- 9 -
ผู้มีพระคุณ
"เมลไปก่อนน้า ตั้งใจทำงานล่ะ สู้ ๆ"
เมื่อเดินลงจากรถเสียงหวาน ๆ ก็เอ่ยตามมาพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างที่ทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาในทันที
วันนี้เมลเป็นคนขับรถมาส่งผมที่ทำงาน โดยปกติแล้วส่วนมากก็จะเป็นผมนี่แหละที่รับหน้าที่เป็นสารถีให้กับเธอ แต่เนื่องด้วยวันนี้เมลต้องขับรถไปกองถ่ายที่ต่างจังหวัด เลยเธออาสาที่จะขับรถมาส่งผมที่บริษัทแล้วก็ค่อยขับตรงไปยังกองถ่าย
"ขับไหวแน่นะเมล ให้เตขับไปส่งดีไหม"
ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปด้านในก็ไม่วายที่จะย้ำถามแฟนสาวอีกครั้ง แน่นอนว่าผมไม่ได้อยากให้เธอขับรถไปคนเดียวเลย อีกทั้งตัวผมเองก็ยังอยากที่จะเป็นคนขับไปส่งเธอเลยด้วยซ้ำ เรื่องลางานก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่เมลบีกลับเกรงใจและออกปากปฏิเสธอยู่หลายครั้ง ทำให้ผมต้องจำนนยอมตามสิ่งที่เธอต้องการ
"ไหวค่า ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแฟน เมลจะขับอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาทแล้วก็จะขับช้า ๆ ด้วย"
เป็นแบบนี้ตลอด...น้ำเสียงหวาน ๆ และรอยยิ้มน่ารัก ๆ นั่นทำให้ผมพ่ายแพ้ และเธอเองก็รู้ว่าผมมักจะโอนอ่อนให้อยู่เสมอ
"ดีมาก ถ้าถึงแล้วทักมาบอกด้วยนะเมล เตจะได้หายห่วง"
"รับทราบค่า เมลไปแล้วน้า บ๊ายบาย"
ครืด...ครืด...
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์คนตัวเล็กดังขึ้นก่อนที่ผมจะเดินจากไป เธอหยิบมันขึ้นมาก่อนจะกดรับสาย ซึ่งผมเองก็ยังคงยืนอยู่อย่างนั้นเพราะอยากรอส่งเธอให้ขับรถออกไปเสียก่อนแล้วค่อยเข้าด้านใน
"ค่า...ค่ะคุณเหม คะ? ทำไมล่ะคะมีอะไรรึเปล่า...ดะ...ได้ค่ะ เดี๋ยวเมลจะรีบเข้าไปหานะคะ ค่า...สวัสดีค่า"
ผมได้ยินไม่ชัดเจนนักแต่ก็พอจับใจความได้ว่าเธอต้องไปหาคนคนหนึ่งที่น่าจะสำคัญพอสมควร
"เต เมลไม่ต้องไปกองถ่ายแล้วล่ะคะ คุณเหมประธานใหญ่เรียกให้เข้าบริษัทด่วนน่ะ"
"อ้าว ทำไมล่ะ มีอะไรรึเปล่า"
"เมลเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่น่าจะสำคัญอยู่แหละ"
เมลบีเองก็สงสัยไม่ต่างจากผม เธอคงยังไม่รู้อะไรมากเพราะทางนั้นก็คงมีเรื่องด่วนจริง ๆ ถึงได้เรียกตัวกะทันหันแบบนี้
"งั้นเมลไปก่อนนะเต บ๊ายบาย ตั้งใจทำงานน้า"
"ครับผม ขับรถดี ๆ ล่ะอย่าขับเร็วด้วย"
ที่ผมต้องกำชับก็เพราะเมลน่ะนักซิ่งตัวแม่ เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้แต่เวลาขับรถอย่างกับคนละคน แต่เธอก็เป็นคนขับรถเก่งนะ ขับรถดีด้วย ผมแค่เป็นห่วงเธอเลยออกปากเตือนไปแบบนั้น
"รับทราบค่า!"
สิ้นเสียงหวานกระจกรถก็เลื่อนขึ้นก่อนที่ตัวรถยนต์จะขับเคลื่อนออกไปตามทางจนกระทั่งสุดสายตา ผมจึงเดินเข้าไปด้านในบริษัทเพื่อเริ่มต้นหน้าที่ในฐานะพนักงานสักที
อีกด้าน
รถยนต์สี่ประตูขับเข้ามาจอดก่อนที่เจ้าของรถจะเดินตรงเข้าไปด้านในพร้อมด้วยกระเป๋าที่สะพายติดตัวมา เมลบีก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เธอใช้เวลาในการขับรถจากบริษัทของแฟนหนุ่มมายังตึกค่ายเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น จากเดิมที่ต้องไปกองถ่ายละครที่ต่างจังหวัด แต่อยู่ ๆ ประธานค่ายก็เรียกตัวกะทันหันเลยทำให้เธอต้องรีบมาแบบนี้
นักแสดงสาวเดินตรงไปยังห้องทำงานของประธานบริษัทหรือคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายเหนือใคร การที่ถูกเรียกก็คงจะต้องมีเรื่องด่วนเป็นแน่ หรือบางทีอาจจะเป็นข่าวดีที่เธอได้รับโฆษณาตัวใหม่ที่เฝ้ารอ...หากเป็นเช่นนั้นเธอก็คิดว่ามันคุ้มค่ากับการทำงานหนักมาตลอดทั้งปี
แต่ทว่า...
ตุ้บ!
ปึก!
"อ๊ะ..."
จังหวะที่ขาเล็กกำลังจ้ำอ้าวตรงไปยังห้องทำงานที่อยู่ตรงหน้า อยู่ ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำไม่ดูทิศทาง ทำให้ชนเข้ากับร่างของเธออย่างจังจนข้าวของร่วงหล่นกับพื้นทั้งหมด
"ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรไหมครับ"
"ฉันไม่เป็นไรค่ะ" แม้ลึก ๆ จะนึกหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่คิดจะเอาเรื่องหรือต่อความอะไร
เมลบีก้มหน้าและเก็บข้าวของทั้งหมดก่อนจะรีบเดินออกไป แต่ทว่ากลับถูกคนคนนั้นเรียกรั้งเอาไว้
"เดี๋ยวก่อนสิเมลบี"
ใบหน้าหวานหันมองเจ้าของเสียงด้วยความแปลกใจ แต่ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีทำให้เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนคนนั้นชัด ๆ
"เสี่ยชัย..."
เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเบาที่แทบจะเป็นเพียงลมพัดผ่าน เธอทั้งแปลกใจและตกใจกับคนที่กำลังหยุดยืนตรงหน้า ไม่คิดว่าจะเจอกับเขาในสถานที่แบบนี้
เสี่ยชัยคือเจ้าหนี้ผู้มีพระคุณของเธอ เธอไม่ได้เจอะเจอกับเขามานานหลายปีแล้ว อีกทั้งตอนนี้เธอก็ยังคงทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้หนี้เขาไม่เคยขาด
หากย้อนไปถึงตอนนั้นก็นับว่าเสี่ยชัยเป็นผู้มีพระคุณที่สุดสำหรับเธอ ตอนที่ครอบครัวของเธอกำลังลำบาก แต่กลับถูกคนใจดีอย่างเขาให้หยิบยืมเงินจนสามารถตั้งตัวและมีกินมีใช้ถึงทุกวันนี้
"จำเสี่ยได้ด้วยเหรอ ดีใจจัง"
"เสี่ยมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ"
"มาทำธุระน่ะ เสี่ยดีใจนะที่ได้เจอเมลอีกครั้ง"
"เมลเองก็ไม่ได้เจอเสี่ยนานมากเลยค่ะ จำได้ว่าเจอล่าสุดก็ตอนที่ไปขอผัดจ่ายหนี้...นึกแล้วก็น่าขำนะคะ"
การพบเจอกันล่าสุดของเธอและเขานั้นเมื่อหลายปีก่อน เมลบีบากหน้าไปพบเจอเขาเพื่อขอเลื่อนวันนัดชำระหนี้ แต่เพียงคำคำเดียวที่ร้องขอกลับทำให้เสี่ยชัยตอบรับ อีกทั้งยังยื่นมือเข้าช่วยให้เงินเพิ่มอีก ซึ่งเธอไม่ได้รับเงินจำนวนนั้นมา แต่รับปากกับเขาว่าจะรีบหาเงินมาจ่ายหนี้งวดนี้ให้เร็วที่สุด
"เรื่องมันผ่านมานานแล้วน่า อย่าไปคิดถึงมันเลย"
"เงินก้อนสุดท้ายเมลจะรีบหาไปคืนให้นะคะ คงไม่ได้ผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ เหมือนเดิมแล้ว เมลอยากจ่ายให้ครบทีเดียวน่ะค่ะ"
"งั้นเหรอ..." คนตรงหน้าแค่นหัวเราะเบา ๆ พลางสอดมือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงจ้องมองหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม
"เสี่ยเป็นผู้มีพระคุณกับครอบครัวเมลมาก บุญคุณนี้เมลจะไม่ลืมเลยค่ะ"
หญิงสาวยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม แม้ว่าเสี่ยชัยจะอายุน้อยกว่าพ่อและแม่ของเธอ แต่เธอกลับเคารพเขาไม่ต่างจากผู้ให้กำเนิดทั้งสอง
"บุญคุณเหรอ...ฮึ"
"เมลจะตอบแทนแน่นอนค่ะ ถ้าไม่ได้เสี่ย เมลก็คงไม่มีวันนี้"
"ฮึ...เสี่ยจะรอนะ เสี่ยจะรอวันที่หนูตอบแทน"
คำพูดที่มีความแฝงแต่กลับไม่ได้ทำให้นักแสดงสาวนึกสนใจแต่อย่างใด เธอยิ้มรับบาง ๆ อย่างนอบน้อม ดีใจที่ได้เจอผู้มีพระคุณหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี
"อ้าว! คุณศุภชัย มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย"
ประธานใหญ่ที่เดินออกมาจากห้องทำงานทำหน้าตกใจที่เห็นสองคนยืนคุยกันอยู่หน้าห้อง
"แล้วนี่...รู้จักกันเหรอครับ ผมกำลังจะแนะนำให้รู้จักกันพอดีเลย"
"ครับ เรารู้จักกันอยู่แล้วครับ แต่ไม่ใช่ในฐานะหุ้นส่วน"
"หุ้นส่วน?" เมลบีเอ่ยเสียงแผ่วเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นเพียงรอยยิ้มบาง ๆ เท่านั้น
"เข้าไปคุยกันข้างในที่กว่าเมล เชิญครับคุณศุภชัย ทางนี้เลยครับ"
เมลบีเดินตามผู้ใหญ่ทั้งสองเข้ามาในห้องทำงาน แม้ว่าภายในใจจะมีแต่คำถามมากมาย เธอไม่เข้าใจกับคำว่าหุ้นส่วนที่เสี่ยชัยพูด เสี่ยชัยมีฐานะร่ำรวยและทำธุระโรงสีสืบทอดต่อจากทางบ้านมานานหลายสิบปี แต่อยู่ ๆ กลับกลายเป็นว่าเขามีหุ้นของช่อง ซึ่งก็เท่ากับว่าเขาจะกลายเป็นเจ้านายอีกคนหนึ่งของเธอ
"คุณศุภชัยเป็นผู้ถือหุ้นคนใหม่ การตัดสินใจและการบริหารจะเทียบเท่ากับผมทุกอย่าง"
ประธานใหญ่เอ่ยบอกเมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของนักแสดงสาว ที่เขาเรียกเธอมาที่นี่ก็เพื่อบอกเรื่องนี้ให้เธอรับรู้
ตอนนี้เมลบีกลายเป็นหน้าเป็นตาของช่อง เธอกำลังเป็นกระแสและมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นหลังเล่นละครพีเรียด นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอโด่งดังและมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้
ในฐานะประธานค่ายจึงอยากแนะนำให้นักแสดงเบอร์หนึ่งกับผู้ถือหุ้นใหญ่ได้รู้จักกัน หากมีงานเรียกใช้เขาก็อยากจะฝากฝังให้เมลบีได้รับโอกาสที่มากขึ้น
"ผู้ถือหุ้นเหรอคะ"
"คงจะตกใจสินะ ปกติเสี่ยก็ไม่ถนัดไอ้ธุรกิจพวกนี้หรอก แต่พอรู้ว่าหนูเมลอยู่ค่ายนี้เสี่ยก็รีบซื้อหุ้นทันทีเลยนะ"
สรรพนามคำพูดที่ใช้เรียกเธอเปลี่ยนไปทำให้เมลบียิ่งมึนตึงและสับสน เธอไม่ได้เก็บคำพูดของเขามาใส่ใจเพียงคิดว่าเขาพูดเอาใจเธอเท่านั้น เขาคงไม่หันมาลงทุนเพียงเพราะเธออยู่ค่ายนี้จริง ๆ อย่างที่พูด
"แล้วสองคนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอครับ"
"ค่ะ เสี่ยชัยเป็นผู้มีบุญคุณกับครอบครัวเมล ถ้าไม่ได้เสี่ยเมลก็คงไม่มีวันนี้"
"อ้อ...อย่างนี้นี่เอง ดีเลยแบบนี้ ผมเองก็กังวลตั้งนานไม่รู้จะพูดกับเมลยังไง"
รอยยิ้มปรากฏขึ้น ภายในใจก็มีบางอย่างแฝงซ่อนภายใต้ใบหน้ายินดี คำว่าบุญคุณเป็นสิ่งที่เมลบีตระหนักและฝังลึกไว้อยู่ในใจ หากใช้สิ่งนี้ตอบแทนความต้องการก็คงหาข้อเลี่ยงได้ยาก
เมลบีอยู่พูดคุยกับผู้ใหญ่ของค่ายสักพักจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงสิบเอ็ดโมง หญิงสาวเดินออกมาจากห้องและส่งข้อความกลับไปบอกทางทีมงานที่กองถ่ายเพราะอยากไปถ่ายฉากของวันนี้ให้เสร็จสิ้น ทางกองแจ้งเวลาถ่ายจนถึงบ่ายสามและตอนนี้ก็เพิ่งสิบเอ็ดโมง เธอยังเหลือเวลาอีกมาก หากกลับไปถ่ายได้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างน่าเสียดาย
"หนูเมล...หนูเมลเดี๋ยวก่อนสิ"
พลันเมื่อเดินออกไปยังนอกตึกเสียงเข้มก็เอ่ยเรียกทำให้ใบหน้าหวานหันมองด้วยความแปลกใจ
"เสี่ย...เอ้ย คุณชัย"
ตอนนี้เธอจะเรียกเขาว่าเสี่ยชัยเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เขาอยู่ในฐานะหุ้นส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจงานของเธอ และเธอควรรักษาระยะห่างกับผู้ถือหุ้นใหญ่เพราะไม่อยากให้ใครมองไม่ดี
"เรียกเหมือนเดิมเถอะ เสี่ยชอบแบบเดิมมากกว่า มาคงมาคุณอะไรกัน"
"เอ่อ...แล้วเสี่ยมีอะไรรึเปล่าคะ"
"จะไปไหนล่ะ ให้เสี่ยไปส่งไหม"
"เมลจะไปกองถ่ายน่ะค่ะ ที่ปราจีนฯ"
"โห...ต้องไปไกลเลยเหรอ ไม่ได้ละ แบบนี้ก็แย่เลยนะ เป็นผู้หญิงขับรถเดินทางคนเดียวแบบนี้ เสี่ยคงต้องไปคุยกับคนที่เกี่ยวข้องหน่อยแล้วว่าห้ามไม่ให้หนูเมลทำงานต่างจังหวัด"
เสี่ยชัยมีสีหน้าเคร่งเครียด ผิดกับเมลบีที่รีบโบกมือและออกปากห้ามในทันที
"อย่าเลยค่ะ เมลเต็มใจค่ะ เมลอยากทำ อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ เมลอยากทำจริง ๆ"
คนตรงหน้ามองหญิงสาวอย่างชั่งใจแต่พอเห็นสีหน้าและท่าทางตกใจของเธอก็ทำให้ต้องคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ
"เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าหนูเมลมีปัญหาอะไรก็บอกเสี่ยได้เลยนะ เสี่ยยินดีช่วย อย่าเห็นว่าเป็นคนอื่นเลย"
"ขอบคุณเสี่ยมากนะคะ" เมลบียกมือไหว้ แต่ทว่าหลังจากนั้นคนตรงหน้าก็เดินมากอบกุมของเธอเอาไว้พลางจับเบา ๆ ที่ไหล่มน
การกระทำนั้นทำให้เมลบีชะงักไปชั่วครู่แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เธอถอยหลังหนึ่งก้าวเพราะกลัวว่าคนอื่นจะมาเห็น หากแต่ไม่ทันสังเกตถึงบุคคลที่หยุดยืนอยู่ในที่มืดที่ตอนนี้กำลังเก็บภาพเหล่านั้นเอาไว้ทั้งหมด
ภาพทุกอย่างถูกส่งเข้าข้อความของผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของเธอตั้งแต่การขับรถมาที่ตึกแห่งนี้ โดยที่มีการเตรียมการเอาไว้ทั้งหมด
MESSAGE : Secret (2)
: -ส่งรูปภาพ-
: เรียบร้อยครับนาย ผมถ่ายภาพทั้งหมดไว้แล้วครับ