- 10 -
เด็กเสี่ย
MELBEE'S PART ;
วันถัดไป
กองถ่ายละครที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่กลับกลายเป็นสีสันที่ฉันเห็นจนชินตาไปซะแล้ว และมันก็เป็นอีกเช่นเคยที่ฉันจะต้องมาที่กองละครเพื่อถ่ายคิวของตัวเองในวันนี้
หลังจากที่ขับรถมาถึงกองถ่ายได้ไม่นาน ฉันก็ถูกทีมงานพาไปตัวไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าฉากในอีกสามสิบนาทีข้างหน้า และไม่ลืมที่จะซื้อขนมติดมือมาฝากนักแสดงคนอื่น ๆ และเหล่าทีมงานอีกด้วย
"โอ้โห เมลซื้อขนมมาอีกแล้วเหรอ วันนี้ซื้ออะไรมาล่ะจ้ะ ไหนพี่ดูซิ"
พี่หยดผู้ช่วยผู้กำกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสและแววตาพราวเมื่อเห็นถุงขนมมากมายที่วางกองอยู่บนโต๊ะ ฉันที่กำลังแต่งหน้าทำผมก็ยิ้มรับแทนเอ่ยบอกเพราะตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้
"น้องเมลสุดสวยซื้อโดนัทมาฝากค่ะพี่หยด หนูก็กินไปหลายชิ้นแล้วเนี่ยอร่อยมากเลยพี่"
"ใช่ ๆ อร่อยจริงเมล ซื้อขนมมาฝากทุกครั้งแบบนี้ถ้าเกิดน้ำหนักขึ้นพี่จะทำยังไงล่ะเนี่ย"
ช่างทำผมเอ่ยเสริมซึ่งเป็นจังหวะที่ช่างแต่งหน้าหันไปหยิบลิปสติกพอดี ฉันจึงหัวเราะเบา ๆ และตอบกลับไปอย่างไม่คิดมากในเรื่องพวกนี้นัก
"น้ำหนักขึ้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ ค่อยลดก็ได้เนอะ"
"แหม เมลก็พูดไป ตัวเราน่ะหุ่นดีหุ่นสวย พวกพี่นี่สิอย่างกับโอ่งมังกร แต่ก็หยุดกินไม่ได้ด้วยนะ สงสัยพระเจ้าไม่อยากให้พี่ผอมแน่ ๆ"
"เมลเองก็คุมน้ำหนักโหดอยู่เหมือนกันค่ะ ถ้าปิดกล้องเมื่อไหร่เมลจะกินให้ตัวแตกไปเลย!"
ยอมรับว่าตัวเองกำลังคุมน้ำหนักอยู่เหมือนกัน แถมยังคุมโหดไม่น้อย หากลองสังเกตดูแล้วแทบจะไม่ถึงครึ่งของปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นะ...มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันคุมน้ำหนักได้ไวนี่นา
ไว้ปิดกล้องละครเมื่อไหร่ฉันจะกินให้ตัวแตกไปเลย จัดหมูกระทะชาบูทุกมื้อเย็นกับเต แบบนี้คงฟินน่าดู!
"หุ้นส่วนคนใหม่มา! เก็บของให้เป็นระเบียบหน่อยโว้ย! ได้ยินไหม หุ้นส่วนคนใหม่มาที่กอง!"
เสียงตะโกนของทีมงานผู้ชายทำให้ฉันและคนอื่น ๆ ที่กำลังสนทนาอย่างสนุกสนานถึงกับเงียบลงและหันไปมองยังต้นเสียงด้วยความแปลกใจ แต่ทว่าความแปลกใจถูกแทนที่ไปด้วยความสงสัยมากกว่า...เพราะหุ้นส่วนคนใหม่ที่ว่าน่ะนั่นก็คือเสี่ยชัยยังไงล่ะ!
ร่างสูงของชายวัยสี่สิบปลายเดินเข้ามาในโซนแต่งหน้าของนักแสดงหญิง อีกทั้งในมือทั้งสองข้างก็ยังหอบหิ้วทั้งขนมและอาหารน่าทานเต็มไปหมด
"คุณชัย..." พี่หยดเอ่ยเสียงแผ่วพลางเบิกตากว้างที่อยู่ ๆ ผู้ที่เข้ามาใหม่ก็เดินเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้
โชคดีที่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในสภาพไม่ดีอะไร เปลี่ยนชุดและใส่เสื้อผ้าที่ทีมงานจัดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย แต่ฉันเองก็ไม่ได้คิดถือสาอะไรเพราะเสี่ยชัยอาจจะไม่รู้จริง ๆ เขาเองก็เพิ่งเข้ามาในวงการนี้คงแค่อยากมาเยี่ยมกองถ่ายตามประสาผู้ถือหุ้นคนใหม่ที่อยากเรียนรู้งานเท่านั้น
"สวัสดีคุณชัย"
"สวัสดีเสี่ย...เอ่อ สวัสดีคุณชัย" ฉันยกมือไหว้และชะงักคำเอาไว้เมื่อเผลอเรียกเขาในคำคุ้นเคย แม้ว่าเสี่ยชัยจะเป็นคนบอกให้ฉันเรียกตามเดิมก็เถอะ แต่ในเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นฉันก็ควรให้เกียรติเขาในฐานะผู้ถือหุ้นที่เปรียบเสมือนเจ้านาย
"คุณอะไรกันหนูเมล เรียกเสี่ยเหมือนเดิมสิ"
คำพูดนั้นทำเอาคนอื่น ๆ ภายในห้องต่างมองหน้ากันเป็นตาเดียว ขณะที่ตัวฉันเองได้แต่ทำตัวไม่ถูกเพราะตอนนี้ทุกคนคงจะรู้แล้วว่าฉันกับเสี่ยชัยเรารู้จักกันมาก่อน
"เอ่อ...ค่ะ"
"แล้วนี่กำลังแต่งหน้ากันอยู่เหรอ เอาเลย ๆ ตามสบายเลยนะ ผมออกไปก่อนล่ะ"
เมื่อเห็นว่าภายในห้องตกอยู่ภายใต้ความเงียบเสียงของเสี่ยชัยก็เอ่ยขึ้นต่อจากนั้น ฉันเลยรีบพยักหน้ารีบรัว ๆ จนกระทั่งเสี่ยชัยเดินออกไป หลงเหลือเพียงตัวฉันและช่างแต่งหน้าทำผมกันอยู่สามคน
ฉันไม่ได้พูดอธิบายอะไรต่อ ซึ่งทุกคนเองก็ไม่ได้ถามอะไรฉันเพิ่มเติม ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปจนได้เวลาถึงคิวถ่ายของฉัน
ฉากของวันนี้เป็นฉากที่ฉันจะต้องถูกทำร้ายจากตัวละครอีกตัวหนึ่ง และแน่นอนว่ามันจะต้องมาฉากร้องไห้ตามประสานางเอกอ่อนแอที่ชอบบีบน้ำตานั่นแหละ
ฉันหยุดยืนอยู่หน้าเซตเตรียมพร้อมที่จะถ่ายเพียงรอเวลาผู้กำกับสั่งเริ่มเท่านั้น ระหว่างที่รอฉันก็ผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ รู้สึกกังวลที่จะต้องเข้าฉากร้องไห้แบบนี้
จนกระทั่ง...
"โอเคครับ สาม สอง หนึ่ง แอ็คชัน!"
สิ้นเสียงผู้กำกับสั่งก็ทำให้ฉันและตัวละครอีกคนเดินเข้ามาในกล้องและเริ่มต้นบทบาทของตัวเองที่ได้รับในทันที
"แกใช่ไหมที่กริชไปหาเมื่อคืน คือแกใช่ไหม!"
หมับ!
"อ๊ะ! นี่คุณ ทำบ้าอะไร!"
"อีหน้าด้าน ยังจะมาทำใสซื่อ มานี่เลย!!!"
หมับ!
"ยะ...อย่านะ ฮึก..."
จังหวะที่ฉันกำลังก้มหน้าเมื่อฝ่ามือของอีกฝ่ายกำลังจะฟาดลงมาตามบทบาท แต่ทว่า...กลับมีเสียงของใครคนหนึ่งที่เอ่ยแทรกขึ้นมา
"คัท! ไม่ได้ ๆ ตบจริงไม่ได้นะ คัท! คัทก่อนเลย!"
ประโยคนั้นที่เอ่ยขึ้นแทรกทำให้การกระทำหยุดชะงักลงในทันที ฉันและคนอื่น ๆ รวมถึงทีมงานต่างก็หันไปมองยังต้นเสียงที่ขัดขวางการทำงานเป็นสายตาเดียว
"ทะ...ทำไมครับคุณชัย ทำไมถึงสั่งคัทเหรอครับ"
ใช่...เป็นเสี่ยชัยที่สั่งคัท ทั้งที่ตัวเขาไม่ได้มีหน้าที่หรือส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับกองถ่ายนี้เลยสักนิด
"จะให้ตบจริงไม่ได้นะ จะให้หนูเมลหน้าเป็นรอยไม่ได้ นี่นางเอกเบอร์หนึ่งของช่องนะ พวกคุณทำบ้าอะไร!"
"แต่ว่า..."
"ไม่มีแต่! แก้บทเดี๋ยวนี้ หรือไม่ก็ให้คนมาแสดงฉากนี้แทน!"
เสียงหนักแน่นด้วยคำพูดเด็ดเดี่ยวทำให้ผู้กำกับรวมถึงผู้จัดต่างก็ทำหน้าลำบากใจแถมยังไม่มีใครเอ่ยปฏิเสธเพราะกลัวในตำแหน่ง
การที่เสี่ยชัยมาขัดขวางการทำงานแบบนี้ทำให้ฉันที่ถึงแม้ว่าจะเป็นนักแสดงธรรมดากลับรู้สึกไม่พอใจเป็นที่สุด ฉันไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไม การที่เขาทำแบบนี้กลายเป็นว่าจะทำให้คนอื่นมองฉันไม่ดีเปล่า ๆ
"เอ่อ...เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะคุณชัย ถ้าอย่างนั้น..."
"เมลว่าไม่ได้ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ มันเป็นการแสดง แล้วอีกอย่างเมลเองก็ยินดีที่จะเล่นเองด้วย เสี่ยคะ เมลว่าให้ทางทีมงานและคนที่เกี่ยวข้องเป็นคนตัดสินใจดีกว่านะคะ"
เมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าลำบากใจก็ทำให้ฉันโพล่งขึ้นมาและเอ่ยออกไปด้วยความหนักแน่น
"แต่เสี่ยว่า..."
"เมลขอเถอะค่ะ เมลยินดีที่จะเล่นจริง ๆ"
คำเอ่ยย้ำของฉันทำให้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเสี่ยชัยอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาทำได้เพียงพยักหน้ารับบาง ๆ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเป็นการตอบรับในการตัดสินใจของฉัน
"เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น เรามาถ่ายกันต่อดีกว่าเนอะ น้องเมลจ้ะเตรียมตัวนะจ๊ะ"
"ค่ะพี่หยด"
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันกำลังหงุดหงิดและไม่พอใจเสี่ยเป็นที่สุด แต่ฉันกลับไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะเขาขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้นและรวมถึงผู้ที่กุมชะตากรรมของฉันในวงการนี้อีกด้วย
ฉันเริ่มต้นในวงการนี้มานานกว่าจะมีชื่อเสียงแบบนี้ก็นับว่าเหนื่อยมามาก ฉันจะไม่ยอมทำให้อะไรมาขัดขวางหรือว่าทำให้งานที่ฉันรักต้องจบลงอย่างแน่นอน
หลายชั่วโมงผ่านไป
คิวถ่ายของฉันในวันนี้จบลงแต่ทุกอย่างก็ตรงตามที่ผู้กำกับได้วางเอาไว้ ตอนนี้ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นซึ่งเตแฟนของฉันก็เลิกงานพอดี ซึ่งฉันได้นัดแนะกับเตให้มารับที่กองถ่ายเพราะวันนี้ฉันไม่ได้เอารถมา แต่ลึก ๆ เองก็อยากให้แฟนมารับนั่นแหละ
"ฮัลโหลเต...เมลถ่ายเสร็จแล้วนะ เตอยู่ไหน" เมื่อถ่ายงานเสร็จฉันก็โทรหาเตในทันที
(เตกำลังไปครับ อีกแป๊บเดียวก็ถึงแล้วเมล)
"โอเคค่า เดี๋ยวเมลออกไปรอน้า"
ฉันกดวางสายและเดินออกไปด้านนอกเพราะไม่อยากให้เตต้องจอดรอ ก่อนจะเดินออกไปฉันก็ไปทักทายและยกมือไหว้พี่ ๆ ทีมงานทุกคนอย่างที่ทำเป็นประจำ
"เมลกลับก่อนนะคะพี่ ๆ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ สวัสดีค่า"
"ค่า สวัสดีค่ะน้องเมล"
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับก็ทำให้ฉันเดินออกไปหวังจะออกไปรอแฟนหนุ่มที่กำลังขับรถมาหา
"อ๊ะ...ลืมลิปสติกนี่นา" ฉันชะงักฝีเท้าและหมุนตัวกลับไปเพื่อจะไปหยิบของที่ลืมเอาไว้ที่ห้องแต่งหน้า
แต่ทว่า...
"แกว่าน้องเมลกับคุณชัยนี่มีซัมติงกันรึเปล่าอะ"
"เออนั่นดิ ฉันเองก็สงสัยว่ะ"
"ฉันว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคุณชัยไม่ออกโรงห้ามออกหน้าออกตาขนาดนั้นหรอก"
เสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้นทำให้ฉันแน่นิ่งไปในทันทีราวกับถูกของหนักตีเข้ากลางศีรษะ
ว่าแล้วเชียว...คนอื่นจะต้องคิดแบบนั้นจริง ๆ ด้วย
ครืด...ครืด...
แรงสั่นและเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ทำให้สติของฉันกลับคืน ฉันหยิบมันออกมาจากกระเป๋าซึ่งหน้าจอโชว์เบอร์ของเตจึงทำให้ฉันกดรับสายในทันที
"ฮัลโหลเต"
(เตมาถึงแล้วนะ เมลออกมารึยังครับ)
"เมลกำลังออกไปเต รอแป๊บนึงน้า"
(ครับผม)
สิ้นเสียงตอบรับก็ทำให้ฉันกดวางสายและเงี่ยหูฟังบทสนทนาต่อเพราะอยากรู้ว่าคนในกองจะพูดอะไรถึงฉันอีกบ้าง
"น้องเมลเป็นเด็กเสี่ยรึเปล่าแก ช่วงนี้น้องเมลก็มีงานเข้ามาเยอะเลย ฉันว่าต้องได้บารมีจากคุณชัยแน่ ๆ เลยอะ"
"เออว่ะ ฉันก็ว่างั้น ก็นะ...คนสวย ๆ ก็งี้แหละ เป็นเด็กเสี่ยกันหมด เฮ้อ...เสียดายหน้าตากับความสามารถจัง ไม่น่าเลยน้องเมล"
อยู่ ๆ หยาดน้ำตาก็เอ่อคลอรอบดวงตา ฉันเม้มปากแน่นสกัดกั้นเสียงสะอื้นเพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้า
ที่ฉันอยู่ในวงการได้ก็เป็นเพราะความสามารถทั้งนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร และไม่มีใครเป็นเส้นสายเลยสักนิด
หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ฉันก็คงไม่ต้องลำบากและพยายามจนเหน็ดเหนื่อยแบบนี้
ฉันหมุนตัวและเดินกลับไปเพราะไม่อยากมีปัญหาอะไรอีก ทำได้เพียงนิ่งงันไม่ตอบโต้เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีใครเชื่อในคำพูดของตัวเองอยู่ดี หวังว่าสักวันฉันจะสามารถอยู่ในจุดสูงสุดของวงการนี้โดยที่ไม่ต้องสนใจใคร...ฉันหวังไว้แบบนั้นจริง ๆ
MELBEE’ S PART ; END