ปรกใบหน้าคร้ามคมขึ้นไปด้วย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเจือทองอำพันประกายระยับคล้ายกับว่าได้เห็นของเล่นใหม่ ทำเอาอังเดรต้องปัดแขนของเขาออกอย่างไร้เยื่อใย “ฉันไม่เล่นกับค้างคาว ไม่เล่นกับปลา แล้วก็ไม่เล่นกับหมาอย่างนายด้วย” ดูท่าทางจะหัวเสียจริงจัง ถึงกับเรียกเผ่าพันธุ์ของกลุ่มภราดรนิรันดร์เป็นสัตว์ต่างๆ แบบนี้ คงจะแหย่ไม่ได้แล้วล่ะ “หมาอะไรกัน ฉันเป็นแวร์วูล์ฟต่างหาก” ปารีสยกแขนทั้งสองข้างขึ้นประสานหลังศีรษะ อังเดรก็ไม่สนใจแล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูดไป พลันกระดกเอาไวน์ที่ถือมาตั้งนานเข้าคอทีเดียวรวด ท่าทางนี้ทำให้โรมิโอที่นั่งลงข้างกันกับวาเลนไทน์ต้องออกปากพูดบ้าง “แต่ก็อย่างที่เจ้าค้างคาวว่า นายหัวเสียอะไรมา อย่าบอกนะว่าเรื่องผู้หญิง?” วกกลับมาเรื่องเดิมจนได้ คนถูกเรียกว่าค้างคาวเหล่มองอย่าง ขุ่นเคืองเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเจ้าแวร์วูล์ฟจมูกไวก็ทำจมูก ฟุดฟิดใส่อังเดรเสียก่อน “เรื่องผู้หญิงแน่นอน ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงฟุ้งมาจากตัวนาย” อังเดรเหล่มอง แค่นเสียงออกมา “จมูกดีสมเป็นหมา” ปารีสยักไหล่ คล้ายกับกำลังจะบอกว่า ‘อยากพูดอะไรก็พูด’ จากนั้นจุดรวมความสนใจทั้งหมดก็ตกไปอยู่ที่อังเดรอีกครั้ง “เรื่องผู้หญิง...ทำไมล่ะ นายเครียดอะไร เธอไม่ยอมนอนกับนาย หรือว่าถูกหล่อนเธอแล้วทิ้ง?” เสียงหัวเราะขรมดังขึ้นมาจากเหล่าชายหนุ่มทั้งสามเลยทีเดียว อังเดรพรูลมหายใจยาว ไม่วายถูกแกล้งทุกทีสิน่า! “ไม่ใช่อย่างนั้น” “แล้วมันเรื่องอะไร” “เรื่องไร้สาระ” “เฮ้ ถ้านายไม่บอก พวกฉันก็ช่วยอะไรนายไม่ได้นะ” วาเลนไทน์ร้องท้วงแล้วเมื่อเห็นว่าอังเดรเอาแต่บ่ายเบี่ยง ก่อนเขาจะรู้สึกตัวว่าถูกสายตาจากบรรดาเพื่อนๆ จ้องมองอย่างกดดัน เอาวะ เล่าก็เล่า ถ้าไม่เล่า เห็นทีคงจะต้องถูกเค้นคอต่อไปเรื่อยๆ แน่ “หลายอาทิตย์ก่อน ฉันมีคนไข้ใหม่รายหนึ่ง” “แล้ว?” “เธอถูกอินคิวบัสไล่ตาม ฉันก็เลยช่วยไล่ไป” “แล้วยังไง นายไล่ไม่สำเร็จ ช่วยเหลือเธอไม่ได้หรือไง ถึงได้มานั่งเครียดแบบนี้” “เปล่า” “อ้าว” “ให้ตายเถอะ ฉันก็แค่หยุดคิดถึงเธอไม่ได้ โอเคไหม เลิกถามสักที” จู่ๆ เขาก็ว่าเสียงแข็งออกมา คล้ายกับว่าหมดความอดทนกับความรำคาญใจนี้แล้ว ทุกชีวิตเงียบงัน ทว่าไม่ได้ตกใจอะไร ทำเพียงเหล่มองกันราวกับเข้าใจดีว่าสิ่งที่อังเดรเผชิญอยู่คืออะไรกันแน่ “นายตกหลุมรักเธอแล้วล่ะเพื่อน” โรมิโอพูดขึ้นบ้าง ทำเอาอังเดรต้องตวัดสายตาไปมอง “ไม่มีทาง” “ถ้านายไม่ได้ตกหลุมรักเธอ นายจะมาคิดเรื่องเธอจนหัวเสียทำไม” “นั่นสิ ฉันจะบอกอะไรให้นะอังเดร ถ้านายชอบเธอล่ะก็ จีบเลย เรื่องแค่นี้ไม่ยาก” ปารีสสำทับ ตอนนี้กลายเป็นว่าอังเดรชักจะหัวเสียเพราะเจ้าพวกเพื่อนชอบยุพวกนี้แล้วสิ “ฉันหัวเสียก็เพราะคำพูดของนายนั่นล่ะ ฉันแค่ดันเห็นอินคิวบัสมันตามติดเธอหลังจากที่ฉันช่วยไปแล้วก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ” อังเดรว่าไปตามความจริง ทว่า...ก็แค่ส่วนหนึ่ง เขายอมรับว่าที่เขาสลัดภาพเจ้าของดวงหน้าสดสวยไปไม่ได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอน่ารัก เย้ายวนใจ เขาถึงได้ไม่แปลกใจอย่างไรล่ะว่าทำไมอินคิวบัสถึงอยากครอบครองเธอขนาดนั้น แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะสนใจมนุษย์ที่มีชีวิตเปราะบางอย่างนั้นได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม